11 สิงหาคม 2548 11:04 น.
อัลมิตรา
..๏ ตัวอักษรตรงหน้าไม่ปรากฏ
มีคราบน้ำตาหยดจรดกระดาษขาว
คิดจะเขียนเรียงความเล่าเรื่องราว
แสนปวดร้าวทำอย่างไร..แม่ไม่มี
คุณครูขาการบ้านมันช่างยาก
ดั่งกระชากหัวใจรู้ไหมนี่
ใครจะเศร้าเท่าหนูครูตอบที
ร่ำหารักจากแม่นี้..ที่ไหนกัน
เห็นคนอื่นสุขแท้ท่ามแม่พ่อ
หนูแสนท้อยากไขว่แม้ในฝัน
หวังอ้อมกอดอบอุ่นการุณปัน
สิ่งที่โหยหานั้น..มันห่างไกล
ครอบครัวที่พร้อมหน้าคราคืนค่ำ
เสียงแม่ขับลำนำกล่อมขวัญให้
ล้วนแต่เป็นความฝันปั้นแต่งไป
หนูกอดหมอนร้องไห้..ไร้คนแล
อาศัยบ้านสงเคราะห์พอพักพิง
หนูโดนทิ้งขว้างไว้ไร้พ่อแม่
ชีวิตดั่งเรือน้อยถูกลอยแพ
ฝ่ากระแสลำพัง..อย่างเดียวดาย
จากหัวใจเขียนไปเพื่อให้รู้
กระดาษเปล่าส่งคุณครูเล่าความหมาย
เด็กกำพร้าไร้แม่พ่อเคียงคลอกาย
เรียงความคล้ายกระดาษโล่ง..โยงเรื่องราว ๚ะ๛
9 สิงหาคม 2548 13:49 น.
อัลมิตรา
..๏ ผิดหรือเปล่าที่หัวใจไร้คนหวง
ผิดทั้งปวงจะรับไว้ไม่เหหัน
ผิดที่เธอยากอภัยหายเคืองกัน
เถอะ.. !! อย่ายกโทษนั้นให้ฉันเลย
แค่อยากบอกบางใครให้รับรู้
เรื่องหดหู่ของใจใคร่เฉลย
ซึ่งก่อนหน้ามิกล้าออกปากเปรย
คราวนี้เผยเพราะหมดความอดทน
คืนที่เธอสุขสันต์ฉันโศกแสน
อยู่ดินแดนห่างไกลใจสับสน
นักเดินทางเหว่ว้าเข้าตาจน
สืบเสาะค้นกำลังใจเผื่อได้คืน
คืนที่มีเมฆดำฟ้าฉ่ำฝน
ฉันทุกข์ทนเพียงใดใจขมขื่น
หนาวแสนหนาวสาหัสเกินหยัดยืน
น้ำตาชื้นกลับยิ้มแสร้งอิ่มใจ
คืนจันทร์แรมไร้แรงแข่งรังสี
รักเคยมีขาดสะบั้นจึงหวั่นไหว
ยอมจำนนมิติงสิ่งเป็นไป
แม้บางใครพลิกผันคำสัญญา
ตอนนี้ฉันอ่อนแอยอมแพ้พ่าย
หมดความหมายบางใครไม่โหยหา
กล้ำกลืนทนจนท้อรอเวลา
เตรียมหัวใจให้กล้าบอกลาเธอ ๚ะ๛
8 สิงหาคม 2548 14:26 น.
อัลมิตรา
..๏ มาดของเขาเหี้ยมโหดดูโฉดชั่ว
ใครพบเห็นก็กลัวจนตัวสั่น
แถมปากคอเราะรายคล้ายดุดัน
มีนามแฝงถูกกล่าวขวัญแสนจัญไร
เขาอีกคนแอบแฝงแสร้งใสซื่อ
ด้วยหวังซื้อศรัทธาหามิตรได้
ทุกรอยยิ้มริมปากฤๅจากใจ
เบื้องหลังถือดาบใหญ่ไล่ทิ่มแทง
เธอคนนั้นวาจาขวานผ่าซาก
แต่เอ่ยปากคือเปิดใจไม่เสแสร้ง
รักหรือเกลียดก็กล้ามาแจกแจง
เรื่องกลั่นแกล้งตอแหลแม่ไม่มี
นั่นอีกคนงามพักตร์ดูพรักพร้อม
หากจำแนกแปลกปลอมดั่งย้อมสี
ภาพตรงหน้าที่เห็นเช่นผู้ดี
แท้เบื้องลึกอัปรีย์นี่แหละเธอ
ภาพเบื้องหน้าปิดบังเบื้องหลังไหม ?
สร้างภาพหรือจริงใจอะไรเสนอ ?
อาจปะปนจนเปรอะให้เจอะเจอ
อย่าด่วนเผลอเชื่อภาพที่ฉาบลวง ๚ะ๛
7 สิงหาคม 2548 23:33 น.
