6 กันยายน 2545 12:40 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
A Time for Us
A time for us
Someday there'll be,
When chains are torn
By courage bond
Of a love that's free.
A time when dreams
So long denied
Can flourish
As we unveil the love we now must hide.
A time for us
At last to see
A life worthwhile
For you and me.
And with our love,
Through tears and thorns,
We will endure
As we pass surely through every storm.
A time for us
Some day therell be
A new world...
A world of shining hope for you and me.
* * * * * * * * * * * * *
เมื่อใดที่ตรวนพันธ์สะบั้นขาด
และองอาจแห่งรักฉายศักดิ์ศรี
อิสระแห่งหัวใจไร้ราคี
เมื่อนั้นมีวารวันแด่ฉันเธอ
เมื่อเราเผยความรักตระสักสร้าง
ที่บัดนี้ต้องอำพรางอกคว้างเก้อ
เมื่อนั้นรักไร้หนามไหน่จักได้เจอ
ขวัญเจ้าเอยจักไม่เพ้อละเมอนาน
ท่ามคืนผันวันผ่านของกาลเปลี่ยว
ชีพของเราจักรวมเรียวเกี่ยวประสาน
และหยัดอยู่อย่างทายท้าไม่ล้าราน
เอกรักนี้เอกพยานจารศักดิ์เรา
ด้วยรักนี้จักไม่คร้ามคมหนามแหลม
แม้น้ำตาอาบแก้มจักไม่เหงา
พายุบ้าจะบุกบ้าพายุเย้า
สรวมสองจิตสนิทเข้าเราชีพพลี
เมื่อใดโลกเบิกใสเป็นใบสวย
สว่างด้วยหวังพลันบรรเจิดสี
รวีวาดแสงเนียนระเมียรรวี
เมื่อนั้นมีวารวันแด่ฉันเธอ.
6 กันยายน 2545 12:24 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
- กลอนสุภาพ -
หลั่งเลือดแดงฉานโลมลานหล้า กระตุ้นใจอันด้านชาให้ชุ่มฉ่ำ
ลืมอดีตชืด ชัง เฉา เศร้าและช้ำ ชโลมเลือดเพื่อตอกย้ำให้หนำทรวง
ไม่มีเธอตัวฉันนี้ไม่มีใคร ไม่มีรักไม่มีใจให้ห่วงหวง
อนาถโอ้ประกาศไปใจหนึ่งดวง มีแผลลวงใครลบได้จักให้ฟรี
เมื่อทุ่มเทหัวใจลงไปมาก ถอนก็ยากขอคืนใจก็ใช่ที่
เก็บไว้เหยียบให้ปี้ป่นเถิดคนดี ใจดวงนี้มันไร้ค่ากว่าก้อนดิน!
หลั่งโลหิตแดงฉานเป็นลานเลือด ดับดวงใจอันดาลเดือดให้เหมือดสิ้น
โลกอยุติธรรมช้ำอาจินต์ ขอหยามหมิ่นใจรักมั่วชั่วนิรันดร์!!!
6 กันยายน 2545 11:58 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
-กลอนสุภาพ-
ในวันที่โลกเหงาโงกหลับ
บทกวีถูกขานขับคืนเปลี่ยว
หยาดน้ำค้างยังคว้างคลอล้อคมเคียว
กับดวงใจที่เหงาเปลี่ยวแทบปลิดปลง.
- แด่นกขมิ้นคว้างฟ้าทั้งมวล -
6 กันยายน 2545 11:40 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
- กลอนสุภาพ -
ฝันอยากได้ดาราสักดาวดวง
จะเอาไว้หวงห่วงยามสับสน
ฝันของฉันถูกรุกเร้าเข้าตาจน
เพราะตัวตนแห่งดาราคือตาวัน!
- แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้ทั้งมวล -
6 กันยายน 2545 03:42 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
- กลอนสุภาพ -
ฟ้าใสแลสว่างพ่างกระจก
ขาวหิมะคลุมปกทั่วแผ่นหน
สลับแสงแต่งเงาแต้มแซมระคน
เขียวขจีแห่งสนสล้างตา
ลมเหมันต์แผ่วผ่าวให้หนาวเยือก
สนผลัดเปลือกปลงเปลือกลงปรกหล้า
หากเขียวใบยังไม่ไร้เขียวสมญา
ยังครึ้มเขียวแกร่งกล้าท้าคมลม
ล่องทางเลาะเลี้ยวลัดตัดขึ้นเขา
เป็นเวิ้งเว้าแลจำเพาะอย่างเหมาะสม
ศิลาเรียงทั้งย่อมใหญ่และเหลี่ยมกลม
แต่งรายทางให้สวยสมภิรมย์นัยน์
มหาปฐพีแดงสีแรงโรจน์
ทอดช่วงยาวระยะโยชน์ช่างยิ่งใหญ่
ชะวากเวิ้งมองเคว้งวังเวงใจ
กว้างกว่ากว้าง...ไกลกว่าไกล...เกริกไกรจริง
เลาะเลี้ยวแลลิบลับอยู่ก้นหุบ
ดังนาคีมาหมอบฟุบอยู่แน่นิ่ง
คือธารเขียวอันน้ำใสไม่ไหวติง
ประดับตลิ่งด้วยหิมะยะเยียบเย็น
หมู่เขาล้วนเอกลักษณ์ตระสักสร้าง
ดุจเทพแสร้งแต่งวางให้เราเห็น
บ้างหัวโล้นราบเลี่ยนเหี้ยนลำเค็ญ
บ้างหัวตัดบ้างดูเป็นเช่นอาราม
แดงอมส้มเจือคล้ำน้ำตาลเข้ม
กิ่วด้วยลมไล้เล็มน่าเกรงขาม
เส้นศิลาวางระยะจังหวะงาม
แลเป็นริ้วลู่ตามความสมดุล
โอ้มหาปฐพีที่ใฝ่ฝัน
มหาสุสานนิรันดร์แห่งฝอยฝุ่น
โชติตระการเริงแรงแดงวิบุลย์
เอกสกุลเลิศลบทุกภพไป
ทินกรจรฟ้าเพลาพลบ
สนธยามาสมทบและเสริมให้
พื้นนภางค์สวยดังวาดพิลาสพิไล
สร้อยทับทิมพิมพ์ใจให้เพลินชม
แดงกุดั่นก่ำแสงสำแดงสี
เฉกเพลิงรักผลาญฤดีให้ร้าวล่ม
ม่วงชมพูแตะระบายพร้อยพรายพรม
คืออารมณ์พิศวาสย้อมหยาดทรวง
ส้มแซมแทรกเสกเสริมเพิ่มสีสัน
มอบเฉิดฉันสีทองแห่งแดนสรวง
สรรพสีหลอมแสงออกแข่งดวง
เย็นเงินยวงแสงบุหลันดูพรั่นพรึง
ออกดั้นด้าวแรมไกลใจเคว้งคว้าง
นักเดินทางเหงาใจใครคิดถึง
นิราศร้างห่างเร้นเรียมคะนึง
สวาทซึ้งรึงรัดมัดดวงมาน
อีกหนึ่งก้าวที่ก้าวไปในพิภพ
ประสบการณ์พานพบไม่เลยผ่าน
อีกหนึ่งใจจำหลักจดปรากฏการณ์
สะสมมวดอกไม้บานให้ชีวิน
นักเดินทางแรมทางอย่างมุ่งมั่น
ตราบอาทิตย์เฉิดฉันไม่แสงสิ้น
ครั้นเหนื่อยพักรวมแรงฟื้นกลับชื่นจินต์
โน่นแผ่นดินสีทองเรืองรองรอฯ
สดใส...ใต้อาทิตย์ดวงเดิม.
ศุภวุฒิ วาทบัณฑิตกุล
San Francisco, U.S.A.
- ประพันธ์: ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
- เกลาครั้งที่หนึ่ง: ๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ลงพิม์ในดวงใจตน
- เกลาครั้งที่สอง: ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ ก่อนลงพิมพ์ใน ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น (Ars Longa Vita Brevis) เนื่องในวาระ ๑๐๘ ปีชาตกาลของศ.ศิลป์ พีระศรี
- เกลาครั้งที่สาม: ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๕...เมื่อสักครู่...ก่อนลงพิมพ์ในโลกไร้พรมแดนของ ThaiPoem.com :-)