12 กรกฎาคม 2554 23:56 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
ผู้โดยสาร: ไป...ครับ
แท็กซี่: โอเค...น้องๆ ตั้งแต่เพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล อะไรๆก็ดีขึ้นอะ ไอ้นู่นก็ดี ไอ้นี่ก็ดี บลาๆๆ... อภิสิทธิ์ไม่ได้เรื่อง ไอ้นู่นก็เลว ไอ้นี่ก็เลว บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: เอ่อ...
แท็กซี่: ทักษิณเป็นพระเจ้า ยิ่งลักษณ์เป็นนางฟ้า อภิสิทธิ์เป็นซาตาน บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: คือ...
แท็กซี่: ทักษิณอัจฉริยะ ยิ่งลักษณ์ฉลาดโคดๆ อภิสิทธิ์โง่เง่า บลาๆๆ...
ผู้โดยสาร: พี่ครับ!!!
แท็กซี่: ว่าไงน้อง
ผู้โดยสาร: ผมก็ชอบนโยบายเค้านะพี่ ผมว่ามันดีมากๆเลย
แท็กซี่: ใช่เลยน้อง
ผู้โดยสาร: เนี่ยโดยเฉพาะนโยบายลดภาษีรถคันแรก พี่คิดดู นิสสันมาร์ชตัวท็อบคันละสี่แสนนิดๆ ลดภาษีไปแสนนึงเหลือแค่สามแสน ยิ่งถ้าเป็นรุ่นล่างๆหน่อย เหลือแค่สองแสนกว่า แถมไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีเงินผ่อน เพราะมีนโยบายเงินเดือนขั้นต่ำหมื่นห้า ทีนี้ใครๆก็ซื้อรถได้แล้ว ใช่มั้ยพี่
แท็กซี่: อืม ใช่ๆ
ผู้โดยสาร: แถมยังมีนโยบายราคาน้ำมันไม่เกิน 35 บาท ทีนี้ละ จะได้มีรถขับกันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้ขึ้นแท็กซี่แล้วล่ะ และพี่ก็คงจะยิ่งขับยากขึ้นละ เพราะรถมันเต็มถนน รถติดไปทุกที่ แล้วรถพี่ใช้ lpg รึป่าว เนี่ยเค้าจะปล่อยลอยตัวแล้วจะ ราคาน่าจะพอๆกับเบนซินนี่แหละ พี่ก็ลำบากหน่อยนะ
แท็กซี่: เอ่อ...
ผู้โดยสาร: อ๋อออ แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะ เค้าประกันราคาข้าวเกวียนละหมื่นห้าเหมือนกัน พี่จะกลับไปปลูกข้าวทำนาที่บ้านก็ได้ ราคาดีอยู่ แต่ก็ระวังหน่อยนะพี่ ถ้าน้ำท่วม เพลี้ยลง หรือโดนขโมยเกี่ยวข้าว ไม่มีข้าวไปจำนำ พี่ก็อดนะ เพราะเค้าไม่ให้พี่ประกันรายได้แล้ว เพราะนโยบายมันกาก อภิสิทธิ์โง่ คิดได้ไงไม่รู้
แท็กซี่: คือ...
ผู้โดยสาร: หรือพี่จะมาหางานรับจ้างอย่างอื่นทำก็ได้นะ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 แน่ะ เดือนนึงได้ตั้ง 9000 แต่พี่ก็ต้องขยันๆ หน่อยนะ เห็นได้ข่าวว่าตอนนี้พวกเขมร กำพูชา เข้าประเทศไทยเพราะอยากได้ค่าแรง 300 แล้วทักษิณก็บอกว่าให้เฉพาะในกรุงเทพนะพี่ พี่ก็ต้องมาแย่งชิงหางานกันในกรุงเทพนี่แหละ อยู่กันเยอะๆ อบอุ่นดีนะพี่ ว่ามั้ย
แท็กซี่:....
ผู้โดยสาร: นโยบายเพื่อไทยเทพมากๆอ่ะ คิดได้ไงไม่รู้ ผมล่ะรักทักษิณมากเลย ยิ่งลักษณ์ก็เหมือนกัน ทำไมถึงเพิ่งมาก็ไม่รู้ ถ้าตอนที่ทักษิณเป็นนายกแล้วยิ่งลักษณ์มาช่วย บ้านเมืองเราจะเจริญขนาดไหน ป่านนี้ผมคงขับรถไปทำงานเอง ไม่ต้องมารบกวนพี่ให้ไปส่งหรอก
แท็กซี่:....
ผู้โดยสาร: อ่าวพี่ ทำไมเงียบอะ ...พระเจ้าไง ทักษิณน่ะ อัจฉริยะโคดๆ หล่อก็หล่อ รวยก็รวย...พี่... (อิอิ อุอุ อะอะ สะจายยย)
2 กรกฎาคม 2554 21:18 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
กราบเท้าคุณพ่อที่รักและคิดถึง
พ่อคะ หนูไม่ได้เขียนจดหมายถึงพ่อนานเลยนะคะ คิดถึงพ่อจังเลยค่ะ พ่อคิดถึงหนูบ้างไหมคะ ?
