2 สิงหาคม 2550 14:49 น.
อลัญชา
เริงระบำความงามแห่งจันทรา
สาดแสงส่องสู่ความมืดมิด
หากนัยน์ตาของความงามนั้น
กลับซ่อนเร้นคำสาปแช่งเกลียดชัง
แด่หลุมศพซึ่งฝังร่างอันเยือกเย็น
ร่างที่รอวันสูญสลาย
มิอาจยื้อไว้แม้เพียงลมหายใจเข้าออก
หากแต่ยังคงมีความรักต่อเจ้าดวงจันทร์
ผู้ซึ่งอยู่ไกลขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง
ผู้ซึ่งมีให้แต่เพียงความลับและการหลอกลวง
ณ หลุมศพนั้น ร่างนั้น แลบัดนี้
ได้สูญสลายสิ้นไปแล้วจากผืนธรณีที่โอบอุ้ม
บทสวดแห่งความโศกเศร้า
ถูกบรรเลงโดยความเงียบงัน
ไกลออกไป...ไกลออกไป...
บทเพลงแห่งความยินดีดังก้องกังวาน
9 พฤษภาคม 2550 16:20 น.
อลัญชา
ผีเสื้อขยับปีก
เพียงน้อยนิดแห่งเรี่ยวแรงอันโรยรา
ทว่าสงบเงียบงัน
ดุจเกลียวคลื่นอ่อนละมุน ณ มหาสมุทรสุดฟ้ากว้าง
ไร้สรรพเสียง สาดซัดสู่ผืนทรายที่ทอดยาว
ปีกขยับเพียงแผ่วเบาเพื่อพาสู่ฝันดั่งวาดหวัง
หากแต่มิอาจคาดคิค
ด้วยว่าปีกที่ขยับนั้นสั่นสะเทือนถึงสรวงสวรรค์
แผ่นดิน แลสรรพสิ่งรอบข้าง
ต่างส่งเสียงร่ำร้องโหยไห้
อำลาอาลัยเหนี่ยวรั้ง
ตอกหมุดตราตรึงให้รู้ซึ้งถึงความโศกา
พรากกายาเพื่อให้ได้มาทว่าดับสิ้นซึ่งลมหายใจ
คิดเพียงคำถาม คำตอบให้แก่ตน
กู่ก้องร้องป่าวว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก
แต่แท้จริงแล้วโลกนี้ยังมิอาจเทียบเท่าจักรวาล
เฉกเช่นแก่นแท้ของใจที่ใครเล่าจักรู้ได้
แลเพียงดวงตา จับจ้องสิ่งซึ่งเรียกว่าการกระทำ
จักตัดสินถูกผิดได้ฤา
ความวุ่นวายสับสนแห่งจิตใจ
บดบังเสียงกระซิบจากความจริงใต้ปีกผีเสื้อ
จงมองดูเถิด...
บนท้องฟ้านั้น
ผีเสื้อตัวนั้น
ช่างกล้าแกร่งและงดงาม
9 เมษายน 2550 14:18 น.
อลัญชา
ท่ามกลางผู้คนมากมาย
หนทางอันแสนสับสน
การจากลา
เหมือนพบเจอ
เริ่มต้น
เหมือนสิ้นสุด
เป็นเช่นนี้เรื่อยไป
.
.
.
ดอกไม้ดอกหนึ่ง...กำลังผลิบาน
บนเถ้าถ่านแห่งโศกนาฏกรรม
19 มีนาคม 2550 14:41 น.
อลัญชา
ในห้วงนิทรา...
เหล่านางฟ้าบรรเลงเพลงแว่วหวาน
เสียงระฆังสะท้อนสู่ผืนน้ำ
ยอดหญ้าพลิ้วไหวลู่ลม
ดวงดาวเฝ้าจูบดวงจันทร์แผ่วเบา
กระซิบพร่ำรำพัน
ซาบซึมลึกถึงก้นบึ้งมหาสมุทร
ผีเสื้อโผบินสู่ฟากฟ้า
ดูดดื่มแสงจันทรา แล ดวงดาว
มิมีผู้ใดรู้
กลางคืนดึกสงัด
อมตะกาลแห่งรัก
......เริ่มต้น
16 มีนาคม 2550 12:21 น.
อลัญชา
ดวงใจข้า
เจ้าจักไปสู่แห่งหนใด
ไยเจ้ามิเอ่ยวาจา
ดวงใจข้า
ไยเจ้าฉีกกระชากปีกของข้า
อย่างกระเหี้ยนกระหือรือ
ฤาเจ้ากลัวสิ่งใด
ดวงใจข้าหากเพียง
เจ้าจักฟัง
เจ้าจักรู้
เจ้าจักสัมผัสยิน
ว่าตัวข้านั้นมิต้องการสิ่งใด
ด้วยปีกของข้า
มีอยู่
เป็นอยู่
เพื่อปกป้องเจ้า
เพื่อคุ้มครองเจ้า
เพื่อปลอบโยนเจ้า
ดวงใจข้า
ณ บัดนี้
ด้วยปีกนี้
ได้ถูกตราตรึงไว้แล้วในภูมินรก
ข้ามิอาจกางมัน
เพื่อปกป้อง
คุ้มครอง
แลปลอบโยนเจ้า
ดวงใจข้า
จงบินไปเถิด
สู่สูงสุดแห่งฝันเจ้า
จงอย่าเหลียวมอง
จงอย่าเพรียกหา
จงอย่าได้ยินคำพร่ำรำพัน
แม้เพียงเสี้ยวหนึ่งที่เจ้าจักสัมผัสถึง
โอ้...สวรรค์
ได้โปรดนำทางข้าสู่ท่าน
ได้โปรดนำทางข้าผ่านพ้น
จากนรกภูมิอันมืดมิด
เจ็บปวด อ้างว้าง
ได้โปรดรักษาปีกคู่นี้
เพื่อข้าจักใช้มัน
ปกป้อง คุ้มครอง ปลอบโยน
ดวงใจของข้าดวงนั้น
......ตราบกัลปาวสาน