19 มีนาคม 2550 14:41 น.
อลัญชา
ในห้วงนิทรา...
เหล่านางฟ้าบรรเลงเพลงแว่วหวาน
เสียงระฆังสะท้อนสู่ผืนน้ำ
ยอดหญ้าพลิ้วไหวลู่ลม
ดวงดาวเฝ้าจูบดวงจันทร์แผ่วเบา
กระซิบพร่ำรำพัน
ซาบซึมลึกถึงก้นบึ้งมหาสมุทร
ผีเสื้อโผบินสู่ฟากฟ้า
ดูดดื่มแสงจันทรา แล ดวงดาว
มิมีผู้ใดรู้
กลางคืนดึกสงัด
อมตะกาลแห่งรัก
......เริ่มต้น
16 มีนาคม 2550 12:21 น.
อลัญชา
ดวงใจข้า
เจ้าจักไปสู่แห่งหนใด
ไยเจ้ามิเอ่ยวาจา
ดวงใจข้า
ไยเจ้าฉีกกระชากปีกของข้า
อย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
ฤาเจ้ากลัวสิ่งใด
ดวงใจข้าหากเพียง
เจ้าจักฟัง
เจ้าจักรู้
เจ้าจักสัมผัสยิน
ว่าตัวข้านั้นมิต้องการสิ่งใด
ด้วยปีกของข้า
มีอยู่
เป็นอยู่
เพื่อปกป้องเจ้า
เพื่อคุ้มครองเจ้า
เพื่อปลอบโยนเจ้า
ดวงใจข้า
ณ บัดนี้
ด้วยปีกนี้
ได้ถูกตราตรึงไว้แล้วในภูมินรก
ข้ามิอาจกางมัน
เพื่อปกป้อง
คุ้มครอง
แลปลอบโยนเจ้า
ดวงใจข้า
จงบินไปเถิด
สู่สูงสุดแห่งฝันเจ้า
จงอย่าเหลียวมอง
จงอย่าเพรียกหา
จงอย่าได้ยินคำพร่ำรำพัน
แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งที่เจ้าจักสัมผัสถึง
โอ้...สวรรค์
ได้โปรดนำทางข้าสู่ท่าน
ได้โปรดนำทางข้าผ่านพ้น
จากนรกภูมิอันมืดมิด
เจ็บปวด อ้างว้าง
ได้โปรดรักษาปีกคู่นี้
เพื่อข้าจักใช้มัน
ปกป้อง คุ้มครอง ปลอบโยน
ดวงใจของข้าดวงนั้น
......ตราบกัลปาวสาน
15 มีนาคม 2550 12:13 น.
อลัญชา
ความอ้างว้างดั่งหมอกควันแห่งความเจ็บปวด
เฝ้าคอยกลืนกินหมู่มวลผีเสื้อให้มอดไหม้
ปีกแห่งสรวงสวรรค์
พร่ำเพรียกหาหยาดน้ำตาแห่งฝูงกาทมิฬ
ฤา ความรัก คือกลลวงอันเป็นนิรันดร์
สร้างสรรค์ภาพมายาดั่งขับลำนำกวี
หลอกล่อให้นกน้อยสยายปีกบินมาติดกับ
สิ่งซึ่งเปรียบดั่งแร้วหนามกุหลาบอันงดงามและหอมหวาน
พันธนาการรัดแน่นไม่อาจเสื่อมคลายจากดวงใจที่แตกสลาย
บุปผาชาติอันเหี่ยวเฉาเร่ร้องเรียกแผ่วเบา
หากสดับฟังกังวานของมันก่อนแสงตะวันจะลับลา
จักได้ยินเพียงถ้อยคำหนึ่งซึ่งมิอาจเทียบค่าใด
คือ หัวใจที่รักมั่น แด่ดวงตาอันแสนงดงามของธุลีดิน
ภายใต้โอบกอดแห่งผืนนภาสีดำ
แล ธารน้ำซึ่งเยือกเย็น ไร้วิญญาณ