29 พฤศจิกายน 2545 23:03 น.
อัลมิตรา
๔๓
.....สีชังแลลับโพ้น.....................ไกลตา
เรียมร่ำถวิลมา-.........................โนชน้อย
นุชเอยอย่าชังพา.......................พูนเทวษ
ก่อนตัดใจเคลื่อนคล้อย...............แดดร้อนรุมรึง ๚
๔๔
.....อ่างศิลาหลบร้อน..................แวะประเดิม วิหารเอย
เทพสถิตพระกิติเฉลิม................ชื่ออ้าง
ไทยจีนร่วมส่งเสริม...................วัฒนะ- ธรรมแฮ
วิหารสง่าศาลาสล้าง..................สงบแท้ธรรมสถาน ๚
๔๕
.....ศาลาแปดเหลี่ยมหน้า.............วิหาร แดงแล
สถาปัตย์จีนโบราณ.....................แบบเบ้า
สถานที่รโหฐาน...........................ฤๅเทพ สถิตนอ
หินสลักสิงโตเฝ้า........................คู่นั้นเหมือนจริง ๚
๔๖
....เสากลมแดงทุกด้าน..............ปรากฎ
รูปสลักมังกรขนด......................ขนาบข้าง
งามวิจิตรหมดจด......................ใดเปรียบ ได้ฤๅ
เรียมคิดมโนภาพกว้าง...............เยี่ยงนี้ฤๅวิมาน ๚
29 พฤศจิกายน 2545 22:51 น.
อัลมิตรา
๓๖
.....ถึงหนองมนแวะซื้อ...................ของฝาก
เสียงแม่ค้าหลายหลาก....................เรียกซื้อ
ข้าวหลามขนมจาก.........................ของสด แม่เฮย
เสียงแซ่จนอึงอื้อ...........................พี่อึ้งอลเวง ๚
๓๗
.....หนองมนเพียงชื่อตั้ง................นามของ บ้านฤๅ
ไฉนบ่เห็นมีหนอง..........................แอ่งน้ำ
หวั่นอกเพ่งตามอง.......................นามหลอก กันฤๅ
อกพี่กลัดหนองช้ำ.......................ขุ่นข้องหมองตรม ๚
๓๘
.....มาถึงชาดหาดบ้าน...................บางแสน
คึกคักผู้คนแดน............................ถิ่นนี้
เรียมคิดอยากควงแขน..................เคียงแม่
มาเที่ยวชมภิรมย์ชี้.......................นี่ฟ้านั่นทะเล ๚
๓๙
.....บางแสนแสนสุดกลุ้ม...............คราไกล แม่เฮย
แสนทุกข์จึงส่งใจ.........................ฝากถ้อย
ยามห่างผ่านบางใด......................ครวญโศก ถึงแม่
ทุกถิ่นครวญคำร้อย......................ฝากแม้แสนบาง ๚
๔๐
.....บางแสนผ่านแวะร้าน...............อาหาร
พร้อมพรักสหายสนาน..................อีกมื้อ
แต่เรียมข่มใจทาน.......................พออิ่ม
ด้วยทุกข์ใจอัดอื้อ.......................ห่อนรู้รสใด ๚
๔๑
.....ถึงเขาสามมุขขึ้น....................ยอดเขา
ธรรมชาติสลักเสลา.....................ภาพสล้าง
ดั่งเทพนิรมิตเอา.........................สวรรค์อวด โลกฤๅ
ลิบลับสมุทรกว้าง.......................อร่ามฟ้าอร่ามเมือง ๚
๔๒
.....ลิงถิ่นสามมุขนั้น....................อยู่อิง ถิ่นเอย
แต่มนุษย์กลับมาสิง....................ระทดท้อ
หากินกับฝูงลิง..........................เพียงแค่ เงินฤๅ
ขายหลากอาหารหล้อ..................หลอกให้ซื้อหา ๚
28 พฤศจิกายน 2545 21:57 น.
อัลมิตรา
๒๙
.....ป่านนี้นงนุชน้อย..................คำนึง ใดฮา
คงคิดพะวงถึง.........................พี่ด้วย
โอ้อกพี่รำพึง............................หากแม่ โศกแม่
วอนเทพไท้โปรดฉ้วย.................แม่ให้หายหมอง ๚
๓๐
.....สี่ทุ่มกว่าจากร้าน..................สังสรรค์ ต่อเฮย
หวังยกจอกเย้ยจันทร์................ครึกครื้น
รวมสหายร่วมสนุกกัน................ริมฝั่ง ทะเลนอ
แต่อกเรียมฤๅฟื้น......................ร่ำร้องหาสมร ๚
๓๑
.....ร่ำสุราเพลงกู่ก้อง.................ร่วมสหาย
จันทร์แจ่มดาวสว่างพราย............เจิดฟ้า
โอ้ยิ่งดึกฤๅวาย..........................วางเทวษ
เห็นนุชนวลแจ่มหน้า....................กลบหน้าจันทร์นวล ๚
๓๒
.....ลมทะเลพัดผ่าวต้อง..............ทนหนาว
เรียมใส่เสื้อหนาวยาว..................ปกไว้
แต่ห่อนอุ่นอย่างคราว.................กอดแม่
หากแม่อยู่เคียงไกล้....................กอดเนื้อหายหนาว ๚
๓๓
.....รำพึงห่อนเว้นว่าง.................เวลา
จนเที่ยงคืนเลยมา......................เนิ่นแล้ว
ตีสามเลขนาฬิกา........................กลับสู่ ห้องแฮ
จักหลับเห็นพักตร์แผ้ว................หลับคว้างทั้งคืน ๚
๓๔
.....หลับฝันยังเปลี่ยวว้าง............วังเวง
จนสุรีย์ส่องละเลง......................โลกเช้า
ยินเสียงนกร้องเพลง..................มาเกริ่น
ดุจหนึ่งเสียงเรียกเจ้า.................ปลุกฟื้นหลับไหล ๚
๓๕
.....กว่ารวมพลร่วมพ้อง..............เคลื่อนคลา
ออกจากศรีราชา.........................เนิ่นแล้ว
ผ่านบางพระมองหา....................องค์พระ
บ่ พบพระฤๅแคล้ว......................คลาศคล้อยเวลา ๚
28 พฤศจิกายน 2545 17:42 น.
อัลมิตรา
หาได้เป็นเช่นลมมาชมช้อง
แล้วลอยล่องปองหายมลายหลง
ใช่แสงโสมชมชื่นคืนพะวง
แล้วมืดลงตรงรุ่งสะดุ้งใจ
ใช่แสงสูรย์อุ่นใจในกลางวัน
แล้วลากันสั่นหนาวคราวคืนไหน
ใช่น้ำค้างพร่างพรมตรมฤทัย
แล้วห่างหายได้แสงแห่งสุรีย์
ใช่ดินฟุ้งคลุ้งปลิวลิ่วตามลม
คงหมองตรมขมขื่นยื่นเปรียบพี่
ที่ห่างหายใช่ใจสิ้นใยดี
เพราะงานมีที่มากยากผละวาง
มีไมตรีที่ร่ายมาให้เจ้า
ขอรับเอาคราวเคียงเผดียงข้าง
จะชมชื่นยืนพิศม์พินิจอางค์
คราวเคียงข้างหวังร่ายได้กล่อมกลอน ฯ
28 พฤศจิกายน 2545 17:36 น.
อัลมิตรา
.....กระแสเพลิงเริงร้อนเร่า...............เผาผลาญสรรพสิ่งมลาย
.....ทุกกระแสฤๅเทียบได้..................กระแสเสน่หา
.....เพียงใยบางเบาดุจใยปัทมา.........รึงร้อยรัดฤทัย
.....คมศาสตราใด...........................มิอาจฟาดฟันขาดได้เลย
.....กระแสเพลิงเร่าร้อน................รอญราพณ์ แลฤๅ
เผาผลาญสรรพราบคาบ...............สาบสิ้น
ใยแรงเสน่ห์ทาทาบ......................นับเนื่อง หทัยแม่
รัดรึงตรึงทรวงดิ้น.......................มีดพร้าเถือไฉน ฯ