23 ตุลาคม 2549 21:49 น.

..๏ คีตจากแดนสรวง

อัลมิตรา


..๏ จากหยดหยาดสาดกระเซ็นเป็นเส้นสาย
ซึ่งโปรยปรายใสสะอาดดาษเวหา
หลากเรียงรายเรื่อยเรียงเพียงครั้งครา
ผันพลัดพรากจากฟ้าลาเมืองแมน

ช่างชุ่มฉ่ำยามต้องละอองฝน
บันดาลดลให้ชื่นระรื่นแสน
สายฝนโปรยทั่วถิ่นทั้งดินแดน
ต่างทดแทนให้พืชพันธุ์นั้นงดงาม 

สายวสันต์นั้นกระหน่ำทำนองพร้อม
ดั่งแวดล้อมดนตรีมีล้นหลาม
เสียงสูงต่ำย้ำพยางค์ต่างเนื้อความ
บอกเล่าตามท่วงเสนาะไพเราะเกิน

เช่นบรรเลงเพลงสวรรค์อันเลิศหล้า
พ้องภาษาเสียงผสานผ่านเขาเขิน
ตราบต้องไม้ใหญ่น้อยพลอยจำเริญ
ให้เพลิดเพลินเสมือนดั่งฟังดนตรี

เสียงสายฝนหล่นร่วงสู่ห้วงสินธุ์
ดั่งเสียงพิณกังสดาลซ่านสุขี
ซึ่งเร่งเร้าเพลาเพลงบรรเลงมี
เปี่ยมเปรมปรีดิ์ด้วยสดับเพราะจับใจ

แทรกสายลมผสมรับเยี่ยงขับขาน
ว่าแว่วหวานผ่านสะพัดเสียงชัดใส
ดั่งเมธีกวีปราชญ์เปรื่องปราดใด
มาเรียงร้อยถ้อยให้ตื่นใจจำ

เคยสูงลิ่วปลิวสู่หมู่พงหญ้า
ยังต้นกล้าหญ้าไทรให้ชื่นฉ่ำ
ทั้งกิ่งไผ่โอนเอนเช่นลำนำ
เริงระบำย้ำย้ายส่ายรูปทรง

เวิ้งหวีดหวิวลิ่วลู่หมู่พฤกษา
กบเขียดปลาระรื่นชมสมประสงค์
บ้างแหวกว่ายกระโจนจับกับปอปรง
แล้วดิ่งลงสนุกใจในคูคลอง 

ครั้นสิ้นสายพรายฝนบนเวหา
บังเกิดแสงวิจิตราโสภาผ่อง
แสงสุรีย์อุ่นวิไลให้เรืองรอง
นภาผองพร่างแพรวดั่งแก้วกานต์

หลากสีแสงแต่งฟ้าโสภานัก
ให้ประจักษ์อัจจิมา*มหาศาล
เป็นโค้งงามล้ำสิริรัศมิมาน*
ตราบเนิ่นนานชื่นชมสมอุรา ๚ะ๛ 

bar_orng.gif				
21 ตุลาคม 2549 23:27 น.

เรื่องราวที่ไร้รอย

อัลมิตรา


...หากฉันมีโอกาสพบเธออีกสักครั้ง
...ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือไปจากเธออีกแน่
...ช่วงปลายฝน ที่ใกล้จะเริ่มต้นช่วงต้นหนาว
...มีกลิ่นดอกไม้ที่เบ่งบานในสายหมอก
...ทำให้บทเพลงแห่งความทรงจำหวนคืนมา
...จนฉันรู้สึกอ่อนไหวอยู่ในจิตใจ

...เวลาที่ผ่านพ้นไป..
...การที่ได้พบเธอ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์
...ดั่งสายลมอันแผ่วเบาที่พัดพลิ้ว
...เธอจับมือฉันอย่างอ่อนโยนและพาฉันเดินก้าวไป

...และถึงแม้ว่า เหตุการณ์เหล่านั้นจะผ่านมาเนิ่นนาน
...ฉันก็ไม่อาจลืมเลือนภาพนั้นได้เลย
...ฉันยังคงได้ยินเสียงของเธอในสายลม
...ราวกับว่า ความทรงจำที่เลือนหาย  มันกลับคืนมา
...ฉันจะไม่หวาดหวั่นต่อเรื่องใด ๆ 

...ฉันพร่ำบอกกับตัวเองว่า .. 
...ถ้าฉันมีโอกาส ฉันอยากจะที่ได้พบเธอในสถานที่แห่งนี้อีก
...เพื่อพบเธออีกครั้งในวันที่แสนสดใส
...ของฤดูกาลสีชมพูที่จะมาถึง .. ด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

...วันเวลาที่ผ่านไป ..
...ความเดียวดายที่เคยมีบนเส้นทางแห่งดอกไม้โปรยปราย

...ฉันรู้ตัวดีว่า .. 
...ฉันไม่อาจย้อนกลับไปยังเวลาที่เลือนหายไปได้เหมือนกันวันนั้น
...แต่เธอรู้มั๊ย ทิวทัศน์ของที่นี่ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย

...ถึงแม้ว่า ฉันยังคงจมอยู่กับการรอคอยที่หงอยเหงา
...และท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่พลิ้วไหวในสายลม
...รวมถึงภาพที่ผุดขึ้นเหมือนคลื่นระรอกบนผิวน้ำ
...ซึ่งฉันคิดว่า  สิ่งเหล่านั้น หากมันมีความสำคัญมากเท่าไหร่ 
...ฉันก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

...ความรู้สึกที่อ้างว้างเดียวดาย และเฝ้าโหยหาใครคนหนึ่ง
...เหมือนว่า ฉันกำลังวิ่งไล่คว้าเงาบาง ๆ ในช่วงเวลานี้
...ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนคนหลงทาง


				
20 ตุลาคม 2549 08:21 น.

..๏ รากชีวิต

อัลมิตรา


..๏ คนคนหนึ่งกว่าจะผ่านวันวานได้
ต้องร่ำไห้เสียน้ำตากี่คราหนอ
หากความรักหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ
คงอยู่อย่างรันทดท้อทรมาน

แลสาวน้อยหน้าใสไร้เดียงสา
เธอฟันฝ่าทุกข์ผจญให้สงสาร
สิบแปดฝนสิบแปดหนาวที่ร้าวราน
สุขเบิกบานคลับคล้ายมองไม่เจอ

มากรอยแผลชอกช้ำเธอจำเป็น
ต้องซ่อนเร้นเก็บไว้ไม่กล้าเสนอ
หวังหยดหนึ่งน้ำใจใครปรนเปรอ
ชุบชีพเธอสดใสฟื้นใจคืน

แต่รอบข้างเธอนี้ไม่มีใคร
ที่เป็นไปคล้ายชะตาพาหยิบยื่น
เธอยังคงชอกช้ำทนกล้ำกลืน
เกินขัดขืนสุดดิ้นรนบนโลกจริง

คนคนหนึ่งกว่าจะผ่านวันวานได้
บ้างยากไร้เอน็จอนาถขาดทุกสิ่ง
บ้างเหลือล้นคนรักที่พักพิง
บ้างถูกทิ้งให้เผชิญเดินลำพัง 

โอ้..สาวน้อยหน้าใสไร้เดียงสา
ร้าวอุราทุกข์ทนแต่หนหลัง
จะก้าวย่างอย่างไรหากไร้พลัง
ยามพลาดพลั้งผู้ใดหมายประคอง 

อยากบอกเธอคนนั้นฉันก็เป็น
ความยากเข็ญ,ความเศร้าดุจเจ้าของ
ปราศคนที่สนใจใคร่เกี่ยวดอง
เราต่างพ้องชีวิตรากผิดพันธุ์ ๚ะ๛


				
17 ตุลาคม 2549 17:08 น.

..๏ กี่นาน ?

อัลมิตรา


..๏ อันเรื่องราวมากมายทั้งหลายแหล่
คือตัวแปรให้จิตติดปัญหา
หากไม่สืบเสาะผลค้นที่มา
ปล่อยเวลาพอกพูนสิ่งวุ่นวาย

จากเรื่องเล็กเรื่องน้อยพลอยลุกลาม
จนยากปรามผู้กระทำย่ำเสียหาย
คิดวางเฉยหวังผ่านยิ่งบานปลาย
ผู้มุ่งร้ายฉวยโอกาสปราดซ้ำเติม

ไร้สาระคือต้นเหตุอาเภทภัย
ก็เป็นได้ถ้าหากหลายปากเสริม
ด้วยพยาบาทเคืองขุ่นเป็นทุนเดิม
จากแรกเริ่มจึงกลายโตมโหฬาร

มูลสาเหตุเพียงน้อยดูด้อยค่า
แต่ผลลัพธ์ตามมามหาศาล
ยามทุกสิ่งพลาดพลั้งเกินหยั่งการณ์
อีกกี่นานพลังใจกู้ได้คืน ? ๚ะ๛

				
8 ตุลาคม 2549 22:30 น.

สีสันแห่งสายลม CoLors Of The Wind

อัลมิตรา

Colors   Of   The   Wind . .
สี สั   ห่      . .

..๏ เจ้าโปรดได้ใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ 
ถึงถิ่นที่พสุธาเจ้าอาศัย 
มีคุณค่าหลายหลากมากเพียงใด 
ฤๅปล่อยให้อุดมการณ์นั้นสิ้นลง 

อันห้วงน้ำธรรมชาติเคยปรารถนา 
ควรรักษาให้งามดั่งความประสงค์ 
ไยปล่อยร้างหมางเมินเกินดำรง 
ให้จบลงสมัยเจ้าเท่านั้นฤๅ 

เจตน์จำนงคงมิใช่นัยยะนั้น
ซึ่งสารพันความจริงสิ่งยึดถือ- 
ขอเพียงเจ้าตรองบ้างอย่าวางมือ
ทุกสิ่งคือชีวิตและจิตใจ 

ด้วยข้า ฯ รู้ว่าภูผามหาศาล 
เด่นตระหง่านเป็นนิยามความยิ่งใหญ่ 
ทั้งรวยระรินกลิ่นบุปผาพฤกษาไพร 
ล้วนทำให้สดชื่นจิตรื่นรมย์

เห็นสรรพสัตว์ชาติพันธุ์อันหลากหลาย 
เยื้องย่างกรายแสนสนุกต่างสุขสม 
จึ่งเข้าใจในสัตยธรรมความนิยม 
เป็นสังคมธรรมธาติอาจอ้างอิง 

ลองใคร่ครวญพิจารณาซึ่งสาเหตุ 
โดยสังเกตุมนุษยชนจนสรรพสิ่ง 
แม้พวกเราแตกต่างอย่างแท้จริง 
แท้ชายหญิงเสมอกันทุกชั้นชน 

มีชีวิตจิตใจวิสัยทัศน์ 
จงแจ้งชัดพิจารณาหาเหตุผล 
เราต่างเป็นสุจริตวิศวชน 
เฉกเช่นเจ้า ฯ ผู้ดั้นด้นคนเมืองนั้น 

ถ้าเจ้ามีความฝันอันยิ่งใหญ่ 
ด้วยจิตใจเปี่ยมพลังทั้งมุ่งมั่น 
จักพบสิ่งสารพันอันอัศจรรย์ 
ที่เจ้านั้นคาดหวังทั้งชีวี 

นั่นเสียงวฤก*พฤกษ์ไพรใดเห่าหอน 
ครั้งศศิธรแจ่มจรัสเรืองรัศมี ? 
เจ้าแมวป่าว่องไวในท่วงที 
ต่างหลบรี้โจนทะยานผ่านไปมา 

ลวดลายหลากมากมีสีสวยสด 
เช่นปรากฏให้คิดซึ่งปริศนา 
เจ้าจักเลียนเปลี่ยนเสียงเยี่ยงสกุณา 
ทั้งสัตว์ป่าทั่วไปในบรรพต ? 

ที่เจื้อยแจ้วแนวป่าพนาสัณฑ์ 
เสียงลดหลั่นสูงต่ำเกินกำหนด 
ชมไม้ป่าเถาวัลย์อันเลี้ยวลด 
ซึ่งไม่คดเหมือนหนึ่งในจิตใจตน 

เจ้าจักเพียรเขียนวาดสมปรารถนา 
ให้โสภางดงามตามเหตุผล 
เป็นลมพัดผ่านคีรีคิริกานน* 
บันดาลดลแตกต่างนั้นอย่างใด ? 

อันฤดูกาลแห่งพระพายอันกลายผัน 
บางครานั้นเสมือนโกรธโทษยิ่งใหญ่ 
บางครั้งแผ่วพัดผ่านซ่านทรวงใน 
เจ้าจักเพียรเขียนได้ให้ครบครัน ? 

มาค้นหาพุทธธรรมอันล้ำค่า 
ในขุนเขาลำเนาป่าพนาสัณฑ์ 
มารับรู้สัจจริงสิ่งสามัญ 
ชิมผลสุกลูกไม้นั้นอันโอชา 

มาสัมผัสสัตยธรรมล้ำเลอยิ่ง 
แล้วทุกสิ่งที่เจ้าเฝ้าค้นหา 
ล้วนรายล้อมทั่วไปให้พิจารณา 
ต่างสวยงามล้ำค่ากว่าคาดเดา 

แท้ลมฝนบนฟ้าอีกชลาศัย 
เช่นพี่น้องคล้องใจในเรือนเหย้า 
นกกระสาตัวนากหลากหลายเชาว์ 
เป็นเพื่อนเราตลอดไปด้วยไมตรี 

แล้วเมื่อเราเปี่ยมล้นกุศลจิต 
เหมือนญาติมิตรสนิทใจไม่หน่ายหนี 
พร้อมโอบเอื้อทุกคราอย่างปรานี 
ยามเรามีประสบเหตุพบเภทภัย 

ตราบยังเพลินเดินหลงในสงสาร  
จวบสิ้นกาลไม่รู้ฝั่งอยู่ไหน 
กิเลสกรรมนำวิบากหลายหลากไป 
ครั้นเผลอไผลหลงกลจักวนเวียน 

จงใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ที่ดวงจิต 
สิ่งถูกผิดชนะแพ้ล้วนแปรเปลี่ยน 
เจ้าจักแจ้งในสัจธรรมอันจำเนียร 
หมายรักษ์เกียรติ์สุขไว้อย่างไรกัน 

หากประหาณ*โพธิญาณพิศาลสุทธิ์ 
ซึ่งประดุจคุณธรรมนำสุขสันต์ 
แล้วเจ้าจงเพ่งพินิจจิตสัมพันธ์ 
สิ่งเหล่านั้นจักยังคงสูงส่งฤๅ ? 

หากเจ้ามีความฝันอันยิ่งใหญ่ 
ด้วยจิตใจเปี่ยมพลังทั้งเชื่อถือ 
ความพิลาสอัศจรรย์อันเลื่องลือ 
เหล่านั้นคือผลสัมพัทธ์แห่งปรัชญา 

นั่นเสียงวฤก*พฤกษ์ไพรใดเห่าหอน 
ครั้งศศิธรแจ่มกระจ่างกลางเวหา ? 
แม้นชนชั้นพันธุ์เผ่าเราแปลกตา 
เจ้าจงอย่าได้วิตกตระหนกเลย 

ร่วมปรองดองคล้องใจให้คงมั่น 
แล้วรำพันบทกวีที่เอื้อนเอ่ย 
เพลงพรรณนาป่าเขาเราคุ้นเคย 
ข้า ฯ จักเปรยถ้อยคำนำรื่นรมย์ 

ร่วมบรรยายร่ายกวีเปรมปรีดิ์นัก 
ด้วยประจักษ์ความงามตามเหมาะสม 
ทั้งสีสันตระการใจแห่งสายลม 
แล้วชื่นชมสมดุลย์อย่างสุนทรี 

เจ้าจักแจ้งสัจธรรมความจริงแท้ 
ความผันแปรแห่งโลกธรรมตามวิถี 
ตราบเมื่อเจ้าระบายความตามเสรี 
นิยามสีซึ่งเปลี่ยนแปลงแห่งสายลม  ๚ะ๛ 

pocaline.gif				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา