2 กุมภาพันธ์ 2548 01:44 น.
อตอม
>>>>>>------------------------------------------------->>>-------------------->>>>>>>
วันนี้ฉันได้ก้าวเดินมาอีกก้าวหนึ่ง...
เวลาผ่านไปแรมปีได้สอนอะไรฉันไว้มากมาย
สายลม สายฝนแสงแดด ต่างทำหน้าที่มันตามกาลเวลาที่ผันเปลี่ยน
เฉกเช่นเดียวกับคนมากมายที่ผ่านเข้ามาแต่งแต้มสีสันให้ความทรงจำ
บ้างทิ้งรอยยิ้มแสนประทับใจ ประสบการณ์เลอค่า หรือแม้แต่คราบน้ำตากับการลาจาก
ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้าง???
ฉันคงตอบได้เพียงว่า ฉันตอบเป็นคำพูดไม่ได้หรอก
เช่นเดียวกับที่ตอบไม่ได้ว่ามีมวลอะตอมมากเท่าไหร่รอบกายเรา
ฉันรู้ว่ามันมีอยู่จริง...แต่ไม่อาจสัมผัสรูปธรรมของมันได้
สิ่งที่รุ้คือ ฉันรู้สึก ...ว่าสิ่งที่ฉันเป็นนั้นเป็นเช่นไร
รัก โลภ โกรธ หลง เศร้า เสียใจ ให้ สงสาร อิจฉาริษยา ทิฐิ เห็นแก่ตัว ฯลฯ ฉันมีทั้งนั้น
ฉันเคยเป็นเช่นไร???
จากฉันที่เคยเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเรียบง่ายไม่ค่อยมีสาระกับชีวิตนัก
ได้พบรักและผูกพันกับใครคนหนึ่งซึ่งฉันเชื่อหนักหนาว่าเป็นรักแท้ที่ตามหามานาน
แต่แล้ววันหนึ่งฉันเสียเค้าไป...เพราะฉันนั้นหล่ะตัวการ
ฉันเคยแทบบ้าปล่อยให้ใจที่เย็นชาและเลือดเย็น
ไปทำร้ายกัดกินคนที่ฉันรักและรักฉันด้วยคำพูดและการกระทำ
เพียงเพราะฉันต้องการเพียงคนของหัวใจให้กลับมาทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทาง..
. ..แค่ผู้หญิงหนึ่งคน
ที่สับสนบนทางอ่อนไหว
ต้องจากเธอผู้เป็นเช่นดวงไฟ
ปล่อยดวงใจดำดิ่งสิ่งมืดมน...
ฉันเรียนรู้ได้อย่างไร???
เมื่อฉันคิดทีจะออกจากกะลามืดEที่คว่ำอยู่ใต้โคลนตม
สิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือ กล้า.. กล้าที่จะกลัว กล้าที่จะเจ็บ
และที่สำคัญต้องกล้าที่จะยอมรับมัน... กล้า กล้า กล้า
ฉันบอกกับใครอีกคนที่เหมือนฉันอย่างกับฝาแฝดทุกครั้งที่ฉันจ้องมองเธอคนนั้น
และที่สำคัญ ฉันต้องกล้ายอมรับว่าฉัน เห็นแก่ตัว มากมายเพียงใดกับรักที่ผ่านมา
...ยิ่งดำดิ่งลงลึก
จิตใต้สำนึกก็ยิ่งต่ำ
แล้วถ่ายทอดไปสู่การกระทำ
เปลี่ยนเป็นคนใจดำ..ฆ่าใคร~ใครทั้งเป็น..
ตัวฉันในวันนี???
เมื่อมองย้อนอดีตกับสิ่งที่ฉันได้ทำ
มันตอกย้ำซ้ำ ๆ ว่าฉันเลวร้ายเพียงใด..เพียงเพราะใจฉันคงอ่อนแอ
ปล่อยให้ความเจ็บมาครอบงำอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ
จนต้องเสียคนที่ใจต้องการไปอย่างไม่มีวันหวนกลับได้เลย
.... นี่ฉันรักเค้า หรือ ฉันรักตัวเอง....
แต่...เมื่อช่วงวันผันผ่านไป
ฉันในองศาใหม่ได้ปรากฏแม้ไม่ทั้งหมดก็ตามที..
วันนี้....ฉันมีความสุขกับสิ่งที่ฉันมีฉันได้เพียงเพราะฉัน รู้จักพอ
ไม่ต้องเรียกร้องจากใครตามแต่เค้าจะให้ไม่ต้องร้องขอ
ฟ้าที่ขุ่นมัวเริ่มจางเมฆหมอกความเห็นแก่ตัวมันเริ่มจากฉันไป
เพียงเพราะฉันกล้ายอมรับว่าฉันมีมันอยู่และฉันมองเห็นมัน
หลายครั้งนักที่คนเรามักจะมองข้ามคุณค่าของคนใกล้ตัว
จนลืมไปว่าแรกเริ่มนั้นเรารักกันเช่นไรและอย่างไร..
ไม่เคยเติมน้ำให้ความรักปล่อยให้ตายด้านอย่างเดียวดาย
จนเมื่อวันผ่านความแห้งแล้งมาเยือนเพื่อเตือนความแปรผัน
แต่เรายังปิดประสาทสัมผัสหลอกตัวเองไปวันEเพื่อปิดบังความอ่อนแอ
คิดว่าเค้ายังรักยังแคร์และไม่มีวันแปรเปลี่ยนไป
ทั้งที่ใจลึกๆแล้วก็หวั่นเพราะความกลัว ว่าความฝันและรักนั้นจะพังทลาย
แล้วสุดท้ายเวลาก็ไม่อาจฉุดรั้งให้ดินที่แตกแยกเป็นทางมาสมานได้ดังเดิม..
สำหรับตัวฉันเองในวันนี้
บทเรียนที่มีเป็นเช่นกระจกที่ดีเหลือคณานับ
หากฉันมีโอกาสฉันอยากจะ ขอโทษ ทุกคนที่ฉันเคยทำร้าย
ด้วยวาจาและการกระทำ..ไม่ว่าคนนั้นจะยังอยู่หรือไม่ก็ตามที
ฉันหวังเพียงว่าจะได้รับการให้อภัยแม้มันจะลอยมาจากส่วนไหนของอวกาศก็ตามที...
และฉันก็ได้คำตอบให้ตัวเองแล้วว่า ฉันทั้งรักเค้าและรักตัวฉันเอง
ไม่มีมาตรวัดว่ารักไหนมากกว่ากันขอแค่ว่ารักนั้นไม่ทำร้ายใครก็เพียงพอ...
*~* แล้วรักของคุณหล่ะ เป็นเช่นไร? *~*
...บทความนี้ไม่ต้องการความสงสาร
เพียงเพื่อจะเล่าประสบการณ์ทั้งหวานและขม
ไม่ต้องการเรียกร้องหาค่านิยม
ไม่ต้องการคำชื่นชมหรือสมน้ำหน้า
บทความนี้ต้องการเพียงแค่??
สะท้อนแง่ด้านลบที่ประสบมา
ให้เธอแคร์คนที่รักเมื่อยังมีเวลา
แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่มีค่า...ใกล้แค่เอื้อมมีอคว้าเพียงข้างกาย...