20 เมษายน 2545 22:33 น.
อตีตะโศก
เวลานี้แสนจะมีค่ายิ่งนัก
เวลานี้แสนจะหักคำรักได้
เวลานี้ไม่น่าเป็นเวลาที่อาลัย
เวลานี้ไม่ควรให้ใจเศร้าเลย
เวลานั้นแม้นจะแสนมีความสุข
เวลานั้นแม้นสนุกสุขสดใส
เวลานั้นแม้นว่ามันจะผ่านไกล
เวลานั้นยังตรึงใจไม่รู้ลืม
เวลาโน้นแสนโลดโผนในดวงจิต
เวาลาโน้นฉันอาจปลิดคำรักได้
เวลาโน้นฉันอาจผ่านความเศร้าใจ
เวลาโน้นฉันอาจไม่เห็นใครที่สำคัญ
แต่ตอนนี้ฉันมีเธอที่หนึ่ง
แต่ตอนนี้ฉันต้องพึ่งรักสุขสันต์
แต่ตอนนี้เธอนั้นเหมือนชีวัน
แต่ตอนนี้ขาดเธอนั้นเหมือนขาดใจ
แม้ตอนนั้นฉันไม่อาจบอกรักเธอ
แม้นตอนนั้นฉันไม่เพ้อว่ารักเธอได้
แม้นตอนนั้นฉันนั้นไม่อาลัย
แม้นตอนนั้นลืมเธอได้ถ้าอยากลืม
เพราะตอนโน้นตอนที่เราเป็นเด็ก
เพราะตอนโน้นเรายังเล็กยังสดใส
เพราะตอนโน้นฉันไม่ได้คิดอะไร
เพราะตอนโน้นหัวใจฉันยังไร้เธอ
เพียงตอนนี้เธอบอกออกว่ารัก
เพียงตอนนี้เธออย่าหักรักฉันได้
เพียงตอนนี้ให้เธอไม่มีใคร
เพียงตอนนี้รักเธอได้ถ้าตายก็ไม่เสียดายเลย
14 เมษายน 2545 22:19 น.
อตีตะโศก
แสงดวงดาวระยับเด่มเห็นเต็มฟ้า
ช่างเจิดจ้าแสนงามจิตพิศมัย
ดาวลอยเด่นเต็มฟ้านภาลัย
แสงส่องให้ราวระยับจับในทรวง
ดวงเดือนงามตามยะถาในคราเพ็ญ
เรืองรองเด่นงามแท้เพ็ญแขสรวง
แสงเดือนงามกลับกลบดาวไม่พราวดวง
เหมือนดาวร่างจากฟ้าแสนอาลัย
แต่ยามใดเดือนดับลงลับโลก
เมื่อเดือนโศกแสงดาวเด่นเป็นไหนๆ
ยามข้างแรมดาวประดับฟากฟ้าไกล
แต่อีกในยังสงสารเดือนงามดวง
เมื่อเดือนเด่นดาวต้องดับลาลับแคล้ว
ดั่งเป็นแนวครรลองของแดนสรวง
เมื่อได้สิ่งหนึ่งใดในทั้งปวง
ต้องเจ็บทรวงกับอีกสิ่งต้องทิ้งไป
14 เมษายน 2545 22:19 น.
อตีตะโศก
แสงดวงดาวระยับเด่มเห็นเต็มฟ้า
ช่างเจิดจ้าแสนงามจิตพิศมัย
ดาวลอยเด่นเต็มฟ้านภาลัย
แสงส่องให้ราวระยับจับในทรวง
ดวงเดือนงามตามยะถาในคราเพ็ญ
เรืองรองเด่นงามแท้เพ็ญแขสรวง
แสงเดือนงามกลับกลบดาวไม่พราวดวง
เหมือนดาวร่างจากฟ้าแสนอาลัย
แต่ยามใดเดือนดับลงลับโลก
เมื่อเดือนโศกแสงดาวเด่นเป็นไหนๆ
ยามข้างแรงดาวประดับฟากฟ้าไกล
แต่อีกในยังสงสารเดือนงามดวง
เมื่อเดือนเด่นดาวต้องดับลาลับแคล้ว
ดั่งเป็นแนวครรลองของแดนสรวง
เมื่อได้สิ่งหนึ่งใดในทั้งปวง
ต้องเจ็บทรวงกับอีกสิ่งต้องทิ้งไป
10 เมษายน 2545 22:33 น.
อตีตะโศก
อย่าดูถูกว่าพวกฉันนั้นต่ำต้อย
แม้ฉันด้อยไม่เคยคอยวาสนา
ด้วยปากท้องและลูกเมียยังต้องยา
ฉันต้องหาเงินมาเจือเผื่อทุกคน
แม้นฉันไม่ได้อยู่ถิ่นที่ฉันเกิด
แต่ฉันเทริดทูนไว้ไม่เคยหลง
ใต้ร่มโพธิสมภารยังยืนยง
ให้ฉันคงยืนหยัดสู้คู่ฟ้าไทย
เงินทุกบาทได้มาด้วยหยาดเหงื่อ
บางส่วนเพื่อช่วยประเทศให้สดใส
ฉันนี่แหละนักรบแรงงานไทย
รบด้วยใจที่คิดดีมีแก่พงษ์
8 เมษายน 2545 21:50 น.
อตีตะโศก
เสียงลมหวนรวนเรระเห่จิต
ในใจคิดวาบหวิวละลิ่วหา
อยากชื่นอยู่ในความรักทุกเวลา
รักไม่มาแม้นาทีให้ดีใจ
ฉันยังอยู่ในวัยที่ใสสด
ยังจำจดอยู่ในความสดใส
และไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไป
แม้ภายในยังรู้ไว้ไม่มีวัน
ฉันอยากใช้ความเป็นไปในวัยรุ่น
ที่คุกรุ่นเต็มไปด้วยสีสัน
อยากให้สีไม่จางไปแม้นนานวัน
ว่าไปครันไม่ต้องบอกหลอกตัวเอง
ฉันต้องการความรักที่ยิ่งใหญ่
มาจากความจริงใจใช่ข่มเหง
อยากจะมีเพื่อนใจเพื่อบรรเลง
ดนตรีเพลงแห่งความรักที่ปักใจ
ฉันอยากมีอำนาจราชศักดิ์
คนคำนับกราบกรานทั้งน้อยใหญ่
แต่มันก็เป็นได้แค่ฝันไป
ไม่อยากให้ตื่นกลางครันฉันอยากนอน
ฉันจะมีเพื่อนฝูงสักแสนคน
เอาไว้บ่นให้เขาฟังตอนนั่งหมอง
แม้นชีวิตจะเดินไปตามครรลอง
แต่ความฝันไม่อาจต้องด้วยเวลา
ฉันตื่นขึ้นงัวเงียแสนเพลียนัก
เพราะเมื่อคืนงานแสนหนักเป็นนักหนา
แต่หันหลังฉันยังนอนอยู่นี่นา
โอ้ไม่น่าตัวฉันชาเหมือนแช่เย็น
นี่ฉันตายไปแล้วจริงหรือนี่
แล้วฝันที่ฉันนึกและตรึกเห็น
ไม่มีทางเป็นได้อย่างที่อยากเป็น
โธ่ลำเค็ญอุตส่าคิดจนจิตมัว
ถ้ารู้งี๊เมื่อวานนี้จะทำบุณ
จะไม่ขุนนั่งคิดจนเวียนหัว
ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปไม่รู้ตัว
แล้วจะมัวยึดติดคิดทำไม