4 ธันวาคม 2544 21:50 น.
หิ่งห้อย
***ผ่านทุ่งนาป่ากว้างหนทางเปลี่ยว
เดินคนเดียวแรมรอนนอนพักบ้าง
วันต่อวันมั่นหมายสู่ปลายทาง
เดินเหยียบย่างทางคดหมดเรี่ยวแรง
***ทุ่งกุลาอากาศร้อนตอนยามสาย
ตกตอนบ่ายสุริยันพลันอ่อนแสง
นภาผ่องมองรอบขอบฟ้าแดง
กลิ่นหญ้าแห้งหอมโหยโชยเฉื่อยเย็น
***ตามเส้นทางที่ผ่านบ้านน้อยใหญ่
สังเกตได้วัวควายไม่ค่อยเห็น
ถามชาวนาเขาว่าไม่จำเป็น
ภาพที่เห็นเป็นทุ่งหญ้าน่าเสียดาย
***ลืมกันได้วัวควายหายไปไหน
สบสมัยไถคราดมิขาดหาย
อันงานชิ้นดินโคลนโยนให้ควาย
มีข้าวขายได้กำไรไม่ขาดทุน
***อันควายตัววัวด้วยช่วยปลดหนี้
แต่บัดนี้หนีเดิมเขาเติมศูนย์
พากันบ่นต้นดอกยิ่งพอกพูน
การเกื้อกูลกสิกรรมตกต่ำลง
***วัวก็หายควายหมดเริ่มอดอยาก
จึงขอฝากชาวนาอย่าลุ่มหลง
สำนึกเก่าเอามาฝากจากคนดง
ด้วยประสงค์สืบสานโบราณไทย
***มองทุ่งกว้างยามเย็นเห็นภาพเก่า
บ้านนาเราโบราณนั้นจำได้
ยามเย็นเย็นเช่นนี้มีวัวควาย
เดินกรีดกรายชายทุ่งอิ่มพุงกาง
***แต่ภาพนั้นวันนี้ไม่มีแล้ว
เหลือเพียงแนวคันนาขอบฟ้ากว้าง
แสนเสียดายหญ้าปล้องและกองฟาง
ถูกทิ้งขว้างไร้ค่าน่าเสียดาย
***คำว่าโง่เหมือนควายใครโง่แน่
นึกจะแก้อย่างไรแก้ไม่ได้
ควายนั้นโง่เหลือทนคนหรือควาย
ใครตอบได้หายข้องใจให้รางวัล
4 ธันวาคม 2544 18:43 น.
หิ่งห้อย
***ถนนโลกีย์ที่ผ่านกันดารนัก
คลุกด้วยรักลาดด้วยชังตั้งแต่ต้น
ฉาบด้วยยางเยื่อใยให้มืดมน
ทั้งปลายต้นถนนลื่นคลื่นโลกีย์
***ถมด้วยโลภโกรธหลงกลบลงลึก
ฉาบผนึกด้วยแค้นแดนวิถี
เต็มด้วยโคลนขี้เถ้าเศร้าโศกี
บาทวิถีสางสาบคราบน้ำตา
***ถนนโลกีย์ที่ผ่านมีม่านหมอก
ความช้ำชอกหมอกใจอาลัยหา
ดูมืดมนถนนเปลี่ยวเดี่ยวเอกา
ทนเหว่ว้าอาวรเดินรอนแรม
***ก้าวเดินฝ่าขวากหนามความพลัดพราก
เห็นเศษซากความเศร้าเข้ามาแถม
อ่อนแรงสู้ดูเฉื่อยเรื่อยรอนแรม
ระทมแถมถมทับอาภัพเกิน
***การเดินทางสู้ทนถนนวิปโยค
ติดเศร้าโศกสารพันทั้งสรรเสริญ
ถนนโลกีย์ที่ผ่านกันดานเกิน
สุขสรรเสริญเสื่อมสิ้นต้องดิ้นรน
4 ธันวาคม 2544 11:02 น.
หิ่งห้อย
**หลายวันหลายเดือนหลายปีผ่าน
หลายตำนานเรื่องราวหลายหนาวร้อน
หลายฟ้าหลายฝนหลายอาภรณ์
เรียงร้อยเป็นบทกลอนเพื่อสอนใจ
**แม้หมู่ดาวพราวฟ้านภาพาศ
งามพิลาศสะอาดตาคืนฟ้าใส
ส่องสกาววาววับประทับใจ
ก็คงไม่ไล่ความมืดให้จืดจาง
**แต่ดวงเดือนงามเด่นที่เห็นนั่น
เมื่อสิ้นแสงตะวันพลันกระจ่าง
แม้มีเพียงดวงเดียวเปลี่ยวอ้างว้าง
ยังส่องแสงสว่างกระจ่างหล้า
**ท่านเปรียบเหมือนคนดีแม้นมีน้อย
แต่หาด้อยด้วยคุณค่าสง่า
ส่องแสงธรรมค้ำจุนหนุนโลกา
นั่นคือพระสัมมาของชาวเรา
4 ธันวาคม 2544 10:48 น.
หิ่งห้อย
*** เมื่อเจ้ามอบดวงใจให้กับพี่
ทั้งฤดีพี่จะมอบคอยปลอบขวัญ
จะยึดมั่นซื่อตรงตรงต่อกัน
ขอจอมขวัญจงมั่นอย่าหวั่นใจ
*** จะอยู่ไหนใต้หล้าขอบฟ้ากว้าง
สุดปลายทางขวางกั้นอย่าหวั่นไหว
จิตถึงจิตห่วงหวงดวงฤทัย
อย่าร้องไห้ ยามไร้ซึ่งพี่ยา
*** จงเข้มแข็งแกร่งกล้าแหงนหน้าสู้
พี่รับรู้ว่าเจ้ารักแน่หนักหนา
จงรับรู้พี่ก็ห่วงพวงผกา
จงรู้ว่าขวัญตาไม่เดียวดาย
*** ยิ้มจงยิ้มขวัญเอยจงเผยยิ้ม
ให้เอิบอิ่มพริ้มใจในความหมาย
เจ้าก็ยิ้มพี่ก็ยิ้มปริ่มประกาย
เป็นความหมายสองเรา.เข้าใจกัน
4 ธันวาคม 2544 10:19 น.
หิ่งห้อย
**ค่ำคืนนี้พี่ขออาศัยนอน
เพื่อพักผ่อนหย่อนกายคลายร้อนหนาว
เพียงอาศัยเจ้าพักสักชั่วคราว
พรุ่งนี้เช้าตื่นมาลาขวัญยืน
**ค่ำคืนนี้เพียงมีที่อาศัย
เพียงได้เสื่อหมอนใบให้สักผืน
ตื่นเช้ามาพี่คงมีแรงยืน
แม้ไม่มีก็จะฝืนลาจากไป
**ค่ำคืนนี้พี่ขอเพียงนอกชาน
หรือมุมหนึ่งในบ้านที่เจ้าให้
พี่คนจรพลัดดินถิ่นเกิดไกล
ดุจสาริกาที่ไร้ซึ่งรังนอน