30 มิถุนายน 2552 23:02 น.
อรุโณทัย
มองที่โค้งขอบฟ้า
มวลดารากระพริบแสง
วะวาบวับวูบแรง
จ้าเจิดแจ้งระยิบระยับ
มองที่ท้องฟ้ากว้าง
ดูเวิ้งว้างพระจันทร์ดับ
มืดมัวสลัวจับ
ขอบฟ้าอับซึ่งแสงจันทร์
มองไปที่ปลายฟ้า
ดาวระดาพร่างพราวนั่น
อยากเก็บดาวสักพัน
ไปกำนัลให้คนดี
อรุโณทัย
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๒
28 มิถุนายน 2552 17:00 น.
อรุโณทัย
เข้าพรรษาหน้าฝนบนทางฝัน
หวังฝ่าฟันอุปสรรคที่ถาโถม
อบายมุข รุกล้ำ เข้าแทะโลม
ที่จู่โจมให้จิตคิดตกต่ำ
หวังลดกรรมกระทำชั่วฆ่าชีวิต
หวังพิชิตความดีตามหลักธรรม
ละกิเลสจากใจหมายน้อมนำ
อันถ้อยคำพุทธองค์ทรงสอนมา
ขอยึดมั่นในพระธรรมคำสอน
กราบขอพรดลใจให้สมปรารถนา
จะหมั่นท่องสวดมนต์ภาวนา
ถือศีลห้าเพื่อขจัดขัดจิตใจ
ลด...ละ...เลิก ซึ่งอบายมุข
เที่ยวสนุก ดื่มน้ำเมาไม่ขอใกล้
การพนันขันต่อขอลาไกล
คบมิตรใหม่ที่ใจสูงมุ่งทำดี
เข้าพรรษาหน้าฝนบนทางฝัน
พร้อมฝ่าฟันอุปสรรคไม่หลบหนี
ขอต่อสู้ ทางอบาย ในครั้งนี้
สร้างศักดิ์ศรีนักธรรมปุถุชน...
อรุโณทัย
๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๒
23 มิถุนายน 2552 22:37 น.
อรุโณทัย
งานคือความมั่นคงของชีวิต
งานคือภารกิจต้องรับผิดชอบ
งานคืออาชีพที่ต้องประกอบ
ตามระบอบโบราณแต่นานมา
ไม่ทำงานไม่มีทรัพย์ไม่มีกิน
อาจจะสิ้นชีพตนเพราะไร้ค่า
สิ้นคนรักเอ็นดูหรือเมตตา
เหตุเพราะว่ารังเกียจคนเกียจคร้าน
จะงานหนักหรือเบาจงต่อสู้
อย่าลบหลู่ว่างานต่ำให้กล่าวขาน
สันหลังยาวนั่งนอนอย่างสำราญ
เที่ยวเผาผลาญเวลาไปวันวัน
งานต้องเป็นอาชีพสุจริต
ประกอบกิจด้วยใจที่หมายมั่น
เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน
อยู่สุขสันต์ในโลกแห่งความจริง
งานคืออาชีพที่เราชอบ
จงประกอบการงานด้วยรักยิ่ง
ภารกิจของงานอย่าทอดทิ้ง
ให้เขาติงต่อว่าไม่รักงาน
งานคือความมั่นคงของชีวิต
จงยั้งคิดสักนิดเถิดทุกท่าน
ไม่มีกินไม่มีทรัพย์มาเจือจาน
เพราะไม่ทำงานหาเลี้ยงชีพตน...
อรุโณทัย
๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๒
20 มิถุนายน 2552 19:19 น.
อรุโณทัย
สุนทรภู่ครูกลอนกวีแก้ว
คำพราวแพรวร้อยสัมผัสจัดภาษา
ผ่านอักษรด้วยใจใฝ่จินดา
ปรารถนาสร้างงานกลอนไว้สอนใจ
แต่งสวัสดิ์รักษาเพื่อสอนศิษย์
ให้รู้ผิดรู้ถูกปลูกนิสัย
แต่งสุภาษิตคำกลอนสอนทั่วไป
นำไปใช้เป็นแนวทางแห่งชีวิต
สุนทรภู่ครูกลอนกวีศิลป์
ทั่วแดนดินสรรเสริญผลผลิต
พระอภัยมณีเกรียงไกรทุกทิศ
ต่างตามติดรสถ้อยคำรำพัน
สุนทรภู่ครูกลอนสอนชีวิต
ได้ประดิษฐ์กาพย์กลอนอย่างสร้างสรรค์
มีชื่อเสียงเกรียงไกรเรารู้กัน
โด่งดังขั้นกวีเอกของโลกา
ยี่สิบหกมิถุนาเวียนมาถึง
น้อมคำนึงครูกลอนอักษรสง่า
สุนทรภู่ครูกวีขอบูชา
ด้วยมาลาคำกลอนอักษรไทย ฯ
อรุโณทัย
๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๒
17 มิถุนายน 2552 00:14 น.
อรุโณทัย
อาลัยครูผู้ขับเสภา
มีนามว่า ครูแจ้ง คล้ายสีทอง
ที่ขานขับเสภาจนชื่อก้อง
ทั่วทุกท้องถิ่นไทยนานแสนนาน
หวานสำเนียงเพียงพิณถิ่นคนธรรพ์
ถ้อยรำพันไพเราะเสนาะประสาน
ด้วยเสียงกรับขยับคลออย่างชำนาญ
สร้างสำราญต่อผู้ฟังให้เพลิดเพลิน
แว่วกังวานหวานหูเมื่อครูขับ
ใครสดับก็ลุ่มหลงและสรรเสริญ
ในท่วงทำนองกลอนที่กล่าวเกริ่น
ร้องเสภาดำเนินเรื่องที่เป็นไป
อาลัยครูผู้ขับเสภา
ท่านวางกายาทิ้งร่างเอาไว้
ยังแต่ชื่อเสียงที่เกรียงไกร
ขับเสภาได้เสนาะไพเราะจริง
ต่อนี้ไปคงสิ้นแล้วเสนาะเสียง
ในสำเนียงเจื้อยแจ้วให้หยุดนิ่ง
นั่งฟังครูขับเสภาจริงจริง
เพราะครูนิ่งนอนหลับสนิทนาน
ต่อนี้ไปคงสิ้นแล้วเสียงเสนาะ
ไม่ไพเราะเพราะไร้ครูอยู่ขับขาน
สิ้นเสียงกรับขยับคลอเสียงกังวาน
สิ้นเสียงหวานไพเราะหูผู้ฟัง
อาลัยครูผู้ขับเสภา
ด้วยน้ำตารินร่วงไหลหลั่ง
เสียงสะอื้นร่ำไห้ชนรุ่นหลัง
เป็นเสียงสั่งครูว่า อาลัย
ครูแจ้ง คล้ายสีทอง ศิลปินแห่งชาติ วัย ๗๖ ปี
ช่างขับเสภาหนึ่งเดียวในแผ่นดิน สุจิตต์ วงษ์เทศ
ขนานนามให้ว่า "ช่างขับคำหอม" ซึ่งหมายถึงร้องเพลงไทยเดิม
และขับเสภาได้ไพเราะเสนาะหู
เสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลศิริราชเมื่อก่อนเวลา ๑๒.๐๐ น. (๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๒)
ด้วยโรคหัวใจล้มเหลวฉับพลัน
รักษาตัวที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี
จากนั้นได้ย้ายเข้ามารักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ
โดยมี "ป้าบุญนะ คล้ายสีทอง" ภรรยาคู่ชีวิตวัย ๖๗ ปี อยู่ไม่ห่างกาย
อรุโณทัย
๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๒