23 มิถุนายน 2549 22:41 น.
อนาลัย
แม้นเนิ่นนานหากนับวันเวลา
เหมือนดังว่ามิเคยจากไปไหน
แม้นห่างจากกายสุดแสนไกล
เหมือนมิเคยห่างจากใจไปได้เลย
...แม้นสุขล้ำยังจำคำเคยสอน
เหมือนยังตอนเคียงอยู่เป็นคู่เอ่ย
แม้นทุกข์เศร้าร้าวรานใจยิ่งใช่เลย
เหมือนคอยคำเอื้อนเอ่ยเปรยปลอบใจ
...ผิว์ว่าเพียงเหมือนเพียรแค่รอวัน
แต่ความตายเท่านั้นจึงพรากจากไปได้
สะดุ้งจิตคิดมาได้อย่างไร
หรือเป็นเพียงเสียงบอกใจให้รู้ตัว...
...และคงเป็นแค่เพียงเสียงอักษร
ลำนำกลอนสอนตนดูรู้ดีชั่ว
ตื่นเถิดหนาอย่าเผลอใจให้เมามัว
เหลือเพียงแต่ตัวของตนพึ่งตนเอง...
เมื่อมีเรื่องมากมายที่ต้องรับผิดชอบและต้องตัดสินใจ บางครั้งความวุ่นวายอัดแน่นจนรู้สึกเหมือนว่างเปล่า ว่างเปล่าเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จึงตั้งใจหลับตาลงเพื่อให้ความรู้สึกได้ผ่อนพัก แต่วันนี้นอนหลับตาลงได้ เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น กลับสะดุ้งตื่น เพราะความรู้สึกบางอย่าง ผุดขึ้นมาอย่างทันใด จนต้องลุกขึ้นนั่งและบอกหัวใจตนเองว่า ที่ยังเหมือนเศร้าลึกๆ เพราะระลึกถึงใครบางคนอยู่เสมอนั้น คงเป็นเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถเลือนหายไปจากใจดวงเดิมได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่สับสนและกังวลอีกต่อไป หากจะคิดถึง ก็คิดถึง เพราะเราเพียงแค่คิดถึงเท่านั้น พอคิดได้อย่างนี้แล้วก็แปลกดีนะ ทำให้ใจผ่อนคลายและมีกำลังที่จะก้าวเดินต่อไปทันที
....ผิว์ความตายมาพราก....
มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพรากเธอออกไปจากหัวใจได้
ต่อนี้ไปหากจะคิดถึงก็คิดไป เพราะความคิดนั้นเป็นเพียงภาพมายา หากเราไม่ลุ่มหลงและติดกับดักแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์โศกหรือหมองเศร้าอีก รอจนวันที่ความตายมาถึงแห่งร่างกายของเราเท่านั้น ความทรงจำทั้งหมดก็คงจะหายไปทันที