19 พฤศจิกายน 2547 13:42 น.

ตาสีขี้ขอ

หิ่งห้อย เพียงดิน

ฤดูกาลผ่านไปไม่หยุดยั้ง		
นี่ก็ย่างเข้าหน้าหนาวเข้ามาแล้ว
พวกผู้เฒ่าหลายคนบ่นกันแซว		
คงไม่แคล้วนอนคว้างข้างกองไฟ

เสียงตาสีขี้กลัวผัวยายเป้า		
บ่นว่าหนาวเหลือล้นทนไม่ไหว
ตะโกนสั่งยายเป้าไปเอาไฟ		
รีบเร็วไวหากช้าข้าหนาวตาย

เสียงตาสีสั่นรัวกลัวความหนาว	
ทั้งมือเท้าสั่นระริกเป็นหงิกหงาย
แกบ่นซ้ำว่าข้านี้กลัวตาย			
แกใจร้ายตะโกนด่าว่าฟ้าดิน

แกผิงไฟสักครู่ดูสดชื่น		
แกลุกยืนหันหลังบังก้อนหิน
แกกลัวร้อนด่าไฟให้ได้ยิน		
แกเล่นลิ้นออดอ้อนแหมร้อนเกิน

แกกลัวร้อนกลัวหนาวในคราวนั้น	
ตะโกนลั่นด่าไฟไม่เคอะเขิน
แกขี้ขลาดตาขาวเอาเหลือเกิน		
ทั้งยืนเดินแกสาปแช่งระแวงภัย

แกกลัวแดดกลัวลมระทมทุกข์	
ไม่เป็นสุขสับสนทนไม่ไหว
แกกลัวยากกลัวจนบ่นเรื่อยไป		
แกชอบไหว้ผีประกำพร่ำขอพร

ท่านเจ้าเขาเฒ่าหลวงบวงสรวงไหว้
อย่าใจร้ายเลยหนอขอไว้ก่อน
หลวงอุดมเจ้าป่าข้าขอวอน		
ความเดือดร้อนโรคภัยอย่าได้มี

ขอให้ร่ำขอให้รวยอย่าป่วยไข้		
ให้สดใสดีเด่นเป็นเศรษฐี
ขออายุอย่างน้อยร้อยสิบปี		
ขอให้มีเมียสาวอีกเก้าคน

เสียงตาสีขี้ขอบ่นอ้อแอ้	         	
ขอมากแท้แม้สาวเฒ่ายังสน
แกชอบเปลี่ยนสูงต่ำไม่ซ้ำคน		
แกชอบบ่นบุ้ยใบ้ใช้คารม

แกชอบขอชอบคิดผิดธรรมะ	
ไม่ลดละพิธีเกินเพลินสะสม
พิธีแก้แก่เก่าเฒ่านิยม			
ไม่เลิกล้มหาผลเพื่อตนเอง

ขอให้ร่ำขอให้รวยใครช่วยได้		
ทรัพย์ทั้งหลายได้มาด้วยหาเก่ง
ใช่เพียงเอ่ยคำขอก็มาเอง			
ต้องรีบเร่งค้าขายจึงได้มา

ขออย่าเจ็บขออย่าไข้ใครขอได้		
อยู่เมืองไหนแหล่งใดให้ถามหา
แม้แต่หมอยังเจ็บไข้อยู่ใกล้ยา		
อย่าคิดว่าเอ่ยขอก็ปลอดภัย

ขอให้สุขสดใสในชีวิต			
โดยไม่คิดทำดีมีที่ไหน
เพียงเอ่ยขอก็ได้ดีนั้นมีใคร		
จงวิจัยไตร่ตรองมองความจริง

ขออายุเกินร้อยหนอยขอได้		
เหตุไฉนไม่ละอายหนอชายหญิง
ไม่เคยคิดคำนึงถึงความจริง		
ชนชายหญิงตระกูลใดไม่เคยตาย

บ้างก็ทำพิธีขอต่ออายุ			
ไม่บรรลุรู้แจ้งแห่งความหมาย
พิธีพราหมณ์พิธีพรหมหลงงมงาย		
ผลสุดท้ายขอไม่ได้ตายทุกคน

เพราะตาสีขาดปัญญามาประกอบ	
จึงชมชอบทางผิดจิตสับสน
ต้องวุ่นวายหลายอย่างเข้าข้างตน		
ทุกข์ท่วมท้นทับทวีทุกวี่วัน

ตาสีเอ๋ยอย่าโง่โถทำได้		
อันความตายได้รับแน่ไม่แปรผัน
ความเจ็บไข้ได้รับแน่แก่ทุกวัน		
จงขยันนึกถึงตายสบายดี

ตัวตาสีมีหนังหุ้มบังอยู่
จงรับรู้รูปปราณสังขารนี้
มันจะอยู่ทนทานนานกี่ปี
ตัวตาสีไม่เห็นมีอะไรทน

กายก็แห้งแรงก็หดหมดสภาพ
ผิวก็หยาบฟันก็พังหนังก็ย่น
ตัวตาสีมีสิ่งใดใช้ได้ทน
ถึงจะบ่นถึงจะขอก็เหมือนเดิม

อวัยวะมือเท้าท่านกล่าวว่า
ยืมเขามาชั่วคราวท่านกล่าวเสริม
อันความตายไงเล่าเจ้าของเดิม
ทยอยเริ่มเก็บตาหูเข้าสู่คลัง

เก็บเอาฟันตาสีไม่มีเหลือ
เก็บเอาเนื้อเอานิ้วทั้งผิวหนัง
งวดสุดเก็บกายตายผุพัง
เผาหรือฝังในคลังใหญ่ได้แก่ดิน

หยุดงมงายเสียทีตาสีเอ๋ย
หยุดเอื้อยเอ่ยคำขอต่อภูหิน
หยุดอ้อนวอนเทวาและฟ้าดิน
มาถือศีลภาวนาดีกว่าเอย				
18 พฤศจิกายน 2547 12:56 น.

ฅ. ฅน

หิ่งห้อย เพียงดิน

ฅ. ฅนชาวนา                ค้าขายไม่คล่อง  
ระแหงระหอง                 หมองหม่นล้นปรี่
อยู่อย่างกลัดกลุ้ม            ตกหลุมหลายที
ลำบากคลุกคลี                อยู่ที่ไร่นา

งานหนักรับเอา              งานเบารับได้
เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย         อยู่ที่ชายป่า
ชีวิตแสนเศร้า               นอนเฝ้าโรงนา
ได้ผลิตผลมา                  ฅนคว้าไปกิน

ทำนาเลี้ยงฅน                ทุกข์ทนลำบาก
ฅนกินมีมาก                   ลำบากหนี้สิน
ทำนากับมือ                    แต่ซื้อข้าวกิน
ไม่จบไม่สิ้น                    ฅนกินแรงฅน

บางครั้งฅนเบ่ง               ข่มเหงใจกัน
แบ่งฅนชนชั้น                เผ่าพันธุ์สับสน
ฅนฉวยโอกาส                ฉลาดโกงเหนือฅน
ไปไหนไม่พ้น                 ชีวิตฅนชาวนา

โปรดเถิด ฅ. ฅน             ขอคนเปิดใจ
ขอฅนได้ไหม                  หัวใจชาวนา                 
ฅ. ฅนผู้ดี                        ไม่มีปัญหา
ฅ. ฅนชาวนา                   ปัญหามากมี ฯ				
18 พฤศจิกายน 2547 12:52 น.

ทะเลใจ

หิ่งห้อย เพียงดิน

ทะเลใจไหลเดือดไม่เหือดแห้ง
ลงออกแรงแหวกว่ายตั้งหลายหน
เคยหมดแรงอ้างว้างกลางสายชล
เคยสับสนชลธีมีคลื่นลม

ทะเลใจไหลหลั่งยังเดือดพล่าน
กระแสธารเล็กใหญ่ไหลผสม
กระแสใจไหลเปลืองเรื่องสังคม
ขยะถมทับทั่วทะเลใจ

เราแหวกว่ายสายธารคงผ่านยาก
จะข้ามฟากถึงฝั่งยังหวั่นไหว
ทะเลเดือดเลือดฉีดขีดหัวใจ
กว่าจะข้ามฝั่งได้ไร้เรี่ยวแรง

กระแสธารม่านหมอกหลอกให้หลง
คลื่นซัดลงหลอกใจให้ไกวแกว่ง
ทะเลกว้างกางรอบขอบฟ้าแดง
ทะเลแห่งกระแสใจไหลวกวน

กระแสใจไหลวนคนทั้งโลก
กระแสโศกไหลทับให้สับสน
กระแสสุขไหลเข้าเคล้าระคน
กระแสคนวนว่ายสายนที

ทะเลใจสายเลือดไม่เดือดดับ
วกไหลกลับกลิ้งกลอกระลอกถี่
จะข้ามฟากให้พ้นชลธี
แม้จะมีคลื่นซัด.กัดฟันทน

อุปสรรคมากมีที่เราพบ
หากสยบยอมแพ้ตั้งแต่ต้น
ไฉนเลยเงยหน้ากล้าสู้คน
สุดท้ายวนเวียนพ่ายทะเลใจ				
17 พฤศจิกายน 2547 22:55 น.

ใครดี ใครดื้อ

หิ่งห้อย เพียงดิน

เสียงฟ้าร้องก้องนภายามหน้าฝน
เมฆเบื้องบนสีครามงามสดใส
กระยางเจ้าขาวผ่องเหินล่องไป
มวลแมกไม้ออกช่อลออตา

เสียงอึ่งอ่างครางระงมผสมผสาน
วิเวกหวานจับใจกระไรหนา
กาเหว่าเจ้าเสียงหวานขานรับมา
แดนท้องนาวันนี้มีครื้นเครง

อบ..อบ..กบร้องรำตามประสา
น้ำในนาไหลลงคูดูโหลงเหลง
กบน้อยใหญ่พร้อมใจกันร้องเพลง
ไม่ข่มเหงรังแกเพื่อนเหมือนคนเรา

ณ บัดนั้นกบผู้เฒ่าป่าวประกาศ
เตือนเหล่าญาติพี่น้องของกบเฒ่า
ท่านทั้งหลายเป็นกบเคารพเรา
เป็นผู้เฒ่าเราเกิดก่อนจะสอนธรรม

ประเพณีมีไว้ให้จำศีล
ออกหากินได้ชั่วคราวเช้าเย็นค่ำ
หมดหน้าฝนต้องอดทนถือศีลธรรม
ยามฝนพรำเราอภัยให้หากิน

อย่าเอาอย่างมนุษย์มนาปัญญาหยาบ
สร้างแต่บาปทุกมื้อไม่ถือศีล
อยู่เพื่อกินอยู่เพื่อนเล่นเป็นอาจินต์
เห็นแก่กินแก่งแย่งไม่แบ่งปัน

กินเพื่ออยู่เตรียมเข้ารูอยู่จำศีล
อย่าหลงกลิ่นติดรสจงอดกลั้น
อย่าเอาอย่างพวกมนุษย์สิ้นสุดกัน
มนุษย์นั้นรูปกลิ่นรสเหมาหมดเลย

ณ บัดนั้นกบคำนับสดับนิ่ง
ไม่มีสิ่งรบกวนชวนเฉลย
กบผู้เฒ่าจึงเล่าต่อขอชมเชย
ลูกหลานเอ๋ยจงฝึกหัดดัดกายใจ

เจ้ากบสาวกบหนุ่มสองกลุ่มนั้น
จงขยันหมั่นขุดรูอยู่อาศัย
จงหลบหลีกให้พ้นคนจัญไร
พวกมือไวถ้าจับได้ตายแน่นอน

โอ้คนไซร้เห็นแก่ได้ไม่อายบาป
จิตใจหยาบต่ำช้ากว่าตัวหนอน
จับกบได้หักขาไม่อาวรณ์
กบเดือดร้อนช่างประไรให้เขาสบาย

พวกกบแก่ก็อย่าเพลินเกินวัยแก่
จงเผื่อแผ่อย่าพัวพันสำคัญหมาย
อย่าหลงร่างติดรูว่าอยู่สบาย
คิดถึงตายไว้ให้บ่อยหัดปล่อยวาง

อย่าทำอย่างพวกมนุษย์สุดโง่เขลา
ยิ่งแก่เฒ่ายิ่งโลภมากไม่อยากห่าง
แก่ใกล้ตายยังอยากได้ไม่จืดจาง
ไม่ละวางแม้สุดท้ายอยากได้โลง

กบตัวเมียแก่แก่เป็นแม่บ้าน
อย่าคิดอ่านกินสุราตราแม่โขง
มีเงินทองก็ต้องถือไว้ซื้อโลง
อย่าขี้โกงเอาไปก๊งจงจดจำ

อย่าเอาอย่างยายเฒ่าคนชาวบ้าน
ด่าลูกหลานยามเมาทุกเช้าค่ำ
เมาทุกวันแถมเกียจคร้านงานไม่ทำ
ยังมีคำด่าลูกหลานท่านให้ดี

พวกกบหนุ่มมาประชุมเป็นกลุ่มใหญ่
จงตั้งใจฟังบรรยายต่อไปนี้
ช่วยดูแลแก้ปัญหาสามัคคี
ประเพณีอันดีงามอย่าข้ามไป

อย่าเอาอย่างหนุ่มไทยสมัยนี้
ชวนกันตีชวนกันต่อยไม่ค่อยใส
ใช้เงินเก่งข่มเหงพ่อขอเรื่อยไป
ล้วนนิสัยเสเพลเนรคุณ

กบสาวรุ่นหุ่นสวยอย่าขวยเขิน
อย่าเพลิดเพลินเพลงสตริงวิ่งกันวุ่น
ให้รู้จักกตัญญูผู้มีคุณ
รู้บาปบุญคุณโทษอย่าโกรธกัน

อย่าเอาอย่างลูกสาวของชาวบ้าน
ไม่เอาการเอางานอ่านแฟชั่น
พากันดิ้นพากันเต้นไม่เว้นวัน
ชักชวนกันเข้าร้านผลาญเงินทอง

เยาวชนกบน้อยอย่าปล่อยปละ
อุตสาหะเขียนอ่านขยันท่อง
อันวิชาเป็นที่มาแห่งเงินทอง
จำเป็นต้องรู้ไว้ไม่เสียงาน

อย่าเอาอย่างลูกซนของคนเขา
พอตื่นเช้าก็หายลับไม่กลับบ้าน
หนีโรงเรียนมั่วสุมกลุ่มอันธพาล
กวนชาวบ้านร้านถิ่นสิ้นนิยม

ณ บัดนั้นฝนซาเวลาบ่าย
ผู้บรรยายเหนื่อยมากจนปากขม
มีแถมท้ายอีกนิดปิดอบรม
ขอเอ่ยชมชาวกบที่พบกัน

กบมันดื้อหรือคนดีชี้บอกด้วย
คิดจนป่วยคิดไม่ออกช่วยบอกฉัน
ถ้าใครดีจะเอาอย่างแถมรางวัล
จะเสกสรรเป็นบทกลอนไว้สอนตน				
17 พฤศจิกายน 2547 16:15 น.

มรดกพ่อ (จดหมายจากพ่อ ฉบับที่ ๒)

หิ่งห้อย เพียงดิน

มรดกตกทอดตลอดไป
ที่พ่อให้ไปนั้นหมั่นรักษา
ความลำบากไงเล่าเจ้าลูกยา
จงรักษาอย่าท้อพ่อขอเตือน

ความลำบากหากรักษาจะพาสุข
เจ้าจงลุกแล้วลำบากมากกว่าเพื่อน
ความลำบากจงรักษาอย่าแชเชือน
พ่อขอเตือนอย่าเบือนหน้าระอาใจ

ความลำบากลากเจ้าเข้าขุมทรัพย์
เจ้าจงรับกับความจริงสิ่งที่ให้
มรดกพ่อขอมอบหอบเอาไป
นำไปใช้ให้เป็นเห็นดีเอง

ความลำบากมากด้วยทรัพย์นับไม่ถ้วน
เจ้าสมควรด่วนใช้ให้รีบเร่ง
ความลำบากหากรักษาทรัพย์มาเอง
ไม่ต้องเกรงตกอับทรัพย์จำเริญ

มรดกพ่อขอมอบตอบแทนให้
จงรับไปใช้ให้ถูกลูกอย่าเขิน
ความลำบากหากเจ้าปรับแลกกับเงิน
ค่าสูงเกินประเมินขายมิได้เลย

ความลำบากพ่อฝากเจ้าเอาไปเถิด
จะก่อเกิดขุมคลังดั่งเฉลย
ทรัพย์ที่ดีกว่านี้ไม่มีเลย
ลูกพ่อเอ๋ยรับลำบาก...พ่อฝากมา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย เพียงดิน
Lovings  หิ่งห้อย เพียงดิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย เพียงดิน
Lovings  หิ่งห้อย เพียงดิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหิ่งห้อย เพียงดิน
Lovings  หิ่งห้อย เพียงดิน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหิ่งห้อย เพียงดิน