10 มีนาคม 2549 10:50 น.

..๏ รอรัก

อัลมิตรา

sundown.JPG 
..๏ ทินกรจรเคลื่อนคล้อย.......อัสดง
ลับเหลี่ยมคันธมาทน์ตรง.......ผ่านฟ้า
ยุติความจรัสสุรงค์.................สุกสว่าง
ยังพลัดโลกพรากหล้า............มืดฟ้ามัวดิน ฯ

..๏ ทิชากรต่างร้อง.................ครวญเสียง
เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง...........เปลี่ยวแท้
โบยบินเปล่งสำเนียง..............เสมือนคร่ำ-  ครวญเฮย
ถลาร่อนลงนอนแม้.................อย่างผู้เดียวดาย ฯ

..๏ ชีวิตบ่ผิดเพี้ยน................เพียงกัน
มีแต่ความโศกศัลย์................ค่ำเช้า
ปราศสุขทุกคืนวัน.................ระทมจิต  ยิ่งแฮ
ความทุกข์ยังรุกเร้า................บีบคั้นคุกคาม ฯ

..๏ เหตุไฉนจึงไร้ซึ่ง.............ไมตรี
ไยพลัดพรากจากหนี.............เช่นนั้น
ยังคร่ำครวญเอ่ยวลี................ประพันธ์บท-  โคลงเฮย
ฝากส่งตามลมครั้น................ต่างถ้อยแทนตน  ฯ

.๏  คำนึงถึงแต่เจ้า...............มิวาย  แม่เอย
ทุกข์ครอบงำทำลาย.............ไป่สิ้น
มนต์ขลังรักกลับกลาย..........เป็นอื่น  แลฤๅ
มีดกรีดใจเป็นชิ้น.................บ่ช้ำเทียมกัน ฯ

..๏ คำโคลงหมายบ่งชี้...........อรรถความ
หากทัดทานเหยียดหยาม......ยิ่งช้ำ
วิงวอนอีกทวงถาม................ความสัตย์  นาแม่
ใครเอ่ยเปรยปากย้ำ..............บ่สิ้นสิเนหา ? ฯ

..๏ หวนกลับมาสู่เหย้า...........ดังเคย
โคลงบทรจนาเผย.................เช่นนี้
ขอเพียงอย่าเฉยเมย.............สงบนิ่ง  นาแม่
คำหว่านล้อมบ่งชี้..................เพรียกเจ้าคืนเรือน ฯ

..๏ เรียบเรียงคำร่ำร้อง.........เอนกอนันต์
ถวิลซึ่งคำจำนรร..................เอ่ยเอื้อน
เสียงเสนาะอื่นหมื่นพัน.........บ่ชื่น -  ชมนา
เพียงหนึ่งยามแม่เยื้อน........ใฝ่เฝ้าปรารถนา ฯ

..๏ จิตดั่งดาวพุ่งฟ้า..............ลงดิน
หมดรัศมีโสภิณ...................ประดับหล้า
กลับกลายเช่นกรวดหิน........กลาดเกลื่อน
คงเปรียบเป็นเช่นข้า ฯ.........หมดสิ้นความดี ฯ

..๏ เก็บกรวดใส่ลวดร้อย.......ใจนาง  เถิดเอย
ขออย่าทำเมินหมาง..............แต่น้อย
ยังหมายมั่นสถิตกลาง-........จิตแม่  เสมอนา
เสมือนหนึ่งดาวต่ำต้อย.........ร่วงแล้วหมายเรือง ฯ

..๏ ชีวิตแลจิตเจ้า................เป็นไฉน  แม่เอย
บทบาทโคลงปานใด...........ไป่ซึ้ง
ฤๅเป็นเช่นเหล็กไหล...........หินแกร่ง
จึงบ่เจาะสู่บึ้ง......................สลักเข้าจิตนาง ฯ

..๏ รอคอยรอคู่แล้ว...............แลครวญ-  โคลงแล
ใครเล่าใครเรรวน.................หลอกแล้
แสนกำสรดกำสรวล..............เกินสลัด
หมายเพรียกหมายพร่ำแม้....หมดผู้ผูกพัน ฯ

..๏ สุริยันลับโลกหล้า.............อัสดง
ยังบ่เทียบนวลอนงค์..............หนึ่งนั้น
อยู่ไกลยิ่งเกินประสงค์...........ครองคู่
คงคร่ำครวญโคลงครั้น...........ตราบเจ้ากลับคืน ฯ

..๏ สำนวนอันพรั่งพร้อม........เพียรประพันธ์
รอซึ่งแม่จอมขวัญ..................ล่วงรู้
โคลงบทรจนาอัน...................คับคั่ง
เสมือนหนึ่งดวงจิตผู้..............ใฝ่เฝ้าถวิลหา  ๚ะ๛ 

 				
8 มีนาคม 2549 17:42 น.

..๏ ปรามใจ

อัลมิตรา

 
..๏ เขาเขียนกลอนรำพันถึงจันทร์เจ้า
ดุจหลงเงาแล้วละเมอพร่ำเพ้อหา
หวังบุหลันมีจิตคิดเมตตา
รับรู้บทพรรณนาปัญหาใจ

ทุกวันเขาอั้นอกวิตกหนัก
รักหนอรักเสกทุกข์มารุกใส่
เสมือนสุขแทรกซ้อนซอนภายใน
ยามชิดใกล้อกที่คุก็ทุเลา

แสนอนาถยิ่งนักรักไร้รูป
เหมือนฝากจูบปูนปั้นเพื่อปันเหงา
หลายคนที่จมปลักหลงรักเรา
ตอนจบเศร้าทุกรายมิวายเว้น

ได้โปรดเลิกหลงเงาของเจ้าจันทร์
ตื่นจากฝันพบความจริงสิ่งที่เห็น
ภาพตรงหน้าคือมายาพร่าประเด็น
แท้เดือนเพ็ญที่ปรากฏมิงดงาม  ๚ะ๛ 

				
5 มีนาคม 2549 22:20 น.

..๏ เย้ยยุทธจักร

อัลมิตรา


อันห้วงเวหา...ยามรัตติกาลจันทร์ดารามีมากแท้
หากใต้หล้านั้นมิผันแปร...ยังมีเพียงแค่เราหนึ่งเดียว 
กอดกุมกระบี่คม...ตากลมอันเหน็บหนาวเปล่าเปลี่ยว 
แฝงใบหน้าอันซีดเซียว...หลบเสี้ยวแห่งแสงจันทร์งาม 
 
อันห้วงเวหา...แม้นเดือนดาราแสนดาษดื่น 
ปานประหนึ่ง...เฝ้าหยิบยื่นแนวทางทั้งยังทักท้วงห้าม 
เจ้าเพียงหนึ่ง...ฤๅอาจทะลึ่งเย้ยฟ้าปฐพี...ทุกยาม
เจ้าเป็นเพียงคนทราม..ไยมิครั่นคร้ามผู้เกรียงไกร ? 

อันเสี้ยวจันทร์ฉาย...ดาวรายพรายพราวเบื้องบนฟ้า 
แฝงซึ่งอาชญา...บันดาลบัญชาความทุกข์สุขให้ 
ข้า ฯ น้อมรับกับประกาศิตฟ้าอาญาดินใดใด 
หากจิตที่อาจหาญยิ่งใหญ่...ใช่ปราชัยซึ่งชะตากรรม 

เย้ยฟ้าท้าดิน...ลืมยศปลดศักดิ์สิ้นวาสนา 
ร่ายกระบี่คู่กายา...พลิกพลิ้วลีลาตราบวันยันค่ำ 
ปากเอื้อนมธุรพจน์..บทประพันธ์วรรณกรรม 
ทั้งยังร่ายรำ...มิอ่อนข้อต่อโชคฟ้าชะตาดิน ..

				
3 มีนาคม 2549 17:30 น.

..๏ คิดถึง “ นกตะวัน ”

อัลมิตรา

cover-n1.jpg
..๏  ทุกข์เทวษดวงแดแลรังร้าง
ให้เคว้งคว้างเสียจริงมิ่งขวัญหาย
นกตะวัน..หลบเร้นมิเห็นกาย
แสนเสียดายเคยยลนัยกลกลอน

พ่อไม่มาปรากฏจวบจรดปี
คงบ่มีเยื่อใยในสมร
เป็นวิหคแปรถิ่นบินสัญจร
มิกลับสู่รังนอนบ้านกลอนไทย

เพราะเรายังซาบซึ้งซึ่งกวี
ผลงานอันมากมีที่พ่อให้
พ่อคิดคำแล้วเขียนเจียรจากใจ
บุญคุณพ่อยิ่งใหญ่เกินใครมี

จนวันที่พ่อไปไม่หวนกลับ
คล้ายสุรีย์ลาลับดับรังสี
ความมืดหม่นคลุมฟ้าดั่งราตรี
แลทุกที่ทุกถิ่นเหมือนสิ้นงาม

กระทั่งแว่วเสียงนกยังพกเศร้า
นกเพื่อนเราอยู่ไหน ? ..อยากไต่ถาม
เกรงแต่นกมิตอบมอบนิยาม
เรายากปรามน้ำตาคราคำนึง

อย่าทิ้งรังร้างหนอพ่อนกจ๋า
มิได้แกล้งพรรณาว่าคิดถึง
ทุกคำกลั่นจากใจนัยรำพึง
จากผู้ซึ่งเฝ้ารอพ่อคืนรัง ๚ะ๛ 

				
3 มีนาคม 2549 12:01 น.

..๏ แมวขี้หลี

อัลมิตรา

..๏ ทำเป็นเขียนตัดพ้อและต่อว่า
แสร้งทำท่าเศร้าจริงทุกข์ยิ่งใหญ่
พอลับหลังหน้าชื่นระรื่นใจ
เที่ยวเจ๊าะแจ๊ะใครใครไปทั้งเมือง

ทีเห็นเขียนเพลงยาวจีบสาวโน้น
หลายร้อยหนทำไมไม่เป็นเรื่อง
"แมวขี้หลี"..คำน้อย หนอย !!.. ทำเคือง
เลียนประเทืองตุ๊ดตู่ดูวุ่นวาย

แกล้งเอะอะเหมือนเด็กแล้วเก๊กท่า
"จอมลีลา"..มองแล้วมิแคล้วหน่าย
"คนเจ้าชู้".. ผู้หญิงเรียงล้อมกาย
ยี้ !! ..ผู้ชาย "ชีกอ".. "วัวพ่อพันธุ์"

หากอยากไปเชิญไปเราไม่ส่ง
บอกตรงตรงหัวใจไม่กีดกั้น
นับจากนี้ทางใครก็ทางมัน
ขาดสะบั้นเยื่อใยและไมตรี ๚ะ๛				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา