8 มีนาคม 2547 14:23 น.
อัลมิตรา
..๏ แสร้ง..
ต้องหลบเลี่ยงสายตามิกล้าเอ่ย
วางหน้าเฉยไม่ทุกข์ร้อนตอนเธอถาม
ที่เป็นจริงคือร้องไห้ในทุกยาม
แต่หักห้ามเสแสร้งแกล้งบอกไป
ยังสบายดีอยู่..เธอก็เห็น
คงยิ้มเช่นเริงร่า..อย่าสงสัย
เรื่องราวที่เคยระทมตรมหัวใจ
ลบเลือนไปมิจำคำคนลวง
อย่าเพียรถามว่าฉันเจ็บปวดไหม
ตอบทันใด...ลืมซะ.. ! อย่ามาห่วง
สิ่งเธอทำช้ำใจทั้งหลายปวง
บัดนี้ล่วงมิจำคำบิดเบือน
ขอเถอะนะ..อย่าถามอีกได้ไหม
คำซักไซร้เหมือนมีดกรีดเสมือน
ฉันสร้างภาพมายามาแรมเดือน
เพื่อลบเลือน..แผลใจให้หายจาง
จำต้องใช้ช่วงเวลาครานี้
หลอกคนดีว่าใจไม่หม่นหมาง
เพราะรักเรากลับไป..ไร้หนทาง
จึงอำพรางแสร้งสุขเก็บทุกข์ใน ๚ะ๛
6 มีนาคม 2547 21:09 น.
อัลมิตรา
..๏ รัตติกาล..จันทร์แจ่มแต่งแต้มฟ้า
ดื่นดาราเรืองงามล้ำราศี
นั่งนอกชานเพ่งชมสมฤดี
เดือนดาวมีมากมายคล้ายเย้ายวน
เสียงหริ่งหรีดหลากหลายเรไรร้อง
สำเนียงก้องกู่ไกลจากท้ายสวน
แล้วเงยหน้ามองเดือนเหมือนเชิญชวน
มวลดาวล้วนสุกสกาวพราวพิไล
แสนงดงามเลิศล้ำเกินกำหนด
ยังปรากฏแสงส่วางพร่างสดใส
แจ่มจรัสจนเผลอละเมอไป
หมายคว้าไขว่ครอบครองปองรื่นรมย์
แสนหลงใหลจันทราดาราเอ๋ย
ยามชมเชยคราใดใจสุขสม
ครั้นคืนแรมลาร้างดั่งตรอมตรม
ด้วยหวังชมสีแสงแห่งดาวเดือน
ฤๅเป็นเพียงเผลอไผลฝันใฝ่หนอ
บางคราวท้อดาวดับเดือนลับเลื่อน
คราวคืนแรมร้างไกลไม่มาเยือน
รู้สึกเหมือนอ้างว้างใจในราตรี
ยามจันทร์ผ่องดาวพร่างช่างสวยสม
หลงชื่นชมพิศมัยในรัศมี
จึงพร่ำเพ้อรจนาภาษากวี
ตราบราตรีมีเดือนดาว...ยังเฝ้าปอง ๚ะ๛
5 มีนาคม 2547 11:39 น.
อัลมิตรา
..๏ แลพายุบุกโหมโรมสาดซัด
พฤกษ์ไกวกวัดโยกไหวใบร่วงลู่
ยินเสียงคนบ่นบ้าไม่น่าดู
อื้ออึงหูสำเนียงเยี่ยงคนพาล
แต่ละคำหลุดจากถ้อยดุจถ่อยนัก
กำแหงจักขย่มฟ้าท่าอาจหาญ
ตะโกนซ้ำ..ระยำฟ้ามาคิดการณ์
ส่งเสียงสะท้านกึกก้องร้องทำไม ?
เขย่งเท้าก้าวย่างอย่างกำแหง
ส่อแสดงความโง่อวดโอ่ใส่
ฮะ.เหวยเหวย.!! มามะ..กล่าวท้าไป
กูยิ่งใหญ่จะดึงทึ้งฟ้าลง
เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดสลดเศร้า
มนุษย์เขลาโง่งมจมความหลง
บังอาจเทียบเปรียบฟ้าข้าฯคิดปลง
แล้วบรรจงเขียนกล่าวเล่าเป็นกลอน
โอ้หนอฅน !.โอ่ตนว่าเก่งกล้า
อวดศักดาเทียบผลฅนสั่งสอน
ประกาศอ้างว่าใจไร้นิวรณ์
เที่ยวยอกย้อนกราดด่าว่ากระทบ
เทียบเคียงพายุฝนบนฟากฟ้า
กระหน่ำมาย่ำใจใครประสบ
สาดกระเซ็นเหม็นน้ำลายทำลายทำนบ
คงยากคบ..จำลี้หนีไกลลับ ๚ะ๛
4 มีนาคม 2547 16:54 น.
อัลมิตรา
..๏ น่าสงสารจิวยี่มีแต่แค้น
เสียดอกแน่นล้นทะลักเกินกักไหว
เพลิงอิจฉาริษยามาเผาใจ
ขงเบ้งไม่โมโหตอบโต้คืน
แต่ละวันจิวยี่ร้อนนอนเป็นทุกข์
มิสนุกเพลิงผลาญใจให้สุดฝืน
อกขมไหม้ทุรนทุรายคล้ายล้มครืน
ยากเริงรื่นเช่นใครเขาน่าเศร้าจริง
เหตุไฉนไยฟ้ามากลั่นแกล้ง
จิวยี่แย้งโกรธาด่าทุกสิ่ง
ส่งข้าฯเกิดมาทำไมไม่ประวิง
จูกัดเหลียงใหญ่ยิ่งชิงนำชัย
เทียบจิวยี่กับขงเบ้งที่เก่งฉกาจ
ประดุจปราชญ์คนละชั้นแบ่งขั้นได้
ฤๅควรพกความแค้นอัดแน่นใจ
สาดโคลนใส่ป้ายสี..มิดีเลย
ใครจะเป็นเช่นจิวยี่ที่บังอาจ
หรือเธียรปราชญ์ขงเบ้งเก่งขรึมเฉย
เทียบตัวตนค้นความตามดั่งเปรย
ผู้ใดเย้ยถ่มน้ำลายคล้ายรดฟ้า
อ่านสามก๊กแล้วตรองมองสักนิด
ที่ลิขิตสื่อไปให้รู้ว่า
หากผู้ใดผูกจิตคิดบีฑา
ก็ประหนึ่ง..จิวยี่บ้าท้าต่อกร ๚ะ๛
3 มีนาคม 2547 17:23 น.
อัลมิตรา
..๏ ท่านผู้เป็นเสมือนเพื่อนเสมือนพี่
มากไมตรีขอน้อมรับประทับขวัญ
อัลมิตราขอร่ายกลอนอ้อนรำพัน
เพื่อรังสรรค์บทกวีศรีชาติไทย
กล่าวแต่เดิมมิเสริมแต่งแสดงบท
คงปรากฏงานเขียนเวียนอ่านได้
จะรจนาครานี้ที่เป็นไป
เพื่อสื่อให้คนหนึ่งซึ่งอ่านกลอน
จงรับรู้ความนัยที่จารจรด
อาจมิงดงามเทียบเคียงเยี่ยงสมร
แต่กลั่นจากห้วงใจให้นิวรณ์
เป็นบทย้อนวันคืนชื่นดวงมาน
หากอ่านข้อความเขียนเจียรจากจิต
ขอมิ่งมิตรกลับคืนชื่นประสาน
มิตรภาพตราบฟ้าดินสิ้นวิญญาณ
ใช่เพียงขานกล่าวคำ..แล้วอำลา
เยี่ยงก่อนกาลหากตรองมองยังเห็น
เราต่างเป็นดุจสหายกรายหรรษา
เข้ามาเยือนและฝากคำจำนรรจา
สุขอุรายามย้อนกาลก่อนเคย
เสียงหัวเราะยิ้มหัวและยั่วเย้า
คลายความเศร้าทุกข์ระทมขมอกเผย
มีแง่คิดปริศนามากล่าวเปรย
นัยยะเอ่ยจากใจให้สู่กัน
ยังคำนึงซึ้งใจในความหลัง
หว่างภวังค์ตราตรึงประหนึ่งฝัน
ผ่านวันเดือนเลือนลับนับปีพลัน
สิ่งเหล่านั้นก่อร่างสร้างไมตรี
ไยท่านคิดตัดสายใยสายสวาท
แลตัดขาดญาติมิตรผิดน้อง-พี่
ฤๅสิ้นรักหักดิบไซร้ในไมตรี
จึงหลบลี้แปรหายมิกรายคืน
โปรดหวนคิดก่อนเราเคล้าสนาน
สุขสำราญเริงใจให้ระรื่น
กาลยาวนานใช่ผ่านแค่วันคืน
ชนดาษดื่นมิอาจเทียบเปรียบกับเรา
อย่าเป็นเพียงคนผ่าน..ขานทักทาย
แล้วลี้หายหลบเลี่ยงเยี่ยงก่อนเหงา
ผู้มาเยือนหมื่นแสนแม้นบรรเทา
ใช่ปลดเศร้าแลเห็นเป็นอย่างเคย
อย่าเป็นเพียงคนผ่านมา..ค่านิยาม
มีคำถามอยากฝากหากเฉลย
สายสัมพันธ์ยังมั่นฉันท์ก่อนเคย
หรือละเลยถดถอยน้อยใจจริง
อย่าเป็นเพียงคนไกล..ให้หวลหา
ไกลเพียงตาระยะทางขวางทุกสิ่ง
หากแต่ใจยังคล้ายหมายประวิง
ประดุจสิงเคียงข้างมิห่างนวล
อย่าลืมเลือนเบือนคำเคยสรรสร้าง
ความหลังอ้างอย่างไรโปรดไต่สวน
หากพลิกผันหัวใจให้รัญจวน
เฝ้าคร่ำครวญเพรียกหา..อย่าคืนคำ
อย่าวางเฉยต่อกันอย่างวันนี้
แล้วเดินหนีจากไปให้ทุกข์ล้ำ
แสร้งทำเมินเหินห่างอย่างใจดำ
สุดจะช้ำเกินเอ่ยเปรยเป็นกลอน
ที่เขียนมาทั้งหมดจรดความหมาย
ทุกข์มากมายหนักหนากว่าสิงขร
จึงร่ายจากใจจริงดุจวิงวอน
โปรดจงย้อนกลับคืนให้ชื่นทรวง
เพียงแค่เศษอักษรกลกลอนนี้
หวังไมตรีจากคนเคยห่วงหวง
รับรู้ซึ้งความหมายในแดดวง
อย่าเพียงล่วงแล้วผ่าน..ขานทักทาย ๚ะ๛