ตอนนี้หนูกลับบ้านค่ะ บ้านที่บนดอยหนาวมาก มีทั้งลมและฝนตกปรอย ๆ ทั้งวันทั้งคืน หนูก็ยังคงแพ้อากาศหนาวเหมือนเดิม ตัวแดงแล้วก็คัน
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะชนะสักทีนะคะ ^^" หนูต้องอาศัยยาแก้แพ้เป็นที่พึ่งอีกแล้วค่ะ ถ้าไม่มียาช่วยหนูคงต้องอยู่ในรถแล้วเปิดฮีตเตอร์
ไม่งั้นก็ต้องนอนคลุมโปงทั้งวันทั้งคืนไม่ต้องทำอะไร แต่หนูต้องทำโรงเพาะเห็ดให้แม่ จริง ๆ แล้วตั้งใจไว้ว่าจะเปลี่ยนเล้าหมูให้เป็นโรงเพาะเห็ด
แต่หมูแม่ยังขายไม่หมด เล้าที่ว่างก็ยังไม่ได้ล้าง กลิ่นยังคงเหม็นอยู่ หนูก็เลยทำแบบง่าย ๆ เพาะเสียที่โรงจอดรถข้างบ้านนั่นเองค่ะ
หนูซื้อก้อนเห็ดมาแค่ 200 ก้อน ใช้พื้นที่ไม่เยอะ หนูก็ทำแบบง่าย ๆ แม่เห็นแล้วก็ขำ เออ.... มันก็ทำง่ายจริง ๆ เสียด้วย ^ _ ^
วิธีทำของหนูก็คือ มองไปรอบ ๆ แล้วก็หาอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ เห็นถังน้ำ 200 ลิตร อยู่ 2 ใบ อิฐบล็อกที่เหลือจากสร้างบ้าน บันใดไม้ผุ ๆ ผ้าเต้นท์เก่า ๆ
โอเค ใช้ได้ แล้วหนูก็นำอิฐบล็อกมาวางประมาณ 10 ก้อน นำก้อนเห็ดมาวางซ้อน ๆ ขึ้นไปบนอิฐ นำถังมาวางข้างละใบกันก้อนเห็ดไถลลง
เสร็จแล้วก็นำบันใดไม้เก่า ๆ วางพาดบนถัง แล้วก็นำผ้าเต้นท์ปิด น้ำก้อนอิฐทับบนเต้นท์อีกที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย โรงเพาะเห็ดมั่ว ๆ ของหนู
แหม.... ก็หนูทำแบบด่วน ๆ แค่ให้แม่ลองเพาะดูก่อน ไม่รู้ว่าอากาศบนดอยจะเพาะได้ดีแค่ไหน ถ้าได้ผลดี หนูก็เตรียมที่ไว้ให้แม่แล้วค่ะ
หลังบ้านตรงริมแท้งค์น้ำ ใต้ซุ้มมะระหวานก็ปรับเป็นที่เพาะเห็ดได้เหมือนกัน ถ้าเห็ดชุดนี้ขึ้นดี หนูค่อยมาทำเพิ่มค่ะ ^o^
พ่อคะ แม่ได้อยู่บ้านใหม่แล้วนะคะ บ้านใหม่ของแม่มีหลังคาสีฟ้า (สีที่หนูชอบ) 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว
ห้องโถงกลางบ้านกว้างมาก (ตั้งได้หลายวง อิ ๆ ๆ ๆ) กลางวันแม่ก็พาพี่ชายออกมานั่งดูทีวีทั้งวัน บางทีพี่ชายก็นั่งเก้าอี้
บางทีพี่ชายก็นอนบนเสื่อ พื้นเย็นมากขึ้นดอยเที่ยวนี้หนูซื้อพรมมาด้วย แม่ก็ไม่อยากปู เพราะเสียดาย แหม.... ก็ซื้อมาให้ใช้เนาะ ไม่ได้ซื้อมาให้เก็บ
หนูปูไว้หน้าทีวีค่ะ แล้วพี่ชายก็ลงมานอน หนูก็เลยหยิบหมอนกับผ้าห่มออกมาให้ พี่ชายหลับปุ๋ย อุ่นสบาย ท่าทางมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ
บ้านหลังใหม่ของแม่หลังคาไม่รั่ว ก่อนหน้านี้แม่อยู่บ้านหลังเก่า เวลาฝนตกทีไรหลังคาก็รั่วทุกที แม่ต้องหาถังมารองตรงจุดที่รั่ว
แม่เล่าให้ฟังว่า.... บางทีฝนก็ไหลลงที่นอน แม่ก็ต้องลุกมาหาจุดที่ฝนไม่รั่ว ต้องย้ายกันทั้งคืน * __ ~
พ่อคะ ตอนนี้หนูกับแม่วางแผนไว้ว่าจะทะยอยสร้างบ้านไว้ให้เช่าค่ะ ตอนนี้แม่ก็เก็บค่าเช่าห้องแถวของหนูได้เดือนละ 6,000 หนูโอนให้แม่อีกทุกเดือน
แม่ก็ซื้อไม้ ซื้ออิฐเตