6 ตุลาคม 2547 18:19 น.
อัลมิตรา
เขาควันฟืม (เขาใหญ่) จ. เพชรบรูณ์
ธันวาคม ๒๕๑๙
..๏ เสียงปืนแตกสิ้นลงตรงชายป่า
หลากชีวาไร้แรงเลือดแดงฉาน
ชโลมผิวดินเย็นเป็นพยาน
บนอาการเอื้อมหยิบอธิปไตย
เมื่อเพื่อนล้มเกินปลุกยังรุกหา
ทุกสายตาก็เห็นเช่นเงื่อนไข
ความรู้สึกขมขื่นสุดฝืนใจ
น้ำตาไหลซึมเคล้าในเบ้าตา
จ้องสังหารไทยด้วยกันให้บรรลัย
ทาสรับใช้ทรราชสัญชาติหมา
กดหัวข่มทั่วด้าวชาวประชา
เพื่อรักษาสิทธิขาดอำนาจมัน
เพื่อนยากเอ๋ย..ทุกหยดที่หยาดไหล
รดลงใส่ผืนดินมิสิ้นฝัน
เลือด-น้ำตาหนหลังเคยหลั่งกัน
อย่าสูญพลันเสียเปล่าเงาวันวาน
ตุลาคม ๒๕๔๗
เวลาเปลี่ยนเวียนผันผ่านวิถี
บนเวทีสภาเน่าที่เล่าขาน
พิราบเอ๋ยด่าวดิ้นสิ้นตำนาน
เผด็จการกลับคืนผืนดินไทย
เพทุบายเศรษฐีตีบทแตก
เข้าซึมแทรกการเมืองก่อเรื่องให้
สร้างภาพพจน์สวยหรูดูล่อใจ
เป็นบันไดลวงตาคุณค่าคน
ขึ้นเถลิงอำนาจประกาศทั่ว
อวดศักดาให้กลัวทั่วทุกหน
แก้ปัญหาเร่งด่วนเพื่อมวลชน
มิฉ้อฉลบ้านเมืองคงเรืองรอง
วางหมากกลฉลฉ้อเชิงพ่อค้า
โกยเงินตราโกงกินสินสนอง
รากหญ้าเน่าแบกหนี้น้ำตานอง
แต่เพื่อนพ้องพวกกูอยู่วิมาน
อวดศักดาเบ่งบ้าหาอำนาจ
นับแต่ญาติพวกพ้องเข้ารองฐาน
รวมมังกรหางแดงแถลงการณ์
โดยสันดานรักประโยชน์แต่โคตรตน
หากใครคิดผิดเหล่าเข้าขัดขวาง
รวบหัวหางกดไว้ให้โทษผล
หน้ากากพระดูให้ดีมากมีกล
ช่างแยบยลคนทั่วคามตามไม่ทัน
ธุรกิจบังหน้าแต่ค้าชาติ
เหลิงอำนาจกำหนดได้ตามใจฉัน
เอื้อประโยชน์แต่พรรคไทยรักมัน
เผื่อแผ่กันเฉพาะกลุ่มกูคุ้มครอง
ผลประโยชน์ทับซ้อนซุกซ่อนบาป
ภายใต้คราบโคตรชั่วโคตรมัวหมอง
ฟ้ามากเมฆกระจายคล้ายมันครอง
จากเหนือล่องสู่ใต้ยากไร้ลง
สักวันหนึ่ง
วันที่ไทยทุกคนทนไม่ไหว
ลุกขึ้นไล่ทรราชย์ผู้โลภหลง
สหายเอย..อย่าอ่อนน้อมยอมวางปลง
ขอเพื่อนจงฉายแสงแห่งพลัง
เผด็จการแนวใหม่จัญไรนัก
จงรู้จักหน้าแปรปิดแผลหลัง
หากวันหนึ่งสัญญาณกังวานดัง
หนึ่งกำลังแม้ชราขอท้าชน
ฝากบทกลอนอุดมการณ์ทางความคิด
๖ ตุลา ย้อนจิตรำลึกผล
วันสงครามเข่นฆ่าประชาชน
เลือดพิราบเอ่อล้นบนถิ่นไทย ๚ะ๛
1 ตุลาคม 2547 16:56 น.
อัลมิตรา
..๏ เพราะเข้าใจความรู้สึกลึกลึกนั้น
หากย้อนวันคืนได้ก็ใคร่ฝืน
ยื้อชีวิตพ่อไว้ให้กลับคืน
แล้วหยิบยื่นชีพเราให้เขาแทน
แต่ความจริงมิใช่อย่างใจคิด
ใครลิขิตกันหนอท้อใจแสน
จึงพลัดพรากกันไปไกลสุดแดน
ปราศอ้อมแขนพ่อกอดตลอดกาล
เห็นคนอื่นชื่นใจใกล้แม่พ่อ
โอ้เราหนอ..ยากไร้ใครสงสาร
ลูกที่ห่างอกพ่อ ท้อ ซมซาน
ยากพบพานไออุ่นคุ้นเคยมา
ต้องลำพังยังโลกด้วยโศกเศร้า
เหลือเพียงเงาความทรงจำที่ล้ำค่า
คำสอนพ่อทุกคำลูกนำพา
จวบสิ้นดินและฟ้าไม่ลืมเลือน ๚ะ๛
29 กันยายน 2547 15:49 น.
อัลมิตรา
..๏ เห็นเซียนไพ่ใจกล้าน่าเกรงขาม
จึงคิดตามอุบายขยายผล
ครั้นคิดคว่ำหรือหงายคล้ายหลงกล
ฤๅจะพ้นลิขิตฤทธิ์แม่เมือง
แจ๊คข้าวหลามตามติดสนิทเสน่ห์
แหม่มโพธิ์แดงเจ้าเล่ห์เฉไฉเรื่อง
คิงส์โพธิ์ดำหน้าง้ำคอยชำเลือง
ใครปราดเปรื่องคว้าชัยวัดใจกัน
สามกษัตริย์วางลงไพ่ตรงหน้า
สามขอบคว้าอาวุธเร่งรุดขันธ์
สามเก่งกล้าต่างโถมเข้าโรมรัน
สามชีพนั้นเหลือหนึ่งเราพึงตรอง
หากธงชัยที่ได้ในภายหน้า
คงคุณค่าแค่หนึ่งไม่ซึ้งสอง
ต้องโดดเดียวเดียวดายไร้คนปอง
ใครอยากจองตำแหน่งเพื่อแย่งชิง
ฤๅเป็นแจ๊คฉกาจมาดเหี้ยมหาญ
ฤๅนงคราญแหม่มแดงเจ้าแห่งหญิง
ฤๅโพธิ์ดำไพ่เก่าผู้เฒ่าคิงส์
ใครเก่งจริงต้องสู้เพื่อรู้ความ
วางเดิมพันด้วยใจอย่าให้แพ้
ปัญหาแก้ทีละเปลาะดุจเลาะหนาม
ไพ่ในมือถือไว้หลายหลากนาม
เพียงคิดตามก็รู้ได้ใครครองเมือง ๚ะ๛
29 กันยายน 2547 13:52 น.
อัลมิตรา
อัลมิตรา..
..๏ พิษงูฤๅสู้ซึ่ง...................พิษลวง
พิษเล่ห์รุมสุมทรวง.............พิษร้าย
พิษสงสัตว์ทั้งปวง...............พิษอาจ ด้อยแล
พิษเหลี่ยมคนคดคล้าย........พิษเพี้ยงเลวมหันต์ ฯ
..๏ พิษงูฤๅรุนแรง................จักกำแหงเสียดแทงใจ
พิษนี้สิหายไป.......................ยามเมื่อได้การเยียวยา
พิษร้ายอันใดหนอ...............หนักหนาพอคร่าชีวา
พิษพจน์คดวาจา....................ย่อมร้ายกว่าพิษสารพัน ฯ
ม้าลาย..
..๏ พิศรูปจูบกระจกแก้ว.......ล้อมกรอบ
พิศร่างพลางชมชอบ.............ชื่นชู้
พิศใกล้ไป่แลขอบ.................คมเหลี่ยม
พิศวาสบาดหน้ารู้...................รักนี้มีแผล ฯ
..๏ พิศรูปจูบกระจกแก้ว.........แจ่มชัดแจ๋วในแววตา
พิศร่างพลางหันหา.................เห็นน้องนางอยู่ทางไหน
พิศใกล้ไป่แลขอบ..................จุมพิตรอบเลยกรอบไป
พิศวาสบาดหัวใจ....................เหลี่ยมบาดหน้าสาหัสจริง ฯ
29 กันยายน 2547 07:50 น.
อัลมิตรา
..๏ สายลมแผ่วแนวไผ่พลันไหวหวั่น
ลำเคียงกันก่ายเกยเลยเสียดสี
บังเกิดเสียงจากปล้องก้องราตรี
ทำนองมีเสียงเสนาะไพเราะดัง
ใบรีเรียวเพรียวพัดสะบัดกิ่ง
ไม่แน่วนิ่งโยกย้ายส่ายหน้าหลัง
บ้างลู่ลมเรียงรายคล้ายลำพัง
ดุจชวนฟังเพลิดเพลินจำเริญใจ
มีบางปล้องต้องเอียงดังเลี่ยงหลบ
บ้างกระทบเบียดบังยังลำใหญ่
มีเอียดเสียดสอดแทรกแหวกกิ่งใบ
เสียงเปลี่ยนไปหลายหลากหากฟังเพลิน
ครั้นลมแรงแข็งขันพลันลู่ริ้ว
ใบปลิดปลิวลอยล่องต้องห่างเหิน
สีซีดสดหลากใบคล้อยไกลเกิน
ต่างดำเนินแยกย้ายตามสายลม
ยามลมพัดสะบัดกิ่งชิงโดดเด่น
ปล้องพลอยเอนเอียงบ้างช่างเหมาะสม
กอกวัดไกวกิ่งแกว่งตามแรงลม
ช่างน่าชมยิ่งนักประจักษ์ตา
ครั้นลมนิ่งอิงกันไม่หวั่นไหว
ปล้องกิ่งใบสงบครันชักหวั่นผวา
หากเมื่อลมพัดผ่านซ่านอุรา
คืนชีวากอไผ่ให้ไหวตาม
การแข็งขืนยืนเด่นเช่นไม้ใหญ่
พายุใดข่มเหงสิ้นเกรงขาม
เพื่อท้าทายแรงลมโหมคุกคาม
ผ่านย่ำยามอาจโค่นลำต้นตาย
จงลู่เอนเช่นไผ่อันไหวอ่อน
ลมยอกย้อนผ่อนปรนจนห่างหาย
ประคองตนพ้นผ่านภยันตราย
พายุคลายคงเด่นงามเช่นเคย ๚ะ๛