31 มีนาคม 2548 10:29 น.
อัลมิตรา
..๏ ฤๅเพราะเราไม่ก้าวจึงร้าวเจ็บ
ดั่งแผลเย็บรอยกลายลายมิสูญ
กักขังความทรงจำย้ำอาดูร
ทุกข์เพิ่มพูนเสียจนท่วมท้นกอง
เคยสาหัสคนรักมาหักหลัง
เศร้าทุกครั้งคิดไปใจหม่นหมอง
นับแต่นั้นตั้งจิตมิคิดปอง
เลิกร่ำร้องสายสัมพันธ์สัญญาใคร
ขอเข็ดหลาบตราบเท่าเรารู้สึก
แม้ส่วนลึกตัวเราเฝ้าฝันใฝ่
อาจเพราะรักครั้งก่อนหากย้อนไป
มันหลอนใจจนเพี้ยนภาพเวียนวน
จึงยืนหยัดอย่างเดิมมิเติมฝัน
แม้นไหวหวั่นคำใครตอบไม่สน
ยอมอยู่เพียงลำพังอย่างเจียมตน
มิหลงกลมอบหัวใจให้ครอบครอง ๚ะ๛
30 มีนาคม 2548 23:18 น.
อัลมิตรา
..๏ ลดาแดดแสดส่งวางวงแสง
เข้าสอดแซงแซมสร้อยร้อยพฤกษา
เกี่ยวกระหวัดรัดวนสนธยา
สะท้อนตาต้องธารละลานทอง
แก้วกระจกวกไหวพระพายแต้ม
ระย้าแย้มย้วยคลื่นก็ลื่นล่อง
ทุกยาตราตราตรูด้วยเหลืองตอง
มิบกพร่องภาพพิมพ์ดูอิ่มใจ
ตลอดโค้งขนาบแน่นขนัดเขียว
ร่มรกเรี้ยวเลาะเรื่อยลากเลื้อยไหล
ขนานคู่คูคลองสองฟากไป
บรรจบใกล้ไกลลิบต้องพริบตา
ตระหนักนั้นฉันทามายาสิ้น
กระแสสินธุ์เย็นสายคล้ายวรรษา
แสงที่สุดแห่งสุรีย์เปล่งสีมา
แดนใจเรารัตนากว่าทุกวัน ๚ะ๛
29 มีนาคม 2548 23:39 น.
อัลมิตรา
..๏ เสียงนำสันฟ้าเลี่ยง........คามรำ
อั่นสกทามขวัญหวำ............แหว่ทั้น
คิดคามจุกนามขำ...............ตกตระหนื่น
สั่นพรุดแรทดมั้น................ใหญ่ตู้เถือนรุน ฯ
..๏ สำเนียงเสียงฟ้าลั่น........คำราม
อกสั่นทำขวัญหวาม.............หวั่นแท้
คุกคามจิตนำขาม................ตื่นตระหนก
สุดพรั่นรันทดแม้.................อยู่ใต้ถุนเรือน ฯ
..๏ มาหองหมาห่มผ้าย.......บายกัง
เก่าขอดยายใจหัง..............ส่านสะทั้น
อาดสะนีบัดดายหมัง...........กระทิดแจก ลือแล
ลั่งนุกพลานหน้ามั้น............น่วยเดื้องควัวกลาม ฯ
..๏ มองหาหมายห่มผ้า........บังกาย
กอดเข่ายังใจหาย................สั่นสะท้าน
อัสนีบาตดังหมาย................กระแทกจิต แลฤา
ลุกนั่งพลันหน้าม้าน.............เนื่องด้วยความกลัว ฯ
..๏ หมาขะเลกแมวล่อก้า.....บานะพน
สมึงเหนื่อนคาใดมน............เย่ายั้ว
สุงโรจน์แร่งจาพน...............ปับขมวด เท้ยแฮ
จึงใหน่เมาใฝ่ฝั้ว..................แพ่วเก้งวาวแวว ฯ
..๏ เมขลามาล่อแก้ว.............บนนภา
เสมือนหนึ่งคนใดมา.............ยั่วเย้า
แสงโรจน์รุ่งจนพา.................ปวดขมับ แท้เฮย
ใจหนึ่งมัวใฝ่เฝ้า....................เพ่งแก้วแวววาว ฯ
..๏ เสียงนำสิงฟ้าเยี่ยง..........พิวสยาน
จันใส่ปลิวกิ่งหลาน...............แล่วลู้
ยัดลมพามปลิวปาน..............ละเลื่อยริ่ว
เยื่อมิ่งแหย่วอย่างคลู้............คั่นนู้ทานระมอ ฯ
..๏ สำเนียงเสียงฟ้ายิ่ง...........พานสยิว
ใจสั่นปานกิ่งหลิว..................ลู่แล้ว
ยามลมพัดปานปลิว................ละลิ่วเรื่อย
ยิ่งเมื่ออยู่อย่างแคล้ว-.............คู่นั้นทรมาน ฯ
..๏ ยายหมังคูหนึ่งผ้น...........งาตาม
หวึงซั่งควารักพาม................ระแร่วลื้น
ท่ำคืนคุกถาหาม...................สมูเหย่อ
มากหยิแฝวกินหื้น.................เหย่าสร้างใหงเจา ฯ
..๏ ยังหมายคนหนึ่งผู้............งามตา
หวังซึ่งความรักพา.................ระรื่นแล้ว
ทุกคืนค่ำถามหา...................เสมออยู่
มิอยากฝืนกินแห้ว.................อย่างเศร้าเหงาใจ ฯ
..๏ เคียวดนแสเปลี่ยวแท้น....จอหนิง
คึงหน่นออแอบพิง.................ไอ่ดุ้น
มี่ยามเทื่อวอขิง.....................พึงเหนี่ยง
ออดโกบไหนตักกลุ้น..............ม่าเฟื้อคามรำ ฯ
..๏ คนเดียวแสนเปลี่ยวแท้.......จริงหนอ
คนหนึ่งอิงแอบพอ....................อุ่นได้
เมื่อยามที่วิงขอ........................เพียงหนึ่ง
โอบกอดหนุนตักใกล้................เมื่อฟ้าคำราม ๚ะ๛
29 มีนาคม 2548 00:47 น.
อัลมิตรา
..๏ หมากสุกเหลืองส้มสนธยา
วางค่ำล่ำลาทิวาสมัย
เขียนช่อธรรมชาติวาดใจ
อิ่มอุ่นกรุ่นไออัมพวา
เรียบง่ายงามแต่งครองตน
รำไรรอคนค้นหา
ความหมายสายน้ำธรรมดา
ชีวิตอิสราสามัญ
อยู่กรุงวุ่นวายหลายจริต
สังคมถูกผิดบิดผัน
ต่างยื้อต่างแย่งแข่งกัน
แบ่งปันน้ำใจไม่มี
เรียบง่ายสายน้ำอัมพวา
ลบหมอกมายารัศมี
ครรลองปัญญาท่าที
วาดท่วงวางที่สายธาร ๚ะ๛
27 มีนาคม 2548 23:04 น.
อัลมิตรา
..๏ ดารดาษแดงประทับประดับช่อ
ลานลออชมพูพราวและขาวสด
เลื่อมลดาค่าพอชะลอพจน์
พเยียยศยั่วพยางค์ให้วางมา
ร้อนรุ่มสุมไล่หัวใจจี้
อาจดับด้วยมาลีอันมีค่า
เพื่อเยือกเย็นเหยาะลงตรงอุรา
ทุกดอกแห่งบุปผาล้วนสมบูรณ์
ชบาไพรไร้กระถางกลางกระท่อม
อาจมิหอมเช่นกุหลาบใช่สาบสูญ
ค่าแจกันกุก่องอาจกองกูณฑ์
หากจรูญกลับจรายหัวใจเรา
กลิ่นจรุงฟุ้งหอมดอมด้วยจิต
หากแค่พิศเพียงผาดประกาศเขลา
ด้วยคุณค่าน้อยใหญ่ใช่ยิ่ง-เยาว์
มากแง่เงางดงามควรตามดู ๚ะ๛