21 มีนาคม 2546 15:21 น.
อัลมิตรา
หลายหลายคราอัลมิตราผจญทุกข์
ก็ปลอบปลุกใจตนจนแข็งแกร่ง
จากอ่อนล้าค่อยค่อยกล้าว่ามีแรง
ต้องแสดงเพียงเพื่อข่มที่ขมใจ
แท้ที่จริงกระจ่างแจ้งสำแดงจิต
เก็บซ่อนมิดความตรมระทมไห้
แสร้งยิ้มร่าแต่อ่อนล้าอยู่ภายใน
มองโลกแค่นว่าสดใสไปวันวัน
ได้อาศัยขีดเขียนเรียนกานท์รู้
สิ่งหดหู่เหือดหายคลายโศกศัลย์
จะมีใครรู้บ้างไหมในรำพัน
ว่ามันกลั่นจากส่วนลึกผลึกทรวง
จากสองตาเคยเก่งกล้าท้าสู้ฝัน
กลับมึดพลันมองไม่เห็นเพ็ญเด่นสรวง
เราเพียงแค่ดาวน้อยใช่เด่นดวง
คงลับล่วงหลบหล้าไม่กล้าชม
ย้อนฟังความตามเรื่องเขื่องในจิต
ดาวดวงนิดของพ่อท้อขื่นขม
ค่อยลาลับอับแสงแห่งระทม
เกินจะบ่มเบี่ยงใจให้หายพลัน
19 มีนาคม 2546 22:38 น.
อัลมิตรา
...ลุงเวทย์เดชเดื่องด้าว............กลอนโคลง
จอมยุทธ ฯ ดุจสิงห์ชโลง..........เก่งกล้า
ปู่ก๊องคล่องผูกโยง...................ฉันท์เกริก ไกรแฮ
อีกหนึ่งวลีปราชญ์อ้า................เลื่องแท้กวีกานท์ ฯ
...ขมังเวทย์ฤทธิ์เรืองก้อง ........ เกรียงไกร
จอมยุทธ์ฯ เมา สนั่นไหว ......... กระดกเหล้า
ขรัวก๊องผ่องอำไพ ................... กานท์แก้ว ฉันท์นา
วลี ฤ เละเคล้า ........................ สี่สะท้านเฒ่าสยอง ฯ
...ลูกลิงอิงหลบไม้....................หมายบัง- ตาฤา
มือหนึ่งลูกไม้ยัง........................กอบใว้
กลัวคนอื่นขึงขัง........................หมายแย่ง
จึงเลี่ยงหลบหวังไร้...................ร่างน้อยคล้อยหาย ฯ
19 มีนาคม 2546 21:54 น.
อัลมิตรา
ฝาก
๐ฝากถ้อยคำยามใกล้มาให้เจ้า
เพรียกแผ่วเบาราวลมภิรมย์ใคร่
สุดรำพันวรรณกรรมอันงามใด
อาจจักไร้ความหมายหากไม่ตรอง
๐ขอบังคมประนมกรอ้อนเทพฟ้า
อีกอัปสราวิทยาธรนครผอง
ทั้งจตุโลกบาลเทพเดชเรืองรอง
นักสิทธิพ้องฤาษีและชีไพร
๐ขอไหว้พระอรหันต์อันวิเศษ
อีกโปรดเกศเชษฐาเทวาใหญ่
จักตั้งศาลบนบานกราบกรานไป
เพื่อจักได้ออกศึกนึกลังเล
๐อีกพระคุณปิตุมาตนักปราชญ์ครู
ทั้งผู้รู้วรรณกรรมคำฉันท์เห่
ลูกขอจำคำพจน์บททั้งเพ
มิเกเรนอกลู่คำครูเพรง
๐โอม...ละเหวยเขยบ้านนอกมาหยอกเย้า
อย่านั่งเหงาเซาซึมขรึมคาเคร่ง
มาดอาจเซอร์เผลอไผลใจนักเลง
มิข่มเหงให้น้องต้องหมองใจ
๐มีหัวใจมาฝากอยากจะมอบ
เงาะอีกหอบทั้งลองกองลองดูไหม
กระชายดำไวน์นี่ดีกว่าใคร
กินแล้วไปแกะทุเรียนเวียนกันกวน
19 มีนาคม 2546 17:16 น.
อัลมิตรา
(๑)
.....หอมเอยเผยกลิ่นคลุ้ง..................จรุงใจ
บานเบ่งเพรงกาลไกล.......................ไป่ร้าง
กลีบดอกออกประไพ........................เพรียกหมู่- ภมรฤา
หมายชื่นชระมื่นอ้าง......................เยี่ยมเย้ายลโฉม ฯ
(๒)
.....เผลอใจหมายเหนี่ยวโน้ม...........ชมเชย
พลั้งจิตจริตเผย...............................เพลี่ยงพล้ำ
พิศมัยใดใคร่เฉลย..........................ร่ายพจน์ ชมแฮ
หากแต่คำโคลงย้ำ...........................ไป่อ้างเสมือนจริง ฯ
(๓)
.....เครือเถาราวสร้อยพร่าง..............สังวาลย์
งามยิ่งอิงโฉมสคราญ......................กลีบแย้ม
ใบสดงดงามนาน..........................ไสววับ- วาวนอ
เกาะเกี่ยวเพรียวพันแฉล้ม...............สลับล้อเริงลม ฯ
(๔)
.....กลีบดอกออกซอกซ้อน.............แซมสลวย
กลิ่นกรุ่นละมุนระรวย...................เฟื่องฟุ้ง
หอมหวลป่วนลมระทวย................เทียมทิพย์- สุคนธ์นา
หากแต่ดอกคละคลุ้ง.....................มุ่งให้คืนหอม ฯ
(๕)
.....การเวกเฉกเช่นน้อง.................นวลลออ แม่เอย
แผกแต่การเวกพอ........................รุ่งเช้า
หอมใดจักกลายชลอ......................จางกลิ่น
หากแม่ยังหอมเย้า........................ชื่นแท้นิจจกาล ฯ
(๖)
.....เด็ดดอกดังบอกให้..................คงความ
หอมนักหากหลงยาม....................เยี่ยมใกล้
หอมนวลดั่งชวนหวาม..................ไหวติด เสน่ห์ฤา
ขอร่ายโคลงชมให้.........................แน่งน้อยคลายเหงา ฯ
19 มีนาคม 2546 13:50 น.
อัลมิตรา
...คำของใครใคร่คล้อง.............คงความ
ขอแค่เคียวคมขาม..................ข่มแค้น
ขัดขืนขื่นขมคร้าม..................ขอดค่อน
คลายคร่ำครวญคงแคว้น..........คู่คล้องเคียงคลอ ฯ
...คำหวานใครหว่านใว้............หวาดเชียว แม่เอย
หลงติดพจน์ชายเฉลียว............เปล่าน้อง...???
มวลมดซดตาลเพียว................อาจมุ่ง- เมานา
ชมชื่นคำหวานพ้อง.................อาจให้ใจตรม ฯ
...คำคนคำข้นแค่น..................คดเคียว
หยามเหยียดเฉียดใจเชียว.........หยั่งใว้
ดาบใดใคร่เฉือนเสียว...............กายฉีก
หาเทียบเปรียบคำไร้-................จิตย้อมสัจจ์จริง ฯ