28 กันยายน 2547 09:52 น.
อัลมิตรา
...สายลมแผ่วพริ้ว..ยังใบไม้หวั่นไหวสั่นคลอน
...ราตรีที่เงียบงันคล้ายถูกทักทายด้วยสายลมแห่งวสันตฤดู
...พลันบังเกิดเสียงกิ่งไม้และใบไม้ลู่ไปตามสายลม
...เรานั่งมองการเคลื่อนไหวและการแปรเปลี่ยนแห่งสายลม
...ท่ามกลางรัตติกาลที่เงียบเหงา
...หลายต่อหลายคืนที่ผ่านมา
...สายตาที่ทอดผ่านระเบียงไปยังจันทร์ที่อยู่เบื้องหน้า
...จากเสี้ยวจันทร์ ค่อยๆขยายวงจนสุกปลั่ง
...โคมทองถูกชักขึ้นบนฟากฟ้าแล้ว
...แต่ไฉน บุรุษผู้เป็นเจ้าของหัวใจเรา มิมาเยือน
...และในขณะที่ทอดสายตาทัศนาไปในความมืดมนอนธการ
...พลันบังเกิด เสียงแว่ว..แทรกผ่านมากระทบโสตประสาท
... ..อัลมิตรา อัลมิตรา อัลมิตราครับ....
...ไฉนเล่า เสียงนี้มาจากที่ใด
...ดึกป่านนี้แล้วยังมีคนพร่ำเพรียกหาเราผู้เดียวดายอยู่อีกฤๅ
...จริงสิ !
...คงเป็นอุปาทานของเราเอง
...เรายังมีข้อข้องใจอันทำให้เกิดความหวั่นไหว
...และค้างคาใจอยู่บ้างบางประการ
...ข้อขัดข้องใดในก้นบึ้งแห่งห้วงมโนภาพอันว่างเปล่า
...ใช่ ! เราเป็นเช่นนั้น
...บุรุษผู้หนึ่ง ผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งเรา ...
...ฝากถ้อยความลอยลมมาจากถิ่นไกล เพื่อเรา
...เรายังคงเก็บปริศนาแห่งดวงจิต
...ท่ามกลางความมืดมนแห่งรัตติกาลนั้นอยู่
...ยามรัตติกาลดูช่างยาวนานนักสำหรับผู้ยังมีสติแจ่มใสเช่นเรา
...แต่บุรุษผู้นั้น
...อาจจะเพียงฝากคำลอยลมมา
...และตอนนี้..เข้าสู่นิทรารมณ์ไปเสียแล้ว
...บทกวีบาทแรกยังไม่ได้เริ่มต้น
...ฤๅเราไม่อาจประพันธ์คำขึ้นต้นนั้นได้
...ภาษาวรรณกรรมและฉันทลักษณ์มากมาย
...ที่บังเกิดขึ้นในมโนธรรมความสำนึก
...เราสมควรเขียนบทกวีประเภทใด
...เราใคร่ถาม ถามบุรุษผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เสมอมา
...แต่ ..เราอาจถามถึงผู้ใด...ได้
...ใช่.. มิอาจถามถึงได้
...นั่นเนื่องจากบุรุษผู้นั้น อยู่ไกลเหลือเกิน
...เกินกว่าที่เราจะฝากคำไปหา
...หรือ..
...อาจมี
...ผู้อื่นหลับใหลในอ้อมอกของบุรุษผู้เป็นที่รักยิ่งของเราแล้ว
...ฤๅเป็นเช่นนั้นจริง
...ใช่..อาจจริงดังนั้น
...สายลมแผ่วเบายิ่ง
...แต่ยังความหนาวเหน็บได้อย่างน่าประหลาดใจ
...บาทแรก.. อักษรแรกแห่งบทกวียังไม่เริ่มขึ้น
...เรายังมีสติแจ่มใสอยู่หรือไม่ ..
...ใช่..เรายังคงมีสติแจ่มใส
...แต่คลองแห่งจักษุทั้งสองพลันพร่ามัวแล้ว
...ดังนั้น ..เราควรนิทราหรือ ..
...ยังมีข้อขัดแย้งกันเอง ในก้นบึ้งแห่งจิตใจ
...เราเริ่มง่วงแล้วจริง ๆ
...เทพเจ้าแห่งนิทรานันทกาลพลันมาทักทาย
..๏ ณ รัตติกาลหนาว.......................อุระราวระด่าวตาม
สะท้านประหวั่นยาม-......................ตมะขามระกำทรวง
ศศีฉวีเพริศ......................................วรเลิศประเจิดดวง
ทหัยชม้ายปวง.................................สิริห้วงมหรรณพ์หาว ๚ะ๛
24 กันยายน 2547 13:31 น.
อัลมิตรา
..๏ บนบรรทัดสุดท้ายนิยายรัก
ฉันอกหักอีกหนดั่งคนเขลา
มีแต่ตัวกับหัวใจใครจะเอา
รับบทเก่าซ้ำซ้ำ...ช้ำจนชิน
ขอยอมรับสภาพตนคนพ่ายแพ้
แม้นย่ำแย่ความหวังพังหมดสิ้น
ต้องคอยห้ามน้ำตาอย่าไหลริน
ทำใจหินทั้งที่ท้อทรมาน
ชีวิตคล้ายตายซากจมขวากหนาม
ยากเอ่ยความทุกข์ให้ใครสงสาร
ทุกวี่วันกลั้นสะอื้นกลืนร้าวราน
แม้นเนิ่นนานเพียงใดจำใจทน
หวังฝนซาฟ้าใหม่ในวันพรุ่ง
จะถักรุ้งทอรักอีกสักหน
สานจากใจใสกระจ่างใครบางคน
ฉุดฉันพ้นห้วงทุกข์พบสุขแทน ๚ะ๛
20 กันยายน 2547 22:16 น.
อัลมิตรา
เวสสเทวีฉันท์ ( ๑๒ )
..๏ กากากากากา..............กากะกากากะกากา
กากากากากา....................กากะกากากะกากา ฯ
..๏ คำชมจักชื่นใจ.................ยังอุราให้เกษมสันต์
ดุจฝนเบื้องบนอัน-................เย็นเสมอพลันสราญรมย์
คราวล้าคราอ่อนแรง..............เพิ่มพลังแห่งหทัยสม-
ควรเอ่ยเปรยชื่นชม................ด้วยพลังลมวจีเทอญ ฯ
..๏ แม้นใครใคร่เบียดเบียน....ยังนิสัยเปลี่ยนบ่ขัดเขิน
ด้วยคำนำเพลิดเพลิน..............แม้นสิล่วงเกินมิขุ่นเคือง
ผูกจิตให้ชิดเชื้อ....................สบสมัยเอื้อสิชำเลือง
อุ้มชูอยู่เนืองเนือง...................สารพันเรื่องจะเกื้อกูล ฯ
..๏ คำชมดุจตัวยา....................ยามฤทัยล้าสิค้ำคูณ
เหนื่อยหน่ายไม่เพิ่มพูน...........ยังกุศลมูลประสิทธิ์หมาย
ศัตรูหมู่ชนพาล........................คงบ่อาจหาญและย่างกราย
อาวุธสุดมากมาย.......................ฤๅสิเทียบร่ายวจีงาม ฯ
..๏ คำสัตย์อาจเดียวกัน..............แสนเสนาะครั้นสดับความ
พบสุขทุกโมงยาม.....................พจน์และโคตรนามจะมั่นคง
ยามสิ้นชีพอินทรีย์.....................คุณและความดีสิดำรง
เกื้อกูลหนุนนำส่ง-......................ผู้วจีตรงฤทัยงาม ๚ะ๛
16 กันยายน 2547 23:27 น.
อัลมิตรา
..๏ ฉันมิใช่จักรวาลอันกว้างใหญ่
หรือท้องฟ้าอำไพให้เธอเห็น
ใช่เมฆขาวลอยอยู่คู่จันทร์เพ็ญ
หากฉันเป็นฉันคนนี้ที่เธอมอง ฯ
..๏ เธอมิใช่มหาสมุทรลึกสุดหยั่ง
หรือชายฝั่งทะเลใจไร้เจ้าของ
ใช่พื้นทรายรายรอบยากครอบครอง
หากเธอเป็นละอองของไอรัก ฯ
..๏ ฉันมิใช่พายุโหมโรมคิดร้าย
หรือพระพายโอบปลอบลอบสมัคร
ใช่ธุลีคละคลุ้งลอยฟุ้งนัก
หากฉันเป็นคนรักที่ภักดิ์พร้อม ฯ
..๏ เธอมิใช่หิมพานต์สราญสวรรค์
หรือไพรวัลย์ดาษดื่นไม้ชื่นหอม
ใช่ผกาเลอค่าน่าเด็ดดอม
หากเธอเป็นเจ้าจอมกระหม่อมใจ ฯ
..๏ ฉันมิใช่ภูผาที่กล้าแกร่ง
หรือกำแพงปราการตระการไหน
ใช่เขตคามงามสง่าโอ่อ่าใด
หากฉันมีหัวใจให้พักพิง ฯ
..๏ เธอมิใช่ตะวันอันแกร่งกล้า
หรือจันทรายวนใจให้ใฝ่ยิ่ง
ใช่ดารากระพริบหยอกหลอกเย้าอิง
หากเธอคือความจริงมิ่งขวัญเอย ๚ะ๛
16 กันยายน 2547 10:46 น.
อัลมิตรา
..๏ ตัวหุ่นปราศจากวิญญาณ..............พลันเผ่นเต้นทะยาน
หน่วยก้านแกล้วกล้าท่าที
หุ่นรามลักษณ์มล้างไพรี-...................พลพรรคยักษี
มวลกระบี่ร่วมรบครบครัน
เปลี่ยนแปลงลีลาพัลวัน......................โยกย้ายคล้ายกัน
มุ่งมั่นเชี่ยวชาญการแสดง
หลายคนหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง........ร่ายรำสำแดง
หุ่นราวกร้าวแกร่งสมจริง ฯ
..๏ สวมบททศพักตร์ยักษ์ลิง................วิญญาณพลันสิง
จากนิ่งจึ่งนวยนาดมา
ยักย้ายย่างขยับกายา..........................โมโหโกรธา
ท่วงท่ามุทะลุดุดัน
ล้วนต่างวางมาดกาจฉกรรจ์.................รุกรับโรมรัน
หมายมั่นห้ำหั่นราวี
หนุมาณชาญสมรเสนีย์......................ว่องไวในที
หลบลี้อย่างมีปฏิภาณ ฯ
..๏ เชิดหุ่นนารายณ์อวตาร..................ดูช่างอลังการ
มุ่งผลาญหมู่มารทันใด
แผลงศรศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร...................ทั่วทั้งภพไตร
หวั่นไหวลือลั่นสั่นคลอน
เชิดท้าวทศพักตร์ดัสกร........................ปวดแปลบแสบร้อน
คราศรมเหสักข์ปักตน
เชิดให้กายขยับอับจน..........................เสนาสาละวน
ต่างโกลาหลอลเวง ฯ
..๏ เชิดไท้ทศกัณฐ์หวั่นเกรง-.............องค์รามกล้าเก่ง
จึ่งเพ่งสำรวจตรวจตรา
จวบจนแจ้งพักตร์ลักขณา....................นารายณ์อุบัติมา
เพื่อฆ่าผลาญเราเศร้าจริง
ด่วนดับชีวาเพราะหญิง........................อีกยังค่างลิง
นอนนิ่งเห็นจริงสัจจธรรม
ท่วงท่าพญายักษ์ชักนำ........................บ่งบอกชอกช้ำ
เพรียกพร่ำร่ำลามณโฑ ฯ
..๏ สิบปากทศพักตร์ร้องโฮ...................บางปากโมโห
ว่าโอ้เราเขลาเสียที
เสร็จสิ้นคำลาพาที...............................จึ่งสิ้นชีวี
หุ่นยักษ์ปราศจากลีลา
จบเรื่องเชิดหุ่นคุ้นตา...........................คงความปริศนา
บอกว่าอย่าทะนงหลงตน
บทบาทที่เห็นเป็นคน...........................ยศศักดิ์มากล้น
คงพ้นสิ้นจากศักดิ์ศรี ฯ
..๏ หุ่นใดคือตัวชั่วดี...........................ตรึกตรองถ่องที
เรานี้นั่นหรือคือใคร
หน้าที่มากมีเพียงใด............................อย่ารักปักใจ
หลงใหลสับสนตนเอง
จนเป็นตัวยักษ์นักเลง..........................โอ้อวดข่มเหง
กร้าวเก่งปิดตาฝ้าฟาง
ฤษีชีไพรพระนาง...............................เป็นลิงฤๅค่าง
ทุกอย่างสมมุติดุจกัน ๚ะ๛