26 ธันวาคม 2547 23:06 น.
อัลมิตรา
..๏ ดี...งามนำจิตแผ้ว...........ผ่องใส
ชั่ว...ต่ำทรามนำใจ...............หม่นคล้ำ
อยู่...สงบร่มเย็นใน-..............สุจริต- ธรรมนา
ที่...ชั่วฤาดีล้ำ.......................ใช่อ้างเพียงผิว ๚
..๏ ตัว...ขาวขาวแต่เนื้อ.........นวลกาย
ทำ...ชั่วชั่วพลันขยาย............แผ่กว้าง
สูง...เทียมเมฆอย่าหมาย........อยู่ยั่ง- ยืนนา
ต่ำ...แต่ตัวอยู่บ้าง..................แต่ให้ใจสูง ๚
..๏ อยู่...ดีดีส่งให้..................เห็นผล
ที่...สุจริตมักดล.....................สุขให้
ทำ...ชั่วยิ่งนำตน....................ตกต่ำ
ตัว...กอปรกรรมเวรไว้.............จักต้องตามสนอง ๚ะ๛
23 ธันวาคม 2547 22:19 น.
อัลมิตรา
..๏ ห้วงเวลาพาใจให้รู้สึก
ว่าเจ็บลึกปวดร้าวกว่าคราวไหน
คร่ำครวญถึงคะนึงหาด้วยอาลัย
เคยเคียงใจกลับจากพลัดพรากกัน
คงต้องให้เวลามาเริ่มต้น
หลากเหตุผลเสมือนมีดกรีดใจฉัน
จึงรู้แจ้งเห็นจริงสิ่งสำคัญ
พร่ำรำพันคำนึงถึงนวลอนงค์
ห้วงเวลาพารักประจักษ์จิต
หมายแนบชิดอีกครั้งดั่งประสงค์
ฉันจักอยู่ตรงนั้นเป็นมั่นคง
เพื่อดำรงปฏิญญาอีกคราครั้ง
รักเท่านั้นพลันนำพาคว้าเธอกลับ
ให้ยอมรับเรื่องราวคราวหนหลัง
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำเพียงลำพัง
ตัวฉันยังคอยตรงนั้นตราบวันตาย
โอ้ที่รักตระหนักพลันฉันต้องสู้
แม้หดหู่บางครั้งดั่งใจสลาย
ยังรักเธอตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
จึงมุ่งหมายให้กลับมาอีกคราครั้ง
ฉันจักขอรอคอยไม่ถอยหนี
แม้นไม่มีสิ่งใดให้คาดหวัง
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำเพียงลำพัง
ตัวฉันยังคอยตรงนั้นนิรันดร
รักเท่านั้นพลันนำพาคว้าเธอกลับ
ให้ยอมรับเรื่องราวคราวครั้งก่อน
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำขอพร่ำวอน
โปรดใจอ่อนกลับมาอีกคราครั้ง
ฉันจักขอรอคอยไม่ถอยหนี
แม้นไม่มีสิ่งใดให้คาดหวัง
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำเพียงลำพัง
ตัวฉันยังคอยตรงนั้นนิรันดร์กาล
หากสองเราเฝ้าคะนึงถึงเรื่องเก่า
ครั้งเมื่อเราร่วมรักสมัครสมาน
สิ่งใดที่ทำให้ใจทรมาน
จักทัดทานพากเพียรเพื่อเปลี่ยนแปลง-
ซึ่งศักดิ์ศรีที่กั้นมั่นคงอยู่
ไตร่ตรองดูอัตตาอันกล้าแกร่ง
เกียรติปรากฏยศศักดิ์มักแข็งแรง
เป็นกำแพงแกร่งกั้นคั่นขวางเรา
จนมิอาจปรารถนาถ้าปีนป่าย
หวังทำลายด้วยกำลังดั่งโง่เขลา
ฤาบาปกรรมเหยียบย่ำซ้ำเติมเรา
ให้โศกเศร้าสิ้นหวังนั่งปวดใจ
มิอาจผ่านปราการอันแกร่งกล้า
ครั้นเสาะหาหนทางดั่งบอดใบ้
หมดปัญญาปีนป่ายหมายข้ามไป
โอ้ดวงใจอย่าโกรธโปรดปราณี
มอบแนวทางสร้างเสริมเติมความรัก
เพื่อสานถักรักเราให้เข้าที่
แสนมืดมนจนใจไร้วิธี
แม้นหวังมีสายสัมพันธ์มั่นอีกครา
ฉันรักเธอเสมอแน่ไม่แปรผัน
ยังผูกพันธ์ไม่สิ้นถวิลหา
พยายามหากคนดีมีเมตตา
อย่าร้างลาจากไกลให้ตรอมตรม
จงมั่นใจในรักอีกสักครั้ง
ด้วยฉันยังหวังชิดสนิทสนม
ยามไม่มีเธอใกล้ใจระทม
สุดขื่นขมชอกช้ำโดยลำพัง
ฉันจักขอรอคอยไม่ถอยหนี
แม้นไม่มีสิ่งใดให้คาดหวัง
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำเพียงลำพัง
ตัวฉันยังคอยตรงนั้นนิรันดร
รักเราสองต้องถนอมอย่ายอมให้-
ถูกผู้ใดหมายปองครอบครองก่อน
หากเธอโยนรักทิ้งยิ่งอาวรณ์
ดั่งบั่นทอนให้ช้ำเพียงลำพัง
ฉันจักขอรอคอยไม่ถอยหนี
แม้นไม่มีสิ่งใดให้คาดหวัง
อย่าปล่อยฉันชอกช้ำเพียงลำพัง
ตัวฉันยังคอยตรงนั้นนิรันดร์กาล
หากสองเราเฝ้าคะนึงถึงเรื่องเก่า
ครั้งเมื่อเราร่วมรักสมัครสมาน
สิ่งใดที่ทำให้ใจทรมาน
จักทัดทานพากเพียรเพื่อเปลี่ยนแปลง-
ซึ่งศักดิ์ศรีที่กั้นมั่นคงอยู่
ไตร่ตรองดูอัตตาแสนกล้าแกร่ง
เกียรติปรากฏยศศักดิ์มักแข็งแรง
เป็นกำแพงแกร่งกั้นคั่นขวางเรา
จนมิอาจปรารถนาถ้าปีนป่าย
หวังทำลายด้วยกำลังดั่งโง่เขลา
ฤาบาปกรรมเหยียบย่ำซ้ำเติมเรา
ให้โศกเศร้าสิ้นหวังนั่งปวดใจ
มิอาจผ่านปราการอันแกร่งกล้า
ครั้นเสาะหาหนทางดั่งบอดใบ้
หมดปัญญาปีนป่ายหมายข้ามไป
โอ้ดวงใจอย่าโกรธโปรดปราณี
มอบแนวทางสร้างเสริมเติมความรัก
เพื่อสานถักรักเราให้เข้าที่
แสนมืดมนจนใจไร้วิธี
แม้นหวังมีสายสัมพันธ์มั่นอีกครา
ฉันรักเธอเสมอแน่ไม่แปรผัน
ยังผูกพันธ์ไม่สิ้นเฝ้าถวิลหา
พยายามเถิดที่รักอีกสักครา
แสนโศกาหากเธอนั้นพลันเปลี่ยนแปลง
.
อันศักดิ์ศรีที่กั้นมั่นคงแท้
ตระหง่านแลดั่งอัตตาอันกล้าแกร่ง
เกียรติปรากฏยศศักดิ์มักแข็งแรง
เป็นกำแพงแกร่งกั้นคั่นขวางเรา
จนมิอาจปรารถนาถ้าปีนป่าย
หวังทำลายด้วยกำลังดั่งโง่เขลา
ฤาบาปกรรมเหยียบย่ำซ้ำเติมเรา
ให้โศกเศร้าสิ้นหวังนั่งปวดใจ
มิอาจผ่านปราการอันแกร่งกล้า
ครั้นเสาะหาหนทางดั่งบอดใบ้
หมดปัญญาปีนป่ายหมายข้ามไป
โอ้ดวงใจอย่าโกรธโปรดปราณี
มอบหนทางสร้างเสริมเติมความรัก
เพื่อสานถักรักเราให้เข้าที่
แสนมืดมนจนใจไร้วิธี
แม้นหวังมีสายสัมพันธ์มั่นอีกครา
เคยเหยียบซ้ำย่ำใจให้เธอเศร้า
อยากคุกเข่าขอโทษโปรดเถิดหนา
รู้ว่าเธอบอบช้ำคร่ำครวญมา
วิงวอนว่าโปรดอภัยเห็นใจกัน
เพียงเธอให้ไมตรีสิเนหา-
อีกปรารถนาเพียงให้เชื่อใจฉัน
เปิดโอกาสให้เริ่มเพิ่มสัมพันธ์
จักคงมั่นตลอดไปไม่เสื่อมคลาย
ร่วมร้อยเรียงเคียงใจไม่หวาดหวั่น
ตราบถึงวันโลกสิ้นฟ้าดินสลาย
จักรักเธอเสมอมั่นตราบวันตาย
เป็นความหมายให้ประจักษ์ยังรักเธอ ๚ะ๛
อ ย า ก ใ ห้ รู้ อี ก ค รั้ ง ฉั น ยั ง รั ก เ ธ อ
อ ย า ก ใ ห้ รู้ อ ยู่ เ ส ม อ รั ก เ ธ อ มิ ค ล า ย
23 ธันวาคม 2547 12:16 น.
อัลมิตรา
..๏ แสนเบื่อหน่ายเหลือเกินแทบเดินหนี
หลบงานที่มาสุม ฮ่วย ! กลุ้มหลาย
เขียนโปรแกรมนานนักชักตาลาย
โธ่เจ้านาย..ไร้เมตตาโคตรทารุณ
เงินเดือนน้อยงานหนักกระอักแน่
ทุกข์ย่ำแย่ยากไร้..ใครเกื้อหนุน
หวังเศษเงินร้อยล้านเจือจานทุน
ถ้าเป็นหุ้นถึงให้ก็ไม่เอา ..ฮะ ฮ้า ..
โอ๊ย ! อ่านกันมากมาย อุ๊ย ! ตายแล้ว
เพื่อนมาแซวกันแยะ แหะ ! อายเขา
ก็แค่เขียนหวังสนุกทุกข์บรรเทา
ดีกว่านั่งซากเน่าเฝ้าหน้าจอ ๚ะ๛
21 ธันวาคม 2547 22:41 น.
อัลมิตรา
..๏ เจ็บปวดจนฝังใจ..........จงก้าวไปอย่าหมองตรม
เก็บเศร้าร้าวระทม..............ฝังให้จมลงพื้นดิน
ยิ้มไว้อย่าอ่อนล้า................มองท้องฟ้าอันโศภิน
ลืมทุกข์และตรมสิ้น............ตราบฟ้าดินสาบสูญไป
สองขาพาก้าวเดิน..............คงเพลิดเพลินตามพอใจ
เยือนถิ่นแดนดินใด............จิตแจ่มใสในทุกกาล
ไขว่คว้าตามล่าฝัน..............ด้วยมุ่งมั่นอย่างชื่นบาน
เก็บเกี่ยวสุขสำราญ.............สร้างตำนานแต้มโลกงาม
ลืมทุกข์ที่ปวดร้าว...............ดุจครู่คราวถูกคุกคาม
พบสุขทุกย่ำยาม.................ซึ่งติดตามเธอนิรันดร์
สานถักด้วยรักแท้................ไม่เพียงแต่แค่ความฝัน
ต่อเติมเสริมสร้างพลัน..........ผูกใจกันทั้งฉัน-เธอ ๚ะ๛
16 ธันวาคม 2547 15:45 น.
อัลมิตรา
..๏ กักขังชั่วกัปกัลป์...............ผ่านคืนวันอย่างเดียวดาย
เผลอจิตคิดหลากหลาย..........ล้วนมลายเพียงครู่คราว
ติดตรึงกว่าโซ่ตรวน...............ยามทบทวนยิ่งเหน็บหนาว
เศร้าสุขทุกเรื่องราว...............บ้างดำขาวเข้าพัวพัน
แวดล้อมด้วยภาพหลอน........ซึ่งบั่นทอนจนแสบสัน
เกรี้ยวกราดเข้าฟาดฟัน..........เหยียบย่ำใจให้สั่นคลอน
ขัดขืนยิ่งข่มขู่........................เข้มแข็งสู้ยังสั่งสอน
เสี้ยวจิตคิดพร่ำวอน...............ไม่โอนอ่อนผ่อนปรนตาม ฯ
..๏ ดวงจิตคิดหลากเล่ห์..........หากโลเลอาจลุกลาม
ตรึกตรองมองติดตาม..............อาจรู้เหตุเห็นเภทภัย
ภาพหลอนแม้นล้ำลึก.............ดุจข้าศึกคึกเกรียงไกร
เผชิญหน้าอย่าหวั่นใจ............แล้วขับไล่อุปาทาน
โซ่ตรวนล้วนความคิด.............ผูกพันจิตจนลนลาน
ห้ำหั่นพันธนาการ..................ซึ่งกักกุมคุมขังตน
ยืนหยัดอย่างองอาจ................ลิ้มรสชาติความเป็นคน
ปล่อยใจให้หลุดพ้น................มิสับสนบนโลกลวง ๚ะ๛