3 เมษายน 2546 08:54 น.

...แด่เธอผู้เดียวดาย...

อัลมิตรา


......สองบ่าคราพรั่งพร้อม...............สัมภา-  ระเฮย 
ถมทับกับชีวา...............................แบกไว้ 
ท่ามกลางแห่งโลกา........................คราอ่อน-  แรงนอ 
อีกโดดเดี่ยวยากไร้-.......................ปราศผู้เคียงคลอ ฯ 

......เธอคงหวังหนึ่งผู้....................ปลอบโยน-  แม่เอย 
เพียงเพื่อผ่อนพิโลล*.....................ทุกข์ร้อน 
ขมขื่นดื่นพึงโอน..........................สู่มิตร-  สหายนา 
เพียงโอษฐ์เปล่งเสียงซ้อน-............เรียกร้องสรรพนาม ฯ 

......กาลเมื่อจิตเหว่ว้า.....................กังวล 
กาลปัจจุบันดล-............................จิตช้ำ 
คลายหมองหม่นจินต์จล..................สงบนิ่ง  นาแม่ 
ปราศสิ่งสิงจิตย้ำ............................รุ่มร้อนนอนหนาว ฯ 

......คราเมื่อปรารถน์หนึ่งผู้...............ชิดเชย 
เหน็ดเหนื่อยแหนงหน่ายเผย............ผ่อนร้าย 
คืนค่ำพร่ำเพรียกเคย.......................จิตแนบ  อนงค์นา 
ยามเมื่อนุฏนาชคล้าย.......................นิ่มน้องนางวัง ฯ 

......เราคือบุรุษนั้น..........................นวลอนงค์  แม่เอย 
คราเมื่อจิตจำนงค์...........................เนื่องใกล้ 
ขับขานซึ่งนามตรง-........................เพรียกพี่  นาแม่ 
ยามย่ำอาจกล่อมให้.........................โศกร้างสลดเลือน ฯ 

......ผันวารกาลผ่านพ้น....................สบสมัย 
พฤกษ์พืชสลัดใบ............................ร่วงพื้น 
สรรพสิ่งดุจตกไป............................สู่บ่า 
เปรียบทุกข์ทบถมสะอื้น....................ดื่นซ้ำสุมทรวง ฯ 

......คราวเมื่อเจือจิตล้า-....................อ่อนแรง 
คนหนึ่งอาจจำแลง-.........................ฉุดยื้อ 
โอบกอดพลอดพจน์แสดง.................กานท์กล่อม 
มูลเหตุฉะนี้หื้อ*.............................ดุจให้คลายตรม ฯ 

......เพียงเหตุอาเภทร้าย...................เบียดเบียน-  แม่เอย 
นามชื่อวงษ์สกุลเพียร.......................เพรียกพ้อง 
หากหมองหม่นดำเนียร*..................นิจจ์เนื่อง  นวลแม่ 
อาจเอ่ยเผยนามก้อง........................กู่ฟ้าสนั่นภูมิ ฯ 

......ในยามความเหว่ว้า.....................สิงทรวง 
หาใช่อาชญาลวง.............................ลอบย้ำ 
ละขมลดตรมปวง-...........................ห่วงมัด-  จิตนา 
เราต่างยังมากพร้ำ*..........................พรั่งพร้อมกาลเสมอ ฯ 

......ปราศสรรพสิ่งพลั้ง-....................พลาดมหันต์  นาแม่ 
หากพี่จักรับขวัญ.............................ปลอบเจ้า 
เพียงกาลปรารถน์สมานฉันท์.............เสมือนชิด  ชมเฮย 
ยามโศกวิตกเร้า...............................เรียกย้ำนามเผือ ฯ 


....เมื่อยามที่คุณเหว่ว้าอ้างว้าง...โดดเดี่ยวเดียวดาย... 
....สับสน...กังวล...วิตก...ขอให้คุณนึกถึงเพลงนี้...
....และพร้อมกันนั้น...ความหมายที่สื่อสารมาเป็นบทโคลง... 
....อาจทำให้คุณสบายใจขึ้น... 
....และนี่...คุณคงเข้าใจว่าทำไม...จึงมอบเพลงนี้ให้คุณ...
....เพราะเมื่อคุณอ่านทุกถ้อยความ...คุณจะเข้าใจนะ... 
....เข้มแข็ง...แต่ขอให้อ่อนโยนนะคะ...				
1 เมษายน 2546 22:25 น.

ชวนต่อกลอน ..** ...เยื่อใย ...**

อัลมิตรา



(...แอบซบหมอนซ่อนสะอื้นในคืนเหงา 
ป่านนี้เขาเคียงใครอยู่ไหนหนอ 
กี่คืนแล้วกี่คืนเล่าหลงเฝ้ารอ
ใจมันท้อเกินทนแล้วคนดี 

เคยมาหามาเห็นกลับเร้นหาย 
หรือมนต์ขลังรักคลายจึงหน่ายหนี 
อยากทักท้วงทวงถามความปรานี .
เผื่อยังมีเยื่อใยในใจเธอ...)

ภาพความหลังครั้งก่อนอาวรณ์นัก
ดุจจมปลักวังวนจนใจเผลอ 
ผ่านวันเดือนเคลื่อนคล้อยคอยเพียงเธอ
จิตเพรียกเพ้อรำพึงติดตรึงใจ 

ช่างอ้างว้างเหว่ว้าอุราร่ำ  
ยังครวญคร่ำคำนึงถึงคราวใกล้ 
ครั้งเคลียคลอล้อเล่นเป็นสุขใจ
กลับร้างไกลหายหน้าอุราตรม 

สุดจะพร่ำรำพันผ่านบทร้อย-
พันหมื่นถ้อยทบความนิยามขม 
เพียงเศษเสี้ยวโศกเศร้าร้าวระทม
ดุจแรงลมเร่งเร้าให้หนาวทรวง 

น้ำตาหลั่งโรยรินถวิลแท้
ใจพ่ายแพ้พังทลายทุกข์ใหญ่หลวง 
เธอคงชื่นระรื่นอยู่กับคู่ควง 
ลืมถ้อยท่วงสนทนาคราเพรงกาล 

แม้นย้อนความยามก่อนจักวอนว่า
แสนชินชายิ่งนักช่างหักหาญ 
มาบั่นทอนย้อนคำย้ำทรมาน 
จิตนงคราญคงแกร่งเหือดแห้งเกิน

มีดดาบคมโค้งเคียวมาเกี่ยวเนื้อ
ทุกข์ยืดเยื้อเยียวยาบ้างยังผิวเผิน 
แต่พลัดพรากรักพลั้งถูกหมางเมิน
เจ็บเหลือเกินแสนเศร้าสุดหนาวทรวง ฯ 


............................................
............................................
.............................................
.............................................


กำหนดให้สองบทแรกตามนี้ค่ะ ให้ต่อบทถัดไป ไม่จำกัดจำนวนค่ะ
เชิญด้วยนะคะ ..เพื่อนๆ thaipoem ทุกท่าน				
1 เมษายน 2546 00:13 น.

@..รำพันไพร

อัลมิตรา





เสียงจักจั่นลั่นระงมรับลมร้อน
กรีดปีกอ้อนเอื้อนโอยบอกโหยหา
พ้อถึงใครคนหนึ่งซึ่งไกลตา
รู้ไหมว่าคนไพรอาลัยเธอ

เพียงสดับกับเสียงจำเรียงก้อง
ความหม่นหมองจู่จิตให้คิดเผลอ
กราวกังวานขานใจเหมิอนได้เจอ
แท้จริงเพ้อรำพันทุกวันวาร

ในลึกลับซับซ้อนกลางร้อนล่อง
จักจั่นร้องระงมไพรฤทัยซ่าน
เหมือนคมมีดกรีดยับดับดวงมาลย์
คะนึงคราญเคยคลอท้อหัวใจ

ปีกจักจั่นสั่นเสียงเพียงขยับ
ดุจเพลงขับครวญคล้องทำนองไห้
ร้อยระงมตรมตรอมอันห้อมไพร
ดั่งคอยใครคืนรักจักจั่นดง

ปีกเจ้าสั่นหมั่นสร้างพลังเสียง
เราสั่นเรียงกลอนภักดิ์สร้างรักหลง
เคยตรึงตราแต่ไหนในป่าพง
ยังพวงเขียนซ้ำระกำทรวง

โอ้เจ้าเอยเคยช้ำกระหน่ำหรือ
เอกฝีมือจึงร้องทำนองท่วง
เจ้าอ่อนล้าบ้างไหมกรีดใจทวง
คราเป็นห่วงคู่รักที่จากจร

เสียงสั่งพฤกษ์สนั่นไพรกระไรเอ๋ย
รินพังเพยรำพึงถึงสมร
ร่ายรำพันวรรณกรรมย้ำกาพย์กลอน
ยังอาวรณ์อ่อนไหวในกานดา

สำเนียงแผ่วใจเพลียละเหี่ยแล้ว
นานยังแน่ว ณ จิตขนิษฐา
จักจั่นร้องใจร่ำช้ำอุรา
บอกพี่ยาเดียวดายในไพรวัลย์ ฯ

  				
30 มีนาคม 2546 08:30 น.

@..มารดาแห่งมวลระเบิด

อัลมิตรา


อี . . . . . .พุ่ม มันกระเหี้ยน ............กระหือรือ
บอมบ์ . . บาปอี ดำ ถือ....................ชั่วร้าย
ร้อน . . . .ไฟจักกระพือ ..................เผาเผ่า
สวาท . . .คู่อี แบ ผ้าย......................ผ่องดุ้นเผด็จเผดิม ฯ

ผ่องดุ้นดูคล้ายเครื่อง.........................เคียงหมอน
หากกอดแนบยามนอน......................นิมิตรร้าย
สัมผัสหนึ่งจักหลอน...........................นรกโลก โหดแล
อารยธรรมสุดท้าย ............................นับย้อนถอยหลัง ฯ

มารดา . . มันเสพส้อง.....................ซาตาน
แห่ง . . . .นรกชโลมฉานสถาน........เลือดเนื้อ
มวล . . . .อสุจิกระหายญาณ.............(ะ)ชีพ
ระเบิด . . สุขระเบิดเชื้อ...................ระเบิดท้องน้อยใน ฯ

. . . . .

**หมายเหตุ

 : มารดาแห่งมวลระเบิด มาจาก MOAB-Mother of all Bomb
ญาณ, ญาณ- [ยาน, ยานนะ-] น.ปรีชาหยั่งรู้ 
หรือกำหนดรู้ที่เกิดจากอำนาจสมาธิ,ความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ.

 : อีบอมบ์ มาจาก e-bomb ระเบิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ทำลายระบบไฟฟ้า				
28 มีนาคม 2546 22:50 น.

..พลุซาตาน...

อัลมิตรา


...พลุหรือไรใสสวยช่วยคลายเหงา
แสงรุ่งราวดุจเดือนเยือนใจฉัน
แสงวับวาวพราวฟ้าแจ่มตาพลัน
เกินอดกลั้นหฤหรรษ์...ฉันเพ่งมอง...

...ปรากฏแสงพวยพุ่งมุ่งสู่เมือง
ฉันชำเลืองเลาะกายเพียงหมายส่อง
แขนจูงมือยื้อยุดฉุดเมียงมอง
มีพี่น้องเคียงทัก...จักสุขใจ...

...แต่เหตุใด...แสงใสที่ได้เห็น
เปลี่ยนแปลงเป็นเช่นภูต...สุดโตใหญ่
คร่าชีวิตปลิดปลงลงทันใด
ใครต่อใครต่างร่ำร้องเสียงก้องดัง

...บ้างล้มนอนตอนเสียง...เยี่ยงฟ้าผ่า
บ้างควานหาสิ่งของมองเหลียวหลัง
บ้างร้องไห้...ไม่มีที่น่าฟัง
ฉันทรุดนั่ง...ข้างกายใครล้มนอน

...สุดอดกลั้นน้องฉัน...นั้นตายแล้ว
ดวงตาแวว...สวยใสคล้ายวันก่อน
ปากยังยิ้มพริ้มพราวราวหลับนอน
ไม่มองค้อน...หัวเราะฉอเลาะเลย

...เพราะแสงไฟฉายส่องลอยล่องหรือ
เป็นเพราะมือฉันยุดฉุดแขนเอ๋ย
หากน้องหลับในห้อง...มิต้องเลย
เจ้าคงเกยก่ายกาย...ในที่นอน  

...เป็นเพราะฉัน...กระนั้นหรือ...ฤาอสูร
สุดอาดูรฉุนเฉียวเหลียวคว้าขอน
ขว้างสุดแรงแช่งฟ้ามาบั่นทอน
ฉันอยากนอน...เคียงข้างน้องอย่างเคย  

...ฟ้าลงทัณฑ์สาปฉัน...ให้พลัดพราก
น้องจึงจากสุดข่มระทมเอ่ย
อยากทวนถามย้ำยอกออกปากเปรย
น้องฉันเคย...ฆ่าไคร...หรือไรกัน ?


...( อยากทวนถามย้ำยอกออกปากเปรย....น้องฉันเคยฆ่าใครหรือไรกัน...?)




 				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา