10 มกราคม 2550 12:30 น.
อัลมิตรา
๏ เคยงามยามราตรี................แสนโสภีเกินพรรณนา
แจ่มกระจ่างหว่างเวหา............แต้มแต่งฟ้าเมื่อคราคืน
แพรวพราวทุกคราวครั้ง...........งามพร้อมพรั่งอย่างยั่งยืน
ใครชมย่อมรมณ์รื่น.................ทุกครั้งคืนใคร่ครอบครอง
๏ ตราบจนเจ้าหล่นร่วง...........จากแดนสรวงจึงหม่นหมอง
ก่อนงามล้ำเรืองรอง................ไยกลับต้องสิ้นแสงงาม
คลาดคล้อยลอยร่วงดิน............ให้หวนถวิลทุกย่ำยาม
ฤๅอสูรมาคุกคาม.....................ใคร่ไถ่ถามอีกทัดทาน
๏ ดาวเอยเจ้าดาวน้อย.............โปรดล่องลอยสู่ถิ่นฐาน
ความงามยามวันวาน...............ตราบนิจกาลจักอยู่ยง
แม้สิ้นแสงแห่งเจ้า..................ผองข้า ฯ เล่ายังมั่นคง
ความงามล้ำสูงส่ง....................แห่งเจ้าคงติดตรึงใจ
๏ สิ้นแล้วเจ้าดาวน้อย..............แม้นเจ้าคล้อยล่องลอยไกล
ดับแสงแปลงเปลี่ยนไป............สู่แดนใดจงสุขพลัน
เหน็บหนาวเมื่อคราวก่อน.........อีกเหนื่อยอ่อนในคืนวัน
จงประสบพบสุขสันต์...............ตราบนิรันดร์อย่างยั่งยืน ๚ะ๛
4 มกราคม 2550 12:18 น.
อัลมิตรา
..๏ ยังห่วงใยกันไหมอยากไถ่ถาม
ยังติดตามตื้อเราหรือเปล่าหนอ
หนึ่งปีที่ผ่านไปแม้นใครรอ
หัวใจนั้นเริ่มท้อหรือพอทน
รักเพิ่มหรือลดลงชวนสงสัย
ถ้าบังเอิญเจอใหม่แล้วใจสน
คล้ายเรานั้นจมภวังค์ความกังวล
วิตกจนอกพร่ำเป็นคำกลอน
รักคงเดิม/เปลี่ยนแปลงยังแย้งคิด
ว้าวุ่นจิตมาตลอดยากถอดถอน
เพราะเรานั้นนิสัยแย่แกล้งแง่งอน
เขาออดอ้อนเท่าไหร่ทำไม่แล
แท้ใจเขาคงเหลือความเบื่อหน่าย
ความรักพลันเหือดหายสลายกระแส
อาจเป็นได้ศกเปลี่ยนคนเปลี่ยนแปร
เราก็แค่เปรยไว้เผื่อใครลืม ๚ะ๛
29 ธันวาคม 2549 17:15 น.
อัลมิตรา
..๏ แล้วแต่ผลคนมากพิพากษา
ใครนินทาถากถางก็ช่างเขา
จะจริงเท็จอย่างไรหัวใจเกลา
ผู้รู้เท่าตนเอง...เกรงไม่มี
เพราะป่วยการอธิบายขยายความ
หรือคิดปรามลิ้นคนทำป่นปี้
เจ้าจงจำคำพ่อทุกกรณี
เรื่องเช่นนี้ควรงดจงปลดวาง
อย่าเสียศูนย์ดุลล้มให้ตรมจิต
จงเร่งคิดประคองตนพ้นหมองหมาง
พึงระวังภัยเร้นตามเส้นทาง
สมควรห่างจิ้งจอกคนหลอกลวง
วงการเน็ตวกวนหลากกลเล่ห์
แม้นทุ่มเททุ่มใจไม่รู้ล่วง
เจ้าอาจติดกับดักเขาตักตวง
ยากสลัดบ่วงมรสุมเรื่องกลุ้มใจ
ส่วนร้อยกรองสารพันสิ่งฝันเฟื่อง
อย่าคุยเขื่องทับถมขัดคนไหน
จงออกตัวมิถนัดสันทัดใด
คำชมใครอย่าถลำจิตนำพา
นอกเหนือการเสวนาสมาคม
ควรเหมาะสมในขอบเขตคบหา
ให้ระวังคนร้ายร่วมชายคา
คราวเสียท่าหมดสนุกทุกข์เข้าตัว
เพราะคนพาลมักพาไปหาผิด
เพราะบัณฑิตหนุนดีเปรมปรีดิ์ทั่ว
หมั่นตรึกตรองก่อนให้ใจพันพัว
อย่าเกลือกกลั้วหลงกลคนริยำ
จงทบทวนคำอธิบายนัยพ่อสอน
อย่าเพียงย้อนนึกให้ใจระส่ำ
ด้วยพ่อหวังเพียงเจ้าเข้าใจจำ
พ่อพูดพร่ำเพื่อใครไปคิดดู
ก่อนนั้นเจ้าช้ำใจเพราะไม่พร้อม
อุปสรรคย่อมทำให้ใจหดหู่
หนึ่งปีภัยมากมายคล้ายพันตู
เจ้าไม่รู้จึงสาหัสจิตซัดเซ
และแล้วเรื่องวันวานเจ้าผ่านพ้น
เรียนรู้คน,เรียนรู้ใจ,ใครเจ้าเล่ห์
เปรียบเจ้าลงเรือน้อยลอยทะเล
ถูกคลื่นเห่พายุกล่อมย่อมแปรปรวน
แต่เมื่อผ่านพ้นภัยไปถึงฝั่ง
เจ้าจักหยั่ง ชั่ว-ดี มีคละถ้วน
ให้เลือกผูกไมตรีที่สมควร
ให้แยกส่วนตัดใยไม่สัมพันธ์
ฟังพ่อเถิดลูกพ่อตรองหนอเจ้า
หลากเรื่องเก่าที่มีในปีนั่น
เป็นบทเรียนเลิศล้ำมากสำคัญ
ปีหน้านั้นจะได้ไม่ต้องตรม
จงคิดดีทำดีอย่างที่หวัง
อย่าหยุดยั้งแม้นใครใคร่ถุยถ่ม
คำคนที่ให้ร้ายคล้ายแล้งลม
เจ้าจงข่มจิตตนอย่าหม่นตาม
อุดมการณ์ใดใดจงใสซื่อ
ตัวอย่างคือนายอินของภูมินทร์สยาม
ปิดทองพระด้านหลังปราศขลังงาม
แต่ล้นหลามคุณธรรมการกระทำดี
ให้อยู่อย่างพอเพียงเพื่อเพียงพอ
เดินตามรอยของพ่อพอสุขขี
มิตรภาพตราบสิ้นฟ้าค่ามากมี
นิยามนี้จงรักษ์ไว้ให้นิรันดร์ ๚ะ๛
27 ธันวาคม 2549 07:48 น.
อัลมิตรา
..๏ สิ้นแสงดาวพราวนภาจันทราผ่อง
ไยหม่นหมองทั่วหล้าเวหาหน
จึ่งเดียวดายในภวังค์ด้วยกังวล
พลันจำนนความเหงารุกเร้าใจ
ครั้นหอมหวนรัญจวนใจในคืนเหงา
ลมแผ่วเบาพัดพามาจากไหน
กลิ่นราตรีที่หอมรายล้อมใจ
เพื่อผู้ใดใครเหงาความเศร้ามี
ดอกงดงามยามแย้มแฉล้มขาว
ฤๅเดือนดาวเจิดจรัสสิ้นรัศมี
แล้วร่วงหล้ามาประดับกับโลกีย์
เป็นราตรีหอมกรุ่นละมุนมาน
จากแดนดินถิ่นเหย้าสุดเศร้าโศก
ประโลมโลกจนใจใคร่เรียกขาน
แล้วคร่ำครวญหวนหามาเนิ่นนาน
กี่รัตติกาลผ่านพ้นจนแรมรา
หอมอบอุ่นกรุ่นกลิ่นบ่สิ้นสร่าง
แม้นอ้างว้างเปลี่ยวเหงาเศร้านักหนา
แม้นร่วงโรยโปรยหล่นบนพสุธา
ความโศกาเสมือนหอมยอมอาลัย ?
ดอกเจ้าลอยคล้อยคลาดทั้งหวาดหวั่น
กลิ่นเจ้านั้นเดินทางอย่างไกลใกล้
ยามราตรีที่หม่นจนเหงาใจ
ดั่งผู้ใดพลัดพรากฝากถ้อยคำ
หอมราตรีบ่สิ้นถวิลหา
รำเพยพาอาลัยในคืนค่ำ
โอ้ราตรีหมองหม่นจนจดจำ
ยังครวญคร่ำทุกคราเมื่อราตรี
กลิ่นของเจ้าดังอาชญาพาหวั่นไหว
แม้นใกล้ไกลหอมถวิลทุกถิ่นที่
หอมจนหวนคำนึงถึงคนดี
ว่าคืนนี้เปลี่ยวเหงาเศร้าโศกา
จึงวอนขอต่อฟ้านภาสวรรค์
เพื่อจอมขวัญได้ประจักษ์ตระหนักว่า
หอมราตรีกี่ครั้งยังร้างรา
ยังบ่สิ้นสิเนหาทุกราตรี ๚ะ๛