อัลมิตรา
...ง่ายดายเหลือเกิน
...ฟังเธอจนเพลิน...อย่างภาคภูมิใจ
...กับคำว่ารัก...และคำห่วงใย
...ที่เธอกล่อมให้...จนใจชื่นชม
...ง่ายดายเหลือเกิน
...ฟังดูผิวเผิน...เหมือนให้รื่นรมย์
...แท้แฝงความนัย...ให้ใจตรอมตรม
...เป็นเพลิงคารม...ที่ข่มคุกคาม
...ง่ายดายเหลือเกิน
...กับคำล่วงเกิน...ที่น่าเกรงขาม
...แท้หลอนหลอกให้...ดวงใจคล้อยตาม
...ครั้นเกินหักห้าม...จึ่งซ้ำย่ำยี
...ง่ายดายเหลือเกิน
...ไยเธอหมางเมิน...แล้วเดินหลีกหนี
...ทิ้งฉันจมปลัก...กับความภักดี
...หัวใจป่นปี้...เกินที่เยียวยา
...ยากเย็นเหลือเกิน
...เมื่อยามเธอเดิน...หลบลี้หนีหน้า
...ยิ่งเจ็บยิ่งจำ...บอบช้ำมิสร่างซา
...ร่องรอยน้ำตา...อาบหน้ามิคลาย
...ยากเย็นเหลือเกิน
...คืนวันนานเนิ่น...มิจางห่างหาย
...ด้วยยังคำนึง...ถึงเธอมิเว้นวาย
...แสนเปลี่ยวเดียวดาย...รักร้ายรุนแรง
...ยากเย็นเหลือเกิน
...เธอคงหลงเพลิน...จึงได้หน่ายแหนง
...จงสอนบทเรียนล้ำค่า...ราคาแสนแพง
...รุกฆาตปาดแทง...อย่างแล้งน้ำใจ
...ยากเย็นเหลือเกิน
...เชิญเลย...ขอเชิญ...ให้กระหน่ำซ้ำไป
...เพียงเธอมีสุข...ฉันทุกข์มิเป็นไร
...เพียงผู้เผลอใจ...เธออย่าได้ปรานี
4 สิงหาคม 2548 23:57 น.
อัลมิตรา
กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
..๏ ลากเส้นเน้นสาย
ซ้ำสะบัดวาดลาย.............มุ่งหมายระบายความ
หนักแน่นนุ่มนวล............หลากล้วนรูปนาม
แต้มแต่งแปลงตาม.........งดงามจับใจ ฯ
..๏ ขึ้นรูปเค้าร่าง
ท่วงถนัดจัดวาง..............สรรสร้างสิ่งใด
พินิจพิจารณา.................ปริศนา ณ หทัย
ดุจหินนิลใหญ่................จักเจียรนัยทรง ฯ
..๏ พู่กันพลันสะบัด
นิ้วน้อยคอยตวัด.............แต้มสลัดบรรจง
สีสันพลันขจาย...............คลี่คลายพิศวง
จากจิตจำนง..................เจาะจงแจกแจง ฯ
..๏ เขียนฟ้าราตรี
พร่างพรรณจันทร์ศรี........รัศมีเรืองแสง
เดือนเพ็ญเด่นนภา..........ดาราเปลี่ยนแปลง
ต้นไม้ใบแกว่ง.................ตามแรงแห่งลม
..๏ โลกหล้าจักรวาล
เดือนเพ็ญเด่นตระการ....แสนสะคราญงามสม
เขียนตึกสูงต่ำ.................เหลื่อมล้ำชวนชม
หลากสีนำผสม................รื่นรมย์เหลือคณา ฯ
..๏ สะบัดสีวาดสน
โดดเด่นเป็นต้น...............งามจนตรึงตรา
ใบปลิวพลิ้วไหว................แกว่งไกวไปมา
ดุจฤทัยแห่งข้า ฯ..............นำมาแต่งเติม ฯ
..๏ สายลมคิมหันต์
พลางสะบัดพู่กัน..............ฉับพลันเช่นเดิม
ลู่ลิ้วพริ้วพัด.....................เค้นคัดตวัดเสริม
ปาดป้ายระบายเพิ่ม.........แต่งเติมแต้มสี ฯ
..๏ ผู้คนนิทรา
เปี่ยมสุขนักหนา..............เพียงข้าฯ ยังมี
เขียนดาวกสาวพร่าง........แจ่มกระจ่างราตรี
เฉิดฉันท์พรรณี................ดั่งฤดีให้เป็น ฯ
..๏ ราตรีประดับดาว
ยังระยับวับวาว................พร่างพราวเดือนเพ็ญ
แสนสุขใจนัก...................ควรจักได้เห็น
สิ้นความลำเค็ญ..............ดั่งเช่น จิตรกร ฯ
..๏ จากจินตนาการ
เปลี่ยนแปรรัตติกาล.........ผลงานสถาพร
หนักเส้นเน้นสี.................โสภีศศิธร
งดงามนิรันดร..................ยังสะท้อนสัตย์จริง ๚ะ๛