23 พฤศจิกายน 2547 03:04 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
นั่งริมหนองมองคางคกหมกตัวอยู่
มันแอบดูตัวข้าเวลานี้
มันยิ้มเยาะตัวข้าทำท่าที
ดูมันมีความสุขไม่ทุกข์ใจ
เจ้าคางคกยิ้มเล่นเป็นอาวุธ
หยามมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
มันยกย่องพวกมันปัญญาดี
ไม่เคยมีปัญหาฆ่ากันตาย
มันไม่ชอบขัดแย้งแบ่งวรรณะ
ไม่เอาชนะขู่เข็ญเห็นแก่ได้
มันติเตียนพวกมนุษย์สุดบรรยาย
มันท้าทายอวดรู้กว่าหมู่คน
มันรู้ธรรมรู้โทษไม่โกรธแค้น
มันสุขแสนสบายใจไม่สับสน
มันกินอิ่มหลับสบายได้เหมือนคน
ไม่ดิ้นรนเดือดร้อนให้อ่อนแรง
มันว่าคนกิเลสหนาปัญญาอ่อน
เห็นเดือดร้อนร้องบ่นทุกหนแห่ง
ผู้ยากจนเรียกร้องว่าของแพง
ผู้ดีแกล้งขึ้นราคาหากำไร
เจ้าคางคกยกปัญหาว่าคนโง่
ชอบทำโชว์เอาหน้าหาเครื่องใช้
อยากได้หน้าจึงเป็นทุกข์ไม่สุขใจ
ของเครื่องใช้หามาไว้เกินจำเป็น
รถเป็นล้านบ้านหลังใหญ่ไม่สิ้นสุด
ยุ่งไม่หยุดพอไม่ได้ใจมันเต้น
มีห้องแอร์อาศัยใจไม่เย็น
ต้องวิ่งเต้นไม่เป็นสุขทุกเวลา
ปัจจัยสี่เพิ่มทวีเป็นสี่ร้อย
สิ่งใช้สอยมากมายอยากได้หน้า
ต้องวุ่นวายขวยขวายให้ได้มา
สร้างปัญหาไม่เว้นเห็นแก่ตัว
เจ้าคางคกยกตนหยามคนยับ
ยืนสดับข้างตอพอเห็นหัว
มันว่าคนชอบเล่นเห็นแก่ตัว
ชอบทำชั่วทุกอย่างต่างพวกมัน
ชาติคางคกทั้งหลายไม่โลภหลง
ต่างประสงค์ส่งเสริมเพิ่มสุขสันต์
สามัคคีปรองดองพี่น้องกัน
ไม่กีดกันแก่งแย่งแข่งกันรวย
ไม่เคยทุกข์เพราะจนบ่นอยากได้
ไม่เคยจ่ายซื้อหามาเสริมสวย
ไม่เคยใช้วาจาว่าข้ารวย
แม้ยามป่วยไม่เคยขอหมอฉีดยา
ไม่เคยทุกข์เพราะรักหักใจได้
คิดถึงตายใจสลดลดตัณหา
ไม่เคยทุกข์เพราะชังหลั่งน้ำตา
ไม่เคยบ้าบนบานศาลพระภูมิ
พูดจบพลางทำท่าโดดเคลื่อนที่
เบือนหน้าหนีมุ่งตรงลงก้นหลุม
โดดจากฝั่งหันหลังเสียงดังตูม
นั่นคือภูมิลำเนาของเขาเอง
20 พฤศจิกายน 2547 22:34 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
ฝ้ายขาวเอาผูกแขน..........................มัดใจแน่นวันบายศรี
เกี่ยวดองปรองฤดี............................ด้ายเส้นนี้ผูกมัดใจ
หนึ่งคนหนึ่งดวงจิต..........................เป็นหนึ่งมิตรหนึ่งชิดใกล้
หนึ่งรวมหลอมดวงใจ.......................ผูกรักไว้ด้วยศรัทธา
ด้วยมาลย์หวานละมุน.......................ด้วยไออุ่นกรุ่นดวงตา
ด้วยเข้มแข็งด้วยแกร่งกล้า...............ด้วยศรัทธาจะคว้าชัย
ฝ้ายขาวแทนใจนี้.............................รวมน้องพี่ด้วยอาลัย
ร่วมโหมโถมถั่งไฟ............................รวมขวัญไว้เป็นหนึ่งเดียว
หยิบฝ้ายขาวผูกแขนแทนคำขวัญ
ผูกสัมพันธ์สรรสร้างวางวิถี
เป็นพวงย้อยร้อยรักสามัคคี
ผูกไมตรีมีพลังยั่งยืนนาน
โอ้ขวัญเอยขวัญหล้าอย่าลอยล่อง
จงปรองดองผองเผ่าเนาสถาน
โอ้ขวัญหล้าอย่าหลงจงชื่นบาน
สมัครสมานกันไว้ให้มั่นคง
ให้ขวัญยืนชื่นบานเป็นฐานแท่น
เป็นปึกแผ่นแน่นหนาอย่าไหลหลง
ขวัญเจ้าเอยเชยชื่นอยู่ยืนยง
ให้ดำรงคงมั่นนิรันกาล
ฝ้ายผูกแขนกู่เรียกขวัญอันวิจิตร
กระชับมิตรสนิทแน่นเป็นแก่นสาร
เป็นพลังสร้างสมอุดมการณ์
เป็นรากฐานศานติวิวัฒนาฯ
19 พฤศจิกายน 2547 20:15 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
ขอสละรักนี้พี่ลาก่อน
ไม่เว้าวอนวุ่นวายด้วยอายเขา
พี่แพ้พ่ายยับเยินเกินบรรเทา
ขอเก็บเอาดวงใจไปดูแล
ถึงแม้นพี่แสนรักต้องหักจิต
ด้วยชีวิตลิขิตใจให้พ่ายแพ้
เก็บความชอกช้ำใจในดวงแด
ไปหาแม่ที่รักแท้ไม่แง่งอน
ได้ซบตักพักร้อนผ่อนความเศร้า
แม่กล่อมเสียงแผ่วเบาพร้อมกล่าวสอน
หลับเถิดหนาลูกจ๋าอย่าอาวรณ์
จงพักผ่อนหลับตาอย่าร้อนรน
หยาดน้ำตาหลั่งหยดรดตักแม่
ใช่หลั่งแก่น้องพี่ที่สับสน
แต่หลั่งให้รักแท้แน่กมล
ไม่สับสนแน่แท้ คือ แม่เรา
19 พฤศจิกายน 2547 20:01 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
รู้สึกมีมือใครลูบใบหน้า
ใช้มือปาดน้ำตาให้กับฉัน
ใจคิดตรึกนึกว่าขวัญชีวัน
แต่ที่แท้มือ แม่ ฉันคนนั้นเอง
เผลอตัวหลับพับไปไม่รู้สึก
ก้อนสะอึกจุกใจใครข่มเหง
เพียงเพราะรักมากไปไม่กลัวเกรง
ทำเป็นเก่งเบ่งกล้ามไม่ห้ามใจ
ผลสุดท้ายต้องผวากลับหาแม่
หอบใจแพ้พ่ายพังเกินรั้งไหว
สู่อ้อมแขนแน่นหนาเกินกว่าใคร
อบอุ่นไอรักแท้หนอ แม่ เรา
..ไม่เป็นไรลูกแม่หากแพ้พ่าย
จงพักใจพักกายให้คลายเหงา
มาหนุนตักแม่นี้ที่บ้านเรา
คลายรักเร้ารุ่มร้อนให้ผ่อนคลาย..
19 พฤศจิกายน 2547 19:48 น.
หิ่งห้อย เพียงดิน
เจ้านกเอ๋ยเจ้าพรากจากถิ่นที่
เจ้ามาหนีจากคอนเจ้านอนไหน
เจ้ามาทิ้งแดนดินถิ่นเกิดกาย
เจ้าห่างหายทิ้งไว้เพียงรังนอน
เจ้าทิ้งทุ่งรวงทองทิวท้องทุ่ง
เจ้าหมายมุ่งสิ่งใดใครจะสอน
เจ้าผิดพลาดพลั้งไปใครอาทร
เจ้าเร่าร้อนดวงใจใครจะแล
เจ้าหิวโหยโรยราหาที่ไหน
เจ้าร้องไห้มีใครมาแยแส
เจ้าหมองหม่นเมื่อโดนคนรังแก
เจ้าย่ำแย่ท้อแท้ใครปลอบโยน
เจ้าเหน็บหนาวเจ้าร้อนใครผ่อนผัน
เจ้าเจ็บสั่นหวั่นไหวใครเขาสน
เจ้าเปียกปอนอ่อนล้าน้ำตาล้น
เจ้าสับสนหนทางใครบ้างนำ
เจ้าแกร่งกล้าเพียงใดเมื่อไร้ที่
เจ้าเกษมเปรมปรีย์มีสุขล้ำ
เจ้าหลงทางหรือใครมาครอบงำ
เจ้าจึงไม่จดจำหนทางเดิน
เจ้านกเอ๋ยเจ้าถลาบนฟ้ากว้าง
เจ้าทิ้งทุ่งให้ร้างเจ้าห่างเหิน
เจ้าหลงทางหายห่างจากทางเดิน
เจ้าหลงเพลินสิ่งใดไม่กลับรัง