26 มิถุนายน 2546 05:28 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
กวีวัจนะ
ร่ายสุภาพ
๏ จักรพาลรังสรรค์ ดึกดำบรรพ์กาเล มวลเทหวัตถุ
รวมประจุอัดเข้า ขั้วคู่เร้าบวกลบ เสริมประสบเพิ่มพล
จลนาจลลักษณ์ จวบจนหนักเกินการ สรรพสสารระเบิด
บังเกิดกล้าอาทิตย์ แลวิวิธนพเคราะห์ จำเพาะใต้ทินกร
ต่างโคจรวาดวง ตรงต้องแรงดึงดูด ตามดั่งสูตรดารา
แลจันทราบริวาร เจือจานแสงสังโยค สู่ผิวโลกพิลาส
จตุธาตุก่อบังเกิด เลิศคุณลักษณ์ล้ำ กอปรดินน้ำลมไฟ
วายุไกรกล้าบุก รุกแผ่นพื้นครื้นชเล เทละอองวารี
พลีพัดชื้นรื้นหล้า ผุดพรั่งกล้าเกลื่อนตฤณ ทุกเม็ดดินชุ่มฉ่ำ
ดอกไม้ร่ำเบิกบาน มหาศาลไพรพฤกษ์ เขียวคึกปกโลกธาตุ
ดาดาษมวลวิหค ผีเสื้อผกแผ่วบิน สุคนธ์กลิ่นมวลมาลย์
กลีบผลิบานดำรู ตรูตายามได้พิศ ชื่นจิตยามได้ดอม
ละมุนหอมกลิ่นอวล ชวนภมรมาเฟ้น เค้นมธุอำพัน
เลือกสรรจากเรณู อีกเสียงซู่โตรกธาร ฟองสนานมัจฉา
แหวกว่ายธาราริก ยามพลิกตัวแสงวาบ แปลบเงินปลาบไวว่อง
จากสูรย์ส่องเบื้องบน ด้าวมณฑลส่ำสัตว์ จัตุบททวิบาท
ต่างลีลาศค่อยค้อย ทั้งใหญ่น้อยสูงแคระ มฤคและมฤคี
กูปรีแมลงมด มวลหมู่คชสาร ม้าฟานแลกุญชร
จรอจรแลลาน ยลกาลนี้สุขไซร้ ฤดูใบไม้ผลิ
คือนิธิธรรมชาติ สวยสะอาดปรีดี แรงกวีเกิดกล้า
จึงร่ายยอดินฟ้า ด่ำฟ้อใจเผือ๚
โคลงสี่สุภาพ
๏ เรืองเรื่อสูรย์ส่องกล้า..........รังสี
สาดส่องแรงอัคนี..........หน่ายร้อน
คิมหันต์ย่างกรายที..........ชนทั่ว
แรงอยากกลับคืนย้อน..........อยู่เหย้ายังเรือน๚
๏ วารยาวเหมือนค่ำเร้น..........หลบลา
หลับบ่หลับเต็มตา..........เบิ่งตั้ง
เหนอะหนะเหงื่อกายา..........โซมทั่ว
สรงสนานสองครั้ง..........ค่อยร้อนเลือนหาย๚
๏ เดือดพรายมวลหมู่น้ำ..........แนวสินธุ์
แตกแล่งระแหงดิน..........ด่านด้าว
พระพายห่อนรวยริน..........หลุบหลู่
หินแกร่งยังลาญร้าว..........ฤ เร้นแรงสูรย์๚
กาพย์ฉบัง ๑๖
๏ ดั่งกองกูณฑ์เจิดเพริดสี..........ดั่งภาพโสภี
ดั่งเที้ยรอัคนีระบายใบ๚
๏ สีสันสะพรั่งวิไล..........สีซาบอาบใจ
สีฤดูใบไม้ร่วงลาน๚
๏ แดงดุจชาดกลีบชบาบาน..........แดงดื่มดวงมาน
แดงปานรวิอัสดง๚
๏ ส้มแทรกแสดสานซ่านรงค์..........ส้มแห่งบุษบง
ส้มปีกบุหรงชัฏวนา๚
๏ น้ำตาลเปลือกอ้อยช้อยตา..........น้ำตาลสีชา
น้ำตาลแผ่นผิวชคดี๚
๏ เหลืองเหลือบลายแห่งภุมรี..........เหลืองเอื้องพงพี
เหลืองแก่นกรักสีเพรางาย๚
๏ เขียวแซมขาบซ่อนขจาย..........เขียวแก่ระบาย
เขียวลายขนเลื่อมมยุรินทร์๚
๏ ผลัดใบกลบด้าวเกลื่อนดิน..........ผลัดเปลี่ยนปฏิทิน
ผลัดเป็นอาจิณจวบนาน๚
๏ ฤดูเอื้อจินตนาการ..........เก็บฤดูกาล
ในกาพย์กรรดิกาลฤดู๚
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๏ อู้อับพยับวชิระแล่น
กลแผ่นนภาภินท์
คล้ำมืดโพยมภฤศนิล
ดุจศอศุลีแล๚
๏ ครืนครืนทิฆัมพรนินาท
สุรภาษสยดแด
โปรยปรายพิรุณพยุหะแพ
ภพทั่วก็ชุ่มชล๚
๏ บรรดาฉทึงอุทกทด
จรจดตลิ่งดล
ไพรพลิกและฟื้นตลสถล
ภพเขียวขจีเพรง๚
๏ ยินเสียงเสนาะแปะเปาะเพราะพ่าง
ดุริยางคบรรเลง
นิ่งในภวังคมนเพ่ง
พิศพรรษพร่างพราย๚
๏ ดังฟ้าพิลาปวิรวะก้อง
ลุตข้อง ณ อกคลาย
หลั่งอัสสุชลอุระสลาย
นิรทุมโนใน๚
๏ เย็นแผ่วพระพายพิภพหยาด
พิธุภาสประดับไพร
หริ่งหรีดซะซิบสนิกใส
สุขศานตนิทรา๚
กลอนสุภาพ
๏ คราเขียนกลอนบทนี้ฟ้าสีพลบ
อุณหภูมิติดลบหนาวขบเนื้อ
เมฆเปื้อนส้มชมพูช้ำแดงก่ำเจือ
ไม่มีเหลือหลงฟ้าดาราดวง๚
๏ หอมใจรักแย้มยุบลใครคนนั้น
กระแจะจันทน์ฝันกรุ่นยี่สุ่นสรวง
แตะซอกคอเอิบอาบกำซาบทรวง
หอมกว่าปวงพเยียใดในโลกคน๚
๏ มาตุคามไกลแสนอยู่แดนโพ้น
หวังเรียมโชนฉายฉานผ่านแห่งหน
คำนึงนึกฝันใฝ่หทัยดล
อยากคืนเหย้าไปเยี่ยมยลคนคอยรอ๚
๏ เย็นหิมะปลอบกมลอันรนร้อน
เขียนคำกลอนข่มสกัดอุธัจหนอ
ขับทำนองคล่าวซ้ำน้ำตาคลอ
นิวรณ์ก่อใจโหยอ่อนโรยแรง๚
๏ เสียงกลอนแทรกหมอกหม่นสนกระซิบ
ธารใสไหลเงียบกริบกรวดพริบแสง
ตะวันวาดแดดสายส้มพรายแดง
ใบไม้แห้งกราวไหวในสายลม๚
๏ ฤดูหนาวระบายโศกสีโลกหมอง
เหม่อตาจ้องหน้าต่างเหงาใจเศร้าขม
หากเสียงกลอนที่แว่วโอดเชิดโสตชม
เช็ดโศกช้ำจากอกตรมสร่างงมงาย๚
๏ ฤดูกาลนิตย์นิรันดร์ย่อมผันเปลี่ยน
ร้อนหนาวฝนวนเวียนเป็นวัฏฏ์ว่าย
ผิว์ว่าเราฉุกคิดจิตเหนือกาย
จะร้อนหนาวเปียกมิหน่ายมโนครอง๚
๏ จิตคุมเหนือผัสสะจะดีเลิศ
แจ่มบรรเจิดอภิธรรม์ปัญญาผอง
แว่วไหวทันถ้วนทุกข์ไซร้ใจประลอง
ช่วยปัดป้องนิวรณ์ให้กระจายพลัน๚๛
_._._._._._._._._._._._._._._._._._._.
26 มิถุนายน 2546 05:08 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
กลอนหก
๏ ยังมีนกไพรตัวหนึ่ง
สวยซึ้งปีกเจ้าเงารุ้ง
ถูกขังดาลกรงดงกรุง
แลรุ่งบุหรงกรงทอง
๏ นายคือเศรษฐีเงินล้น
เปรอปรนเม็ดธัญสรรค์สนอง
เช้าอาบสูรย์คำลำยอง
เย็นแขวนกรงทองห้องแอร์
๏ แขกไปใครมาชมชื่น
นกใดไหนอื่นงามแพ้
นายมากภาคภูมิใจแฮ
ยิ้มแปล้ฟันทองส่องนัยน์
๏ หากเจ้าวิหคนกน้อย
จับคอนละห้อยโหยไห้
ถูกพรากถิ่นพฤกษ์ลึกไพร
คลาไคลฝูงรอบครอบครัว
๏ วันหนึ่งนายเปิดกรงกาญจน์
เพื่อเติมอาหารน้ำทั่ว
นกไพรได้ทีดีดตัว
ปีกรัวตัวหลุดกรงกรรม
๏ ตะเกียกตะกายป่ายขวิด
รอบห้องเนรมิตรวิจิตรล้ำ
นายตื่นคว้าไม้ไล่ตำ
โดนปีกตกคว่ำกลางพรม
๏ นกไพรปีกซ้นรนรุก
ถูกขังเจ่าจุกทุกข์ถม
ปีกรุ้งเลื่อมหายลายจม
ตาตรมสมเพชเวทนา
๏ อิสรภาพ
ถูกปราบเปลื้องปลดกฎฟ้า
นกไพรในกรงโศกา
กักรั้งขังข้าทำไม!
๏ ความเศร้ากร่อนกินสิ้นสุข
ตัวน้อยแต่ทุกข์ยิ่งใหญ่
คิดถึงฟ้ากว้างทางไกล
จะไม่ฝันคว้างกลางกรง
๏ เพียรปีกพิการกระพือ
บรรลือแรงลุบุหรง
ชนซี่กรงทองกองลง
กับกรงเลือดรินสิ้นใจ.
._._._._._._._._._._._.
23 มิถุนายน 2546 23:40 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
๏ สรวมจิตกฤษฎาญชุลีน้อม
ศิระค้อมจอมกวินทร์ประพิณวสี
อัญขยมเยากรันปัญญากวี
เชลงกานท์สดุดีศรีสุนทร๚
๏ เอกระบิลเยียรยงเอกพงศ์ผอง
เอกหัตถ์ทองเอกลักษณ์เอกอักษร
ดินสอหินลิขิตจารกระดานนอน
ประกาศกลอนเชิดศักดิ์ศรีกวีไทย๚
๏ สุนทรภู่ครูกวีศรีสยาม
ยูเนสโกประกาศนามความยิ่งใหญ่
สดุดีเกียรติยศปรากฏไกล
ปรากฏการณ์กวีไทยพลิกพัฒนา๚
๏ ชนทั่วโลกต่างตระหนักประจักษ์แจ้ง
กระบวนกลอนอันพลิกแพลงคือคุณค่า
โคลง นิราศ กลอนแปด แผดศักดา
แผดรังสีอักษราอาภาแพรว๚
๏ สิบนิ้วต่างเทียนธูปบุปผชาติ
บูชาปราชญ์สดุดีกวีแก้ว
เนื่องมโนน้อมนิมิตสถิตแนว
นิมิตท่านสุนทรแพร้วกลางใจเอย๚ะ๛
12 ธันวาคม 2545 16:25 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
กลอนสุภาพ
๏ พระเมตตาแจ่มจับใจไผทสยาม
พระทัยงาม...มองภาพถ่ายมิถ่ายถอน
เกล้าฯ น้อมเกล้าฯ พจน์เรียงเผดียงกลอน
สื่อสะท้อนพระการุณย์อุ่นดวงมาน๚
๏ ทุกภาพมิ่งมงคลยลแล้วยิ้ม
เอื้ออกอิ่มล้ำค่ามหาศาล
อยากเป็นคุณทองแดงนักจักอยู่งาน
เฝ้าคลอเคลียบทมาลย์พระภูมิพล๚
๏ พระหัตถ์บุญทรงเบิกหล้าพลิกหล้าเขียว
พระโอษฐ์เรียวตรัสห้ามสงครามฉล
พระทัย ธ โอภาสผ่องถ่องสกล
พระยุคลบาทย่างสืบสร้างไทย๚
๏ น้อมเกล้าเทิดองค์ราชันศรันย์ศรี
บารมีหมื่นคู่คงอสงไขย
กรรดิราชกฤษฎาก้องหล้าไกล
ปลื้มประทับถ้วนทุกใจแห่งไท้เอย๚๛
9 ธันวาคม 2545 18:14 น.
อักขระ อักษรศรัทธ์
กลอนสุภาพสัมพันธ์
Idaho
๏ ตักความรักมามอบแด่มิ่งมิตร
ด้วยดวงจิตภักดีเสน่หา
และดอกรักที่บานแสนนานมา
เก็บผกาฝากแนบแทบดวงใจ๚
๏ มิตรภาพจักเริ่มและพันผูก
ด้วยเพียรปลูกรดน้ำพรวนดินไว้
ฤดีรื่นชื่นกมลล้นพ้นไป
รองรับล้นสดใสจากในทรวง๚
๏ โอ้ดอกรักจากนี้จะบานแล้ว
ดั่งประกายของแก้วจากแดนสรวง
หอมกลิ่นกรุ่นพฤกษาบุปผาพวง
ผูกดวงใจแนบรักสมัครสัมพันธ์๚๛
---------------------------------------
อักขระ อักษรศรัทธ์
๏ สัมพันธ์สมัครประจักษ์ใจจาก Ice นุช
ดั่งกำนัลเพลง flute สุดโสตหวาน
รับดอกรัก then ร้อยไว้ในดวงมาน
จัก cherish นิจกาลนงคราญเอย๚:-)
๏ กล้าต้นรักเจ้าเพราพริ้มส่งยิ้มหยอก
จักผลิดอกสุคันธาสง่าเผย
กระจายทั่วเมื่อลมค่ำร่ำรำเพย
แช่มเฉลยมวลจิตหมองให้ผ่องพรรณ๚
๏ เป็นแก้วกานต์ดอกรักตระสักศิลป์
บานไปสิ้นถิ่นมนุษย์สุดสววรค์
เราเกี่ยวก้อยร้อยกรองก้องจำนรรจ์
ผูกสัมพันธ์ด้วยดอกรักเลิศศักดิ์ใจ๚๛
---------------------------------------
พิมพ์ครั้งแรกที่: http://www.thai-language.com/ubb_cgi/ultimatebb.cgi?ubb=get_topic;f=13;t=000004
พิมพ์ครั้งที่สองที่: นี่ :-)