๏ ตื่นเต้นกันสนั่นเมืองเรื่องแพนด้า ต่างเฟ้นหาสนุกสนานคิดขานขวัญ แค่เลือกชื่อลือเล่าเมาท์ทั้งวัน บ้างเดิมพันหมูปิ้งหวังชิงชัย ไปรษณีย์นับเงินเพลินเพราะหมี พิมพ์โปสการ์ดทันทีที่คลอดใหม่ ชวนโหวตชื่อเลือกชื่ออื้ออึงไป รางวัลใหญ่เงินสดพร้อมรถรอ ฉันก็ซื้อโปสการ์ดด้วยคาดหวัง สักหนึ่งครั้งยามเห็นเช่นไรหนอ แพนด้าน้อยน่ารักจักเคลียคลอ อยากอ้อนขอบางใครพาไปชม เบื่อกรุงเทพฯ เหตุเมืองเรื่องวุ่นวาย อยากพักกายพักร้อนนอนสุขสม กับบางใครในพนาน่ารื่นรมย์ ท่ามสายลมสายหมอกเย้าหยอกกัน เขียนถึงหมีที่แท้ฉันแค่เหงา ยอกย้อนเล่าหลายตลบเพื่อขบขัน วางประเด็นเส้นทางมอบรางวัล จงคัดสรรแล้วมอบคำตอบมา เชื่อมสายใย "ไทจีน" จอมกินเก่ง ให้เหมาะเหม็งอย่างยิ่ง "หญิงหญิง" จ๋า นาม "ขวัญไทย" ขวัญใจในพารา เกิดล้านนา "หลินปิง" อิงสายธาร เลือกเพียงหนึ่งพึงใจในคำตอบ นามใดชอบควรเสี่ยงอย่าเลี่ยงผ่าน หากใครตอบถูกต้องพ้องทางการ รอไม่นาน.. ของฝากหากโชคดี ๚ะ๛ คุณแก้วประภัสสร .. โหวตชื่อ "หลินปิง" คุณเฌอมาลย์ .. โหวตชื่อ "ไทจีน" คุณกุ้งก้ามกราม .. โหวตชื่อ "ไทจีน" คุณดอกบัว .. โหวตชื่อ "หลินปิง"
. เรียมเลิศล้ำเฉิดโฉม งามดุจโสมล่วงดวงดาว ระยับพร่างวับวาว สุกสกาว ณ นภา ไร้หมองช่างผ่องแผ้ว มลทินแคล้วปราศเมฆา- บดบังบิดเบือนรา- ศรีสง่าฉวีวรรณ งามเนื้ออันเรื่อแล้ อาภรณ์แม่แลรังสรรค์ สีดำล้ำเลอพลัน ผิวนวลนั้นสะอ้านองค์ เข้มคมสมเนื้อสาว สคราญราวน่าเริงหลง นัยนาแม่นวลอนงค์ เรื่อเรืองตรงแพรผืนดำ เพี้ยงราตรีวันเพ็ญ ยังจิตเห็นดุจครอบงำ คำนึงตรึงตราย้ำ ให้เพ้อพร่ำพิร่ำปอง โอ้งามเกินความเปรียบ หาใครเทียบนวลละออง ปราศสิ่งอันหมางหมอง พิสุทธิ์ผองล้ำโลกสาม อรชรแม่อ้อนแอ้น นกนางแอ่นยังอายงาม เลื่อมรับกับแสงวาม- วับข่มข้ามอาภรณ์พรรณ เปรียบปีกประกายเกิน คราวดำเนินเพลินจำนรรจ์ พร่างแพร้วแน่วเฉิดฉันท์ เกษมสันต์ครั้นเมียงมอง คราวที่ราศีหาย สองเนตรฉายประกายกรอง พลันแจ้งกลบกลืนผอง ที่ลางรองให้เรื่อเรือง ฉัพพรรณรังสี ยอนวลที่งดงามเนือง นุชน้องต้องชำเลือง ดุจฝันเฟื่องใฝ่เคียงครัน เลื่อมพรายหมายครองที่ โปรดปราณีนะมิ่งขวัญ พริ้มพักตร์เพี้ยงเพ็ญจันทร์ วิลาวัลย์.."ตรีชฎา" งามนี้เปรียบกาพย์เปรย แล้วลงเอยเผยพจนา เสกสรรค์วรรณกรรมว่า เทพธิดาฤๅเทียบเทียม สองแก้มแย้มเนื้อนวล จิตปั่นป่วนเกินจำเนียม * อกหวามในงามเรียม แม่เสงี่ยมสงวนที ท่วงถ้อยคำมธุรส มากปรากฏแสนสุนทรี ลักขณายามแย้มมี ตรึงใจพี่ให้เพ้อหมาย เช่นน้ำอันฉ่ำเย็น ใสกระเซ็นเห็นพร่างพราย ไหลเรื่อยเอื่อยชลสาย ประดุจคล้ายทิพย์ชโลธร ซาบจิตซ่านใจแท้ คลายล้าแม้มองบังอร อ่อนโหยโรยแรงร้อน ก็บั่นทอนกลับกลายไป รื่นเริงบันเทิงยิ่ง เพลินเพริศพริ้งแม่ยวนใจ ซาบซึ้งตรึงทรวงใน ให้หลงใหลตราบวายปราณ แม้นสิ้นพิภพหล้า จักปรารถนาเคียงนงคราญ เชยชมภิรมย์นาน นิรันดร์กาลมั่น.."ตรีชฎา"
๏ ซ่อนกายแนบแอบแฝงกำแพงขวาง คล้ายอำพรางตัวตนกลัวคนเห็น มิเอื่อยเฉื่อยเรื่อยไหลไร้ประเด็น ฉันจำเป็นปกป้องเกียรติของตัว ซุกเปลือกหอยชะรอยจิตยังคิดฝัน เพ้อรำพันผิว์พิกลเฉกคนทั่ว ภายนอกแสร้งแกร่งใจภายในกลัว กำหนดเกณฑ์กั้นรั้วไม่พัวพัน เหมือนจืดชืดเชือนแชกระแสกล่าว แค่ครู่เดียวเกรียวกราวเรื่องราวฉัน บ้างตอกย้ำกำแพงแต่งแต้มกัน เพื่อผังขัณฑสีมาสง่างาม หลังกำแพงเปลือกหอยหอคอยสูง ไร้ยางยูงอาศัยในเขตขาม ฉันโดดเดี่ยวเดียวดายนัยนิยาม ซ่อนตัวตามซอกเปลือกด้วยเลือกเอง กำแพงเปรียบเปลือกจาดปราศสดใส ต่างจากแก้วเจียระไนชวนให้เพ่ง แถมบางคนคิดฉงนปนกริ่งเกรง ฉันนักเลงมาดเก๋าดุ่มเดาไป ก่อกำแพงเปลือกหอยค่อยค่อยก่อ เขาลอบล้อกำแพงแห่งหนไหน สร้างกำแพงจำเพาะดุจเกราะใจ ฤๅ ขวางกั้นบางใครมิให้มา แลดาษดื่นระรื่นตอบคนชอบเขียน ถึงผิดเพี้ยนไปบ้างช่างสรรหา ต่างยกเล่าเข้าใจหลายพรรณนา คงลืมว่า.."ตัวฉันเท่านั้นเป็น" ๚ะ๛
..๏ ภาพปรากฏงดงามย้อนสามปี ณ วันที่พสกไทยสวมใส่เหลือง ต่างแซ่ซ้อง"ทรงพระเจริญ"จำเริญเมือง ปราศจากเรื่องแบ่งสีที่วุ่นวาย จากวันนั้น - วันนี้ สามปีแล้ว ยังเพริศแพร้วชลมารคอันเฉิดฉาย พยุหเลิศล้ำเกียรติกำจาย เหล่าฝีพายท่วงท่าสง่างาม ๏ กาพย์เห่เรือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค ๏ นารายณ์จำหลักล้ำ.......เลออง- อาจเฮย ครุฑยุดนาคทรวดทรง......สง่าแท้ ลายทองล่องชาดผจง.......กระจกแต่ง ฉัตรพู่ดูเลื่อมแล้.............เลิศริ้วปลิวงาม ๚ ๏ นารายณ์หมายเทียบไท้...สยามินทร์ ทรงครุฑดุจเสด็จดิน-.......ถิ่นแคว้น พระเกียรติแห่งพระจักริน...ขจัดทุกข์- เข็ญนา ทวยราษฎร์ปราศยากแค้น...เนื่องด้วยพระบาร-มีเฮย ๚ เรือเอยเรืองยิ่งแท้ ............. ล้วนเลื่อมแล้หลากสรรพนาม ลอยเด่นกลางชลตาม ...........รูปลักษณ์ล้ำงามใกล้ไกล เรียงรายเลื่อมพรายพร้อม ...เพ็ชรพลอยล้อมเหลืองอุไร ปิดทองผ่องอำไพ ................ แลทางใดล้วนงามสม พู่ย้อยห้อยระย้า ................. ลวดลายผ้าน่าชื่นชม ธงฉัตรพัดตามลม ............... เลื่อมวิจิตรโศภิษฐ์แพรว เรือทองขวานฟ้าคล้อย ....บรรเจิดลอยนำหน้าแนว เรือทองบ้าบิ่น แน่ว .........แสนปราดเปรียวสุดโสภี เรือเสือทะยานชล ....... เสือคำรนสินธุ์นาวี เคียงข้างดั่งเสนี ................. เรือดั้งปรี่มีสองลำ ตรงกลางเรืออีเหลือง .... ดูปราดเปรื่องสมน้ำคำ ฝีพายชายกำยำ .................. ยกพายจ้วงท่วงช่ำชอง เรือดั้งสามและสี่ ......... แล่นเร็วรี่มีครรลอง พร้อมเพรียงไปทั้งผอง ....... .ฝีพายคล่องเกริกไกรเกิน เรือดั้งห้าและหก ..........ให้สาธกล้ำจำเริญ เรียงรายได้ยลเพลิน .............ด้วยดำเนินอย่างยรรยง เรือตำรวจนอกลิ่ว ........ หลากแพรพลิ้วทั้งทิวธง เรือดั้งเจ็ด,แปดคง ........ ลอยเลียบคู่อยู่ครบครัน เรือดั้งเก้าอยู่ซ้าย ......... ซึ่งเลื่อมลายวิไลวรรณ เรืออสุรปักษีสัณ- ........... ฐานเฉิดฉันนั้นตรึงตา เรือตำรวจในเคียง .........คงลำเลียงมวลเสนา อีกลำงามโสภา ................... เกียรติก้องหล้ามาเนิ่นนาน อสุรวายุภักษ์................ นามประจักษ์เลื่องชลยาน เรือดั้งสิบแหวกธาร ........ แสนวิกรานต์ห้าวหาญนัก เรือดั้งสิบเอ็ดตาม .........ยังคงความเก่งกาจประจักษ์ เรือดั้งสิบสองพรัก- ........ พร้อมเพรียงจักด้วยว่องไว กระบี่ราญรอนราพณ์ ..... กระบี่ปราบเมืองมารใด คำชมสมพิสมัย ................... คำใดเปรียบเทียบเรืองาม เรื่อยเรื่อยมาเลียบเคียง.......อย่างพร้อมเพรียงมาติดตาม คือ เรือดั้งสิบสาม ..........น่าครั่นคร้ามทั้งยำเกรง เรือดั้งสิบสี่ นั้น...............ขุนพลนั้นช่างกล้าเก่ง จ้วงพายอย่างครัดเคร่ง..........ทั้งครื้นเครงทั้งเร่งมือ เรือดั้งสิบห้าล่อง ........ ความแคล่วคล่องต้องเชื่อถือ สุครีพครองเมืองคือ ....... นามระบือชื่อมงคล พาลีรั้งทวีป ............... ดั่งคืนชีพผลาญมารผจญ โดดเด่นเห็นงามล้น ............. อุกฤษฎ์จนดั่งเวชยันต์ เรือหนึ่งซึ่งงามนัก ........... ดั่งรูปลักษณ์เทพรังสรรค์ เรือพระที่นั่งอัน ..................... แสนวิจิตรตระการตา อนันตนาคราช ........... ล้ำพิลาศทัศน์ลักขณา ลือเลื่องเฟื่องโลกา ................ สุดโสภาคราชื่นชม เรือดั้งสิบหกคล้อย ........ พลเรือคอยจ้วงพายจม งัดน้ำยามต้องลม ................ เป็นฟองแตกแปลกตาไป เห็นเรือดั้งสิบเจ็ด ......... เรือครุฑเตร็ดไตรจักรไกร เกริกกล้าเรืองวิไล ............... ลอยลำใกล้เรือแตงโม เรือครุฑเหิรเห็จห้าว .... เรือดั้งกร้าวสิบแปดโบ- ราณท่านใช้ฝ่าโต้ ............... ทัพข้าศึกทั้งฝึกปรือ เรือดั้งสิบเก้านั้น .......... แสนสำคัญนามเลื่องลือ องอาจเก่งฉกาจคือ ............. คงเกียรติกล้าเหล่าวีรชน เรือดั้งยี่สิบ แสน- ...........ยานุภาพแม้นมากเหลือล้น สำเนียงเสียงขุนพล ............. พร้อมเพรียงจนมากเรี่ยวแรง เรือดั้งยี่สิบเอ็ด ........... .เรือลอยระเห็จดั่งสำแดง ชายชาญหาญกร้าวแกร่ง ...... จ้วงน้ำใสพรายกระเซ็น เรือดั้งยี่สิบสอง ............ แหวกธารท่องล่องลอยเห็น พลหมู่เสนาเป็น ................... เช่นมุ่งหน้าผลาญไพรี เรือหนึ่งซึ่งเกินคำ ............... ร้อยวรรณกรรมบรรยายมี ด้วยรูปทรงโศภี ................... ลวดลายสีผ้าแพรพรรณ รูปลักษณ์ล้วนวิไล ............... เรือเอกชัยหลาวทองอัน พิลาสเป็นอัศจรรย์ ............... ดั่งมุ่งมั่นผลาญศัตรู อีกหนึ่งซึ่งคงเกียรติ์ ............ ดั่งคำเธียรบรมครู บรรเจิดให้เชิดชู .................. คู่บารมีพระจักรินทร์ เอกชัยเหิรหาวห้าว ....... ผุดผ่องพราวสุดโศภิน ลายทองพ้องศาสตร์ศิลป์ . ......แสนพิพิธจิตรการตา โอ้เรือพระที่นั่ง ................... ทองสุกปลั่งดั่งจันทรา สมเกียรติ์แห่งราชา .............. ธ ผ่านฟ้ามไหศวรรย์ พระผู้ทรงผ่านฟ้า ................ทรงบุญญาจอมราชัน ทศพิธราชธรรมมั่น .............. มากเมตตาเปี่ยมปรานี นารายณ์ทรงสุบรรณ ..... เกินเสกสรรด้วยวาที ร้อยรจน์เบื้องบทกวี .......... เกินจดจารด้านงามล้ำ นารายณ์สี่กรนั้น ................. เปรียบ ธ มั่นคงคุณธรรม เมตตาปรานีนำ .................. ต่อไพร่ฟ้าประชากร ศึกใหญ่คือภัยแล้ง .............. น้ำเหือดแห้งแหล่งดินดอน ธ โปรดอำนวยพร ................. เปลี่ยนทุกข์ร้อนเป็นร่มเย็น เสกฝนแลเสกน้ำ ............... ต่างชุ่มฉ่ำไร้ลำเค็ญ ชี้ทางห่างทุกข์เข็ญ ............. เช่นคงชีพอย่างพอเพียง นารายณ์ทรงสุบรรณ ..... ดั่ง ธ นั้นเฝ้ามองเมียง เสด็จไปทั่วไทยเพี้ยง- .......... องค์นารายณ์ไล่อาธรรม์ ยอดเขาสุดเขตแดน ........... ถิ่นยากแค้นแดนใดกัน ทรงย่างพระบาทพลัน .......... หมายเปลื้องทุกข์มอบสุขใจ ทวยราษฎร์ต่างแซ่ซ้อง ........ ดังกึกก้องทั้งแดนไตร ขอองค์พ่อหลวงไทย ............ ทรงสำราญนิรันดร เรือพระที่นั่งทรง ............... .ประหนึ่งองค์ธราธร เสกสร้างสถาพร .................. เสกประสิทธิ์ในโลกา เนรมิตวิจิตรนัก ................. แจ้งประจักษ์รูปลักขณา รื่นรมย์สมอุรา .................... ดุจหงส์ฟ้าสิวาลัย คือ เรือสุพรรณหงส์ ...... อันสูงส่งคงคู่ไทย ล้ำหล้าเกริกเกรียงไกร ........ รอยจำหลักพิไลงาม หงส์ทองล่องสายชล ............ น้ำใสจนเห็นแวววาม ต้องแสงสำแดงภาม ............. ชดช้อยตามคำกล่าวชม ฉัตรพู่ลู่ลมระย้า ..................ธงโสภาคราสวยสม เพริศพลิ้วทิวเทพพนม ......... แสนรื่นรมย์ยามชมพลัน เหล่าหมู่ฝีพายมาก ............. แต่งกายหลากมากแพรอัน ดิ้นเงินเดินทองนั้น ............... ช่างผ่องพรรณอันงามแล โสตสดับกาพย์ทำนอง ..........ดังกึกก้องพ้องจริงแท้ เปรียบเปรยนำเผยแพร่ ..........สิ่งล้ำค่าในวารี เอื้อนอ้างดั่งเวทมนต์ ........... ศักดิ์สิทธิ์ดลในบทกวี บ่งความงามประเพณี ........... ร่ายวาทีกาพย์คำโคลง ลอยเด่นเห็นงามสง่า .......... ทองเลื่อมตาผ้าแพรโพลง จำหลักลวดลายโยง - ........... คล้ายคงชีพรีบเริงชล คือเรือพระที่นั่ง .................. สุดสะพรั่งนภมณฑล เอนกชาติภุชงค์ ดล ....... งดงามล้นพ้นพรรณนา ฉัตรตั้งตระหง่านงาม ......... ทองเหลืองอร่ามงามภูษา แต่งจนวิจิตรา ..................... พลเสนาพายพร้อมเพรียง สวมหมวกกลีบจำปา .......... ช่างแปลกตาคราระเรียง จ้วงพายคล้ายสำเนียง .......... ร่ายคำเจรียงเยี่ยงบรรยาย เรือแซง เจ็ดลำล่อง ....... แสนแคล่วคล่องมวลฝีพาย เสนีย์มีนายท้าย ................... นุ่งผ้าสีสอดไหมงาม แต่งกายลวดลายหลาก ........ พลหมู่มากหากมองตาม เลื่องลือระบือนาม ................ พรักพร้อมตามท่วงทำนอง บรรพชนคนกร้าวแกร่ง ....... มุ่งสำแดงเกียรติทั้งผอง รุกไล่ไพรีต้อง ................. .....พ่ายทัพไทยในบัดดล เรือตำรวจกรมวัง ......... คุมแนวหลังดังขุนพล ตรวจตรามาแต่ต้น ................เช่นวีรชนอันเกรียงไกร นับได้ห้าสิบสอง ................. เรือลอยล่องชลาลัย โอ้แสนอวดศักดิ์ไทย ............ อันยิ่งใหญ่ในคงคา เลิศศิลป์ล้ำศาสตร์สร้าง ....... เด่นสล้างอวดศักดา ยังสุขทุกครั้งครา ................. ตรึงตราภาพมิลืมเลือน ๖๐ ปีทรงครองราชย์ เหล่าทวยราษฏร์ถวายพระพร ๏ บารมี ธ เลิศหล้า............เลอสรวง ทศพิธราชธรรมปวง...........เปี่ยมล้น ทรงวิวรรธน์ประดุจดวง.......ดาวฤกษ์ พระอัจฉริยภาพพ้น............พรั่งพร้อมบุญญา ๚ ๏ ทรงเสด็จครองราชย์ด้วย..ราชธรรม์ พระราชกรณียกิจอัน...........สฤษฏ์แล้ บังเกิดซึ่งคุณมหันต์............แก่ราษฎร์ ดับทุกข์สร้างสุขแท้............ทั่วหล้าสุขสราญ ๚ ๏ หกสิบแห่งกาลฝน ..............พระบารมีพ้นชนชื่นชม เป็นยิ่งนโรดม ......................ในไตรโลกแต่ปางบรรพ์ ๏ พระบาททรงก้าวย่าง ..........ทุกเส้นทางอย่างมุ่งมั่น เปลื้องทุกข์ทวยราษฎร์อัน- .....ผู้ยากจนพ้นลำเค็ญ ๏ ทรงสอนให้พึ่งตน ...............เพื่อสยามชนได้อยู่เย็น - เป็นสุขไร้ทุกข์เข็ญ ................ดำรงชีพอย่างพอเพียง ๏ หากผองพื้นปฐพี ................แทนพื้นที่ให้ร้อยเรียง รจนาวรรณกรรมเพี้ยง ...........จารึกซึ่งพระบุญญา ๏ ด้วยน้ำมหาสมุทร ..............ต่างหมึกสุดร่ายพรรณนา เขียนพื้นแผ่นพสุธา ...............ทั้งโลกหล้าเบื้องมหาศาล ๏ ร่ายรจน์ด้วยบทกวี ..............ล้ำวาทีทั้งจดจาร บรรยายซึ่งอุปการ .................แห่งภูมินทร์ผู้ทรงธรรม ๏ สิ้นฟ้าแลปฐพี ....................สิ้นหมึกที่มหาสมุทรนำ กล่าวเกริ่นสรรเสริญคำ ..........มิอาจจดบทอ้างคุณ ๏ ทวยราษฎร์น้อมภักดี ..........จอมจักรีผู้เปี่ยมบุญ ผู้ทรงพระการุณ ....................ให้ทรงเกษมทั้งเปรมปรีดิ์ ๏ ด้วยคุณพระไตรรัตน์ ...........ความพิพัฒน์บังเกิดมี คุณเทพเรืองฤทธี ..................ทั้งจักรวาลอันศักดา ๏ คุณงามความศักดิสิทธิ์ .......เสถียรสถิตไตรโลกา ปกปักแลรักษา ......................ซึ่งองค์พระสยามินทร์ ๏ ให้ทรงพระเจริญยิ่ง ............อยู่เป็นมิ่งขวัญชีวิน ทวยราษฎร์ข้าแผ่นดิน ............ตราบร้อยพันวสันต์กาล ๏ ธ ประสงค์พุทธางกูร ...........จงสมบูรณ์ด้วยนฤพาน สรรเพชญพระโพธิญาณ .........ยิ่งไพศาลในบัดดล ๏ ศรีสวัสดิ์นิรันดร ..................จตุรพรสัมฤทธิผล เทิดไท้พระภูมิพล .................ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ๚ะ๛ เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลยิ่ง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๔๙ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าอัลมิตรา สมาชิกเวปบ้านกลอนไทย ความงดงามสามปีที่ผ่านพ้น ภาพยังดลให้จิตคิดเสมือน ไทยทั้งผองครองสุขสุขร่วมเรือน ไม่แปลกเปื้อนแผกสีอย่างที่เป็น ๚ะ๛
๏ ฉันอำพรางบางใครด้วยใจรัก ปราศเคียงคู่รู้จักเลยสักหน ภาพสมมุติฉุดฝันวันอับจน ขอบางคนบางใครอย่าไกลกัน สื่ออักษรคำเขียนอาจเพี้ยนบ้าง ฉันแค่อ้างวลีปนคล้ายคนฝัน หนึ่งคำเพ้อละเมอพร่ำถ้อยรำพัน เพราะเกินกั้นเก็บกักด้วยหนักใจ ใครใคร่เป็นบางใครใคร่ครวญคิด เพียงดวงจิตเท่านั้นสัมพันธ์ได้ ใช่ชื่นชอบลอบเร้นความเป็นไป แล้วลื่นไหลรายทางอย่างเคยเป็น ใครใคร่เป็นบางใครแน่ใจหรือ ? ก่อนสองมือเขียนส่งตรงความเห็น โปรดใช้ใจใคร่ครวญทวนประเด็น อย่าเพียงเค้นแถลงความถ้อยลามพา หากอยากเป็นบางใครในใจฉัน เพียรผูกพันวันละนิดจิตเสน่หา อย่าเลือนลางวางใจในศรัทธา ฤๅ อ่อนล้าท้อถอยเฉกรอยเดิม ๚ะ๛