12 ธันวาคม 2549 17:33 น.
อัลมิตรา
..๏ สืบเสาะหาความจริงอันยิ่งใหญ่
ท่ามเสียงพร่ำภายในหัวใจฉัน
ซึ่งบางครั้งผุดปุจฉาสารพัน
สิ่งอัศจรรย์เพริศพิไลใครให้มา ?
ทั้งดาว,เดือนบนฟ้าที่ปรากฏ
สุดจารจดบทกวีชี้ชัดค่า
ดวงอาทิตย์,ต้นไม้,สายธารา
ดาษดื่นตาเกินจัดสรรพสัตว์มี
ชวนขบคิดสงสัยใครหนอสร้าง
ส่วนเวิ้งว้างกว่าจะเป็นดั่งเห็นนี่
โลกสดสวยดั่งประสิทธิ์ด้วยฤทธี
ทุกชีวีดำรงได้ใครเจือจาน ?
ออกแสวงแหล่งหลักแห่งศรัทธา
หวังวิญญาณ์วุ่นวายคลายฟุ้งซ่าน
ก่อนจะถูกธุลีกลบขอพบพาน
เพื่อกราบกรานสำนึกคุณผู้จุนเจือ ๚ะ๛
11 ธันวาคม 2549 00:09 น.
อัลมิตรา
..๏ ครั้นดาวเคลื่อนเดือนลอยคล้อยเวหา
ผองดาราโรจน์รุ่งพุ่งแสงสาย
แสนอัศจรรย์ราตรีที่เพริศพราย
ทั้งเรียงรายประชันแสงแห่งความงาม
ซึ่งแสงดาวพราวกระพริบระยิบระยับ
เหนือคณานับดาวพิไลทั้งไถ่ถาม
ว่ากลุ่มดาวสกาวนั้นอนันต์นาม
ครั้นมองตามยามคืนรื่นฤดี
เจ้าเรียงรายฉายแสงแข่งจันทร์ผ่อง
แต้มเวหานภาผองมองสวยสี
สุดขอบฟ้าหล้าตระการปานแก้วมณี
ทุกราตรียังคะนึงถึงดาวเดือน
ปานกลุ่มแก้วแวววิไลให้ปรารถนา
บ้างบางคราจรกระจายคล้ายคลาดเคลื่อน
พุ่งผาดแผงแจ้งกระจ่างต่างเยี่ยมเยือน
ผ่านดวงเดือนเสมือนเย้ากระเซ้าพลัน
คงไถ่ถามความคำอันล้ำเลิศ
คงบังเกิดไมตรีที่ห้วงมหรรรพ์
คงแช่มชื่นรื่นสราญแต่กาลบรรพ์
คงรังสรรค์กานท์กวีที่เบื้องบน
ล้วนหลากหลายฉายฉวีรัศมีแสง
ทั้งแต้มแต่งเบื้องนภาเวหาหน
จนพร่างพราวสกาวสรวงห้วงสากล
แสนโศภณจนพินิจจิตตรึงตรา
ดาวเคียงเดือนเสมือนใครเคยใกล้ชิด
สุขสัมฤทธิ์พลางพร่ำคำภาษา
เบื้องบทความล้ำกวีที่พรรณนา
มาชมฟ้าดารารายพรายศศิธร
เจ้าคล้อยเคลื่อนเยือนทิศวิจิตรนัก
แจ่มประจักษ์วิมานแดนแสนภัสสร
พุ่งหลบหลีกปลีกไปในอัมพร
บ้างจากจรเร้นหลบสู่ภพใด
ทุกคราวคืนยืนมองผองเวหา
หมายดาราเดือนงามเฝ้าถามไถ่
ว่าแสนสุดปรารถนาดีมีห่วงใย
เกินกว่าใครดุจดาวพราวเคียงเดือน ๚ะ๛
9 ธันวาคม 2549 22:47 น.
อัลมิตรา
เ รื อ ลำ ใ ห ญ่ ล่ อ ง ไ ป ไ ก ล ลิ บ ลั บ
แ ส ง ท อ ง จั บ ฟ้ า ค ร า ม ง า ม ภู ผ า
ร ะ ล อ ก ค ลื่ น พ ลิ้ ว ไ ห ว ใ น ธ า ร า
ทุ ก จิ น ต น า สื่ อ ไ ด้ หั ว ใ จ เ ธ อ
...ไม่ว่าฟ้าจะหม่นหมอง,คะนองพร่ำ
...ล้วนจดจำสิ่งเคยคุ้นอบอุ่นเสมอ
...เท้าเปลือยเปล่าเริงร่ายคล้ายละเมอ
...แล้วพลั้งเผลอบอกรักไปใต้แสงจันทร์
...ดวงตาเธอนั้นปรากฏทุกบทแจ้ง
...ปราศเสแสร้งสิ่งปกปิดจริตผัน
...แม้นเวลาจะเนิ่นไปคล้ายนานวัน
...สุขเกินกลั้นยังเก็บไว้ในอารมณ์
...แล้วต้องหนาวกี่คราวหนอพ้อรำพึง
...หากวันหนึ่งเราต้องพรากจากสุขสม
...วอนเธอโปรดรั้งหัวใจอย่าได้ตรม
...เรื่องชื่นชมย่อมมีมาอย่าหวั่นใด
...ดูนั่นสิ !!ที่สนามยามเด็กเล่น
...ทโมนทะเล้นช่างลิงโลดแสนสดใส
...เสียงหัวร่อหยอกกระเซ้าแหย่เย้าใคร
...ฉันจำได้ความเบิกบานวันวารเคย
...และภายใต้ร่มเงาไม้ในยามนี้
...ความจริงที่ซ่อนไว้ฉันใคร่เฉลย
...รักของเรานานเนา แต่..มิเก่าเลย
...เราต่างเผยหัวใจ..ในดวงตา
==============================
1 ธันวาคม 2549 11:13 น.
อัลมิตรา
..๏ ดอกใบบางลู่พลิ้วเป็นทิวแถว
เรียงเป็นแนวเหลืองอร่ามงามสีสัน
ยามต้องแสงสุริยาโสภาพรรณ
แสนเฉิดฉันงามตาช่างน่าชม
ครั้งลมพัดระบัดใบให้ไหวหวาด
ครั้นลมคลาดคืนทรงตรงเหมาะสม
คราวดอกงามโยกย้ายส่ายตามลม
เป็นเสียงผสมหวานแว่วแผ่วผ่านมา
ดอกบอบบางช่างสลวยสดสวยสี
ทั้งท่วงทีสง่างามตามภูผา
อ่อนเอนเอื้ออย่างอัศจรรย์เกินพรรณนา
เช่นลีลานาฏกรรมอันล้ำเลอ
ดั่งเย้ายวนชวนภมรมาร่อนลิ้ม
ผองผึ้งชิมเกสรตอนพลั้งเผลอ
ต่างติดใจในรสหวานซ่านละเมอ
คงพร่ำเพ้อคราวพรากจวบจากจร
กี่กาลเนิ่นเกินใครใคร่ลืมหลง
จิตพะวงย้อนไปในคราวก่อน
ติดตรึงใจบัวตองต้องอาวรณ์
ยามเจ้าค้อนโอนเอนเช่นเพรียกพยางค์
เสพย์เสียงเสนาะเพราะเสมอในทุกสมัย
ระรื่นฤทัยระเริงมีดั่งกวีอ้าง
ทั้งงามทรงระหงให้ได้ชมพลาง
ต้นบอบบ้างช่างระบำตามพระพาย
แม้นอยู่สูงยังสวยสลวยแท้
แม้นเพียงแค่พืชน้อยด้อยความหมาย
แม้นไร้ค่าต่างมณีที่แพรวพราย
ยังท้าทายวันหนาวทุกคราวคืน ๚ะ๛
30 พฤศจิกายน 2549 12:55 น.
อัลมิตรา
๏ จอมโจรผู้หนึ่งซึ่งคะนอง.....เก่งกาจมาดผยอง
หมายปองของเราเอาไป
หลายเล่ห์กลล้ำเหลือใจ...........ล้วนหลากมากใด
เสมือนใคร่รุกล้ำปล้นสะดม
วนเวียนสนทนาคารม..............หวานแว่วเหมาะสม
เสมือนชมให้ชื่นรื่นฤดี
ฟังเพลินมธุรวาที....................ไพเราะเสนาะดี
เสมือนมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเจ ฯ
๏ ความเคลิ้มเริ่มให้โลเล.........มึนเมาหลงเล่ห์
ด้วยเพทุบายขยายความ
ครั้นเป่ามนตราพยายาม...........บุกรุกคุกคาม
เกินห้ามให้หลงงงงวย
หูตาฝ้าฟางเอออวย...................อย่างไรใช่ด้วย
ดังป่วยด้วยยาขนานหนัก
มองภาพเบื้องหน้าพร้อมพรัก....โลกนี้ได้ประจักษ์
เสมือนนักมายากลแสดง ฯ
๏ ครั้นร่ายลีลาเปลี่ยนแปลง.......ท่วงท่าทะมัดทะแมง
กลั่นแกล้งหัวปักหัวปำ
จินตนาการตามความจำ............ของเรามืดดำ
ด้วยคำมนต์ขลังจังงัง
จนสบโอกาสพลาดพลั้ง.............บุกรุกด้วยพลัง
มุ่งหวังสิ่งใดไขว่คว้า
ฉุดกระชากลากชิงอุรา...............ไร้เหตุเมตตา
แท้มาปล้นจี้นี่เอง ฯ
๏ ที่แท้มาตรการบรรเลง............ให้ฉงนอลเวง
ช่างเก่งแกร่งกล้าเกรียงไกร
โอ้นี่มหาโจรปล้นใจ...................สมจริงยิ่งใหญ่
ฉับไวกลยุทธสุดยอด
ย่องมาหว่านเสน่ห์โดยตลอด.......ครั้นหลงย่องตอด
แล้วดอดขโมยพลันทันที
ยังจำคำหวานซ่านฤดี..................หลากหลายไมตรี
โอ้นี่..เราหลงรักฤๅ ? ๚ะ๛