2 เมษายน 2547 13:37 น.
อัลมิตรา
...๏ มีกระปุกหนึ่งใบไว้ออมทรัพย์
เวลากลับจากโรงเรียนเพียรหยอดใส่
ทีละบาท.. ทีละสลึง.. พึงนับไป
ด้วยหวังไว้วันหน้า..ข้าฯมิจน
จากกระปุกแรกเริ่มเพิ่มเป็นสาม
วางเรียงตามลำดับมิสับสน
กาลเวลาผ่านไปในกมล -
ชื่นเหลือล้นสักวันฝันเป็นจริง
แต่แล้วหวังที่คาดวาดมุ่งหมาย
ถูกทำลาย.. ข้าฯเศร้ารวดร้าวยิ่ง
กระปุกวางตั้งไว้..ใครมาชิง
สูญทุกสิ่งเคยฝันพลันระทม
ไม่มีเหลือเศษซากยากแลเห็น
ฤๅใครเร้นซุกไว้ให้ขื่นขม
ขอกระปุกคืนได้ไหมใจข้าฯตรม
ทุกข์เกินข่ม.. ร่ำไห้ไม่บรรเทา
เขียนกานท์กลอนตามจริงอิงความย้ำ
การกระทำเมื่อก่อนตอนเด็กเขลา
ความจำเป็นของแม่พ่อ..พอแบ่งเบา
ภาระเร้าทุกข์ตรมถมอดีตกาล
จากครอบครัวเศรษฐีมั่งมีสุข
กลับเป็นทุกข์อับจนด้วยคนผลาญ
มิกล้าบากหน้าหาใครในเหตุการณ์
หรือซมซานขอผู้ใดให้หมิ่นตน
เงินที่เก็บออมไว้เพื่อภายหน้า
หวังพี่งพาช่วยให้ไม่ขัดสน
มีประโยชน์มากมายในบัดดล
ข้าฯเพิ่งค้นธรรมชอบมอบตนเอง
หากวันนั้นไม่มีเงินในกระปุก
คงท่วมทุกข์หนี้ล้นคนข่มเหง
จะหยิบยืมผู้ใดให้กริ่งเกรง
ด้วยเขาเบ่งหยามเหยียดเกียรติ์ประนาม
และวันนี้ชีพคงจมล่มจากนั้น
อาจย่อยยับดับพลันครั้นหากถาม
เพราะไร้ซึ่งกระปุก.. ทุกข์คงลาม
คงยากข้ามความขัดสนบนชีวี ๚ะ๛
1 เมษายน 2547 11:55 น.
อัลมิตรา
...หากเหตุการณ์ที่ผ่านล่วงมา พวกเขาเรียกกันว่า...ประวัติศาสตร์
...ข้าฯประหลาดใจนัก ที่ประวัติศาสตร์ของข้าคือ..ศูนย์
...หากนับวัน มนุษยชาติจักจำเริญเพิ่มพูน
...แต่ข้าฯอาดูร ..ให้กับการทำลายล้างผลาญ
...พระเจ้าให้สิทธิ์แก่ผู้ใดเป็นพิเศษกระนั้นหรือ ..?
...ไยถืออาวุธยุทธ มาประหัตประหาร
...ฤๅพระเจ้านิยมชมชอบคนพาล .. ?
...เหล่าคนโฉดจึงระรานข่มขู่ผู้ปราชัย
...หากท่านต้องการจะบวงสรวง
...แด่พระเจ้าของท่าน..ด้วยวิญญาณทุกดวงที่ร่ำไห้
...ท่านตรองดูเถิด .. จากเศษเสี้ยวลึกของจิตใจ
...ปีศาจบงการท่านไซร้ .. หรือพระเจ้าสั่งให้ทำ
...โอ้มนุษย์..เหตุไฉนจึงบังอาจ
...ดุจปีศาจคาบคัมภีร์ ที่ถือเคียวคมคอยเข่นฆ่า
...และเพื่อนร่วมโลกมีชีวิตเยี่ยงเศษผักเศษปลา
...พิพากษา..ผู้อื่น..ด้วยความตาย..
...กำสรวลแท้..ข้าฯปวดปร่าใจยิ่งนัก
...เมื่อประจักษ์ด้วยสายตา เห็นโลกร้าย..
...ต่างศรัทธา ต่างสิ่งยึดมั่น ต่างฝ่ายจึงต่างทำลาย
...ชีพมลายถาโถมเลือดหลั่งโลมแผ่นดิน
...ฤๅพระเจ้าของท่านสั่งไว้เป็นบทบัญญัติ
...ให้ประหัตประหารมนุษย์ด้วยกัน..จนพินาศสิ้น
...ดุจพลิกฟ้าเพื่อกลบหล้า.....เสียงร่ำไห้คล้ายไม่ยลยิน
...พระเจ้าของท่านทวงถิ่น ผืนภพคืนใช่ไหม...ใคร่ทบทวนดู
...พระเจ้าของท่านโปรดปรานการสังเวยด้วยโลหิตมนุษย์
...หรือพึงพอใจกับการที่ท่านรุกไล่ฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกับท่าน
...ข้าแสนจะอดสู ..หากเป็นจริงดังนั้น
...ในขณะที่ท่านวิงวอนต่อพระเจ้าของท่าน
...สายตาอั่นเปื่ยมไปด้วยความเลื่อมใส
...แต่ท่านดูสิ ดูมือที่เปื้อนเลือดทั้งสองข้างของท่าน
...ในขณะที่ท่านสวดบทคัมภีร์อย่างผู้รู้
...ทั้งที่เสียงในใจของท่าน ร่ำร้องแต่เลือด และกระหายสงคราม ..
...นั่นคือ อารยะธรรมที่งดงามหรืออย่างไร
...ข้าฯ ก็ได้แต่เฝ้ามอง และตั้งคำถามให้กับตนเอง
...ข้าฯ ผู้ผ่านทาง จะทำฉันใด
...ข้าฯ ผู้ต่ำต้อย ยิ่งกว่า ... ยิ่งกว่าท่าน
...สิ่งที่ท่านพร่ำสอน และสิ่งที่ท่านกระทำ มันสวนทางกัน
...ข้าฯ ผู้เป็นศานุศิษย์ ข้าฯ ผู้เขลาแห่งปัญญา
...แต่ข้าฯ มิได้มืดบอดหัวใจ ..
27 มีนาคม 2547 22:33 น.
อัลมิตรา
..๏ เอื้อนเอ่ยเผยความข้างใน...............อัดอั้นตันใจ
สิ่งใดทำให้ตรอมตรม
บางสิ่งตอกย้ำความระทม....................อกไข้ใจขม
ดุจจมหล่มลึกร้าวรอน
แฝงเร้นพัวพันสัญจร...........................ห้ำหั่นบั่นทอน
รุ่มร้อนรุมเร้าหนาวนาน
ปรากฏในตาทรมาน............................โศกเศร้าร้าวราน
เปลี่ยนกาลวันแปรปิดบัง ๚
..๏ ขออย่าชอกช้ำลำพัง........................หมายใจใคร่ฟัง
ด้วยยังห่วงหาอาทร
ขออย่าโศกาอาวรณ์.............................ร่ำไห้ใจคลอน-
แคลนคร่ำครวญก่อนเจรจา
ฉันรู้เธอเศร้าเหลือคณา........................สิงสู่อุรา
ทุกคราพาเจ็บปวดใจ
ฉันรู้ว่าเป็นเช่นใด................................ไม่พวงสงสัย
ด้วยเคยร่ำไห้เช่นกัน ๚
..๏ อยากบอกเธอให้รู้ทัน......................บางสิ่งแปรผัน
เธอนั้นไม่เป็นเช่นเดิม
อยากบอกใช่ย้ำซ้ำเติม..........................ด้วยคงส่งเสริม
ให้เริ่มรับรู้สู้ไป
ขออย่าครวญคร่ำร่ำไร...........................ฉันนั้นมั่นใน-
ห่วงไยบ่ไร้ไมตรี
ยังคงเฝ้ารักภักดี....................................โอบอ้อมอารี
คนดี อย่าช้ำคร่ำครวญ ๚
..๏ เพรียกพร่ำแผ่วเพลินเชิญชวน-..........ชมฟ้านภามวล
ล้วนงามเกินคำบรรยาย
ยังมากเดือนพราวดาวพราย......................พริ้งเพริศเฉิดฉาย
ด้วยหมายบรรเทาเศร้าหมอง
เบื้องบนคงมีที่ปอง.................................คือสวรรค์เรืองรอง
ผุดผ่องต้องตาอัศจรรย์
พรั่งพร้อมเพลินสนุกสุขสันต์................คืนเปลี่ยนเวียนวัน
สิ่งนั้นคือสวรรค์ของเธอ ๚
..๏ สิ่งใดทำให้ใจเผลอ...........................ผ่านประสบพบเจอ
ขอเธออย่าได้ใส่ใจ
คืนนี้ โศกาอาลัย...................................เศร้าจางห่างไกล
มิใกล้ย่ำยีบีฑา
เอื้อนเอ่ยเผยคำสนทนา........................หวานซึ้งตรึงตรา
จนกว่าลาจากพรากกัน
ฝากรอยจุมพิตโดยพลัน.........................ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ก่อนฉันต้องขอจรลี ๚
..๏ ขอย้ำคำย้อนกลอนกวี........................แด่เจ้าคนดี
อย่ามีทุกข์รุมสุมทรวง
เรื่องราวคราวหลังทั้งปวง-......................ความจำคำลวง
ดุจบ่วงร้อยรัดขัดใจ
สลัดสิ้นอย่าเหลือเยื่อไย.........................เพื่อร้างห่างไกล
อย่าได้ครุ่นคิดจิตหมอง
ฉันยังมุ่นหมายใฝ่ปอง...........................ใจเดียวเกี่ยวดอง
ใคร่คล้องไมตรีสิเนหา ๚
..๏ ยังคิดถึงเธอเสมอมา..........................คำนึงตรึงตรา
เมื่อคราสองใจใกล้กัน
กำจัดวิตกโศกศัลย์..................................จงอย่าจาบัลย์
ฉันนี้ยังรักตลอดไป ๚
( สร้อย )
..๏ ขออย่าครวญคร่ำร่ำไร........................ฉันนั้นมั่นใน-
ห่วงไยบ่ไร้ไมตรี
ยังคงเฝ้ารักภักดี.....................................โอบอ้อมอารี
คนดี อย่าช้ำคร่ำครวญ ๚
..๏ เพรียกพร่ำแผ่วเพลินเชิญชวน- .......ชมฟ้านภามวล
ล้วนงามเกินคำบรรยาย
ยังมากเดือนพราวดาวพราย.......................พริ้งเพริศเฉิดฉาย
ด้วยหมายบรรเทาเศร้าหมอง
เบื้องบนคงมีที่ปอง.................................คือสวรรค์เรืองรอง
ผุดผ่องต้องตาอัศจรรย์
พรั่งพร้อมเพลินสนุกสุขสันต์................คืนเปลี่ยนเวียนวัน
สิ่งนั้นคือสวรรค์ของเธอ ๚
..๏ สิ่งใดทำให้ใจเผลอ...........................ผ่านประสบพบเจอ
ขอเธออย่าได้ใส่ใจ
คืนนี้ โศกาอาลัย...................................เศร้าจางห่างไกล
มิให้ย่ำยีบีฑา
โปรดจำย้ำใจทุกครา..............................พร่ำพจน์รจนา
ปราศคำมุสาวาที
โปรดจงเข้าใจในวจี..............................ทุกสิ่งจริงมี
คืนนี้อย่าร่ำคร่ำครวญ ๚
..๏ ขอเธอคลายช้ำกำสรวล....................เศร้าช่างดั่งตรวน-
รึงรัดมัดมวลสรรพางค์
แม้นเธอเดียวดายอ้างว้าง......................จงค่อยปล่อยวาง
คงสุขทุกอย่างดังใจ
ครั้นเมื่อยามอรุโณทัย...........................ปรากฏสดใส
สองทองอำไพงดงาม
พรุ่งนี้เธอจงพยายาม..............................ดังที่นิยาม-
แห่งความรักและไมตรี ๚
( สร้อย )
..๏ ยังคงเฝ้ารักภักดี.................................โอบอ้อมอารี
คนดี อย่าช้ำคร่ำครวญ
เพรียกพร่ำแผ่วเพลินเชิญชวน-..............ชมฟ้านภามวล
ล้วนงามเกินคำบรรยาย
ยังมากเดือนพราวดาวพราย......................พริ้งเพริศเฉิดฉาย
ด้วยหมายบรรเทาเศร้าหมอง
เบื้องบนคงมีที่ปอง................................คือสวรรค์เรืองรอง
ผุดผ่องต้องตาอัศจรรย์ ๚
..๏ พรั่งพร้อมเพลินสนุกสุขสันต์..........คืนเปลี่ยนเวียนวัน
สิ่งนั้นคือสวรรค์ของเธอ
สิ่งใดทำให้ใจเผลอ...............................ผ่านประสบพบเจอ
ขอเธออย่าได้ใส่ใจ
คืนนี้โศกาอาลัย.................................เศร้าจางห่างไกล
อย่าได้ย่ำยีบีฑา
ด้วยรักมากจึงปรารถนา-........................ดียิ่งเสมอมา
ขอเธออย่าร่ำคร่ำครวญ ๚ะ๛
26 มีนาคม 2547 22:25 น.
อัลมิตรา
...๏ นวลเอยไยหมกไหม้........รอยใจ
เหตุนิวรณ์อาลัย....................ท่วมท้น
สัญญาผูกพันนัย...................กลายเปลี่ยน
คนต่อคนมักล้น....................เลื่อนล้ารอยคำ ๚
...๏ เผลอใจจึงโศกสิ้น...........ตรอมตรม
โรยร่างรินรดพรม.................สวาทกล้ำ
ใดฤๅอาบใจรม.....................นวลรื่น
ยกย่างเหยียบรอยช้ำ..............ซับสิ้นนัยนา ๚
...๏ หนีเอยจะใช่พ้น..............ถวิลนา
เกาะเกี่ยวกอดกลมพา.............เหตุข้อง
หนีฤๅหากวิญญาณ์................ตามติด
กระหวัดอกใจคล้อง................นี่นี้อุปาทาน ๚
...๏ ตราบระวีส่องสิ้น.............ผืนนภา
จวบศศิธรอำลา......................ภพแจ้ง
มาตรร่างจ่มพสุธา..................กำหนด
หากนยะหทัยแย้ง.................ข่มเศร้าได้ฤๅ ๚ะ๛
24 มีนาคม 2547 22:29 น.
อัลมิตรา
...๏ โลกกว้างใหญ่ฅนมากหลากชนเผ่า
เกินคิดเดาลำดับนับกันไหว
ต่างศรัทธาต่างจิตคิดกันไป
คละเคล้าได้ปะปนฅนทั้งปวง
ก็เพราะฅนผิดแผกจำแนกเกิด
จึงเตลิดเรื่องราวยากเล่าล่วง
ต่างมารุมสุมไฟไหม้แดดวง
ไยมิห่วงรักษาค่าแห่งฅน
หน้ากากที่เรียงรายคล้ายยิ้มเยาะ
ดูเหมาะเจาะอย่างยิ่งอิงเหตุผล
บ้างหัวร่อแต่ใจเศร้าเหงาชอบกล
หรือฉ้อฉลแต่แสร้งดีมีทั่วไป
มิอยากพบคบหา..แค่หน้ากาก
ที่หลายหลากเหลือเกินเพลินสวมใส่
ถอดออกเถอะแล้วคุยกันอย่างเข้าใจ
เผื่อจะได้ไมตรีอย่างที่เคย
กลับมาซึ้งตรึงใจคล้ายเป็นเพื่อน
แม้นปีเดือนผ่านไปใคร่เฉลย
อย่าเพียงแค่ผิดหนเดียวฉุนเฉียวเปรย
ดุจละเลยสัมพันธ์ของวันวาน
กว่าจะกลับมาคืนชื่นสุขใหม่
คงทำใจยากเสมือนเพื่อนขับขาน
หากต่างคนเปิดช่องจ้องคิดพาล
เปรียบลมผ่านจากปากของมากชน
นานาจิตคิดไปให้กังขา
เที่ยวนินทาเสแสร้งแสดงผล
จากความลับอับแจ้งแย้งให้ยล
ก็เพราะฅนคาบข่าวเล่าแต่งเติม
เห็นจิ้งจกตัวจ้อยห้อยข้างฝา
ลือกันว่า..เป็นมังกรย้อนความเสริม
จากหนึ่งปากสู่อีกปากจากจุดเดิม
เรื่องจึงเพิ่มเพราะมากคนล้นมากความ ๚ะ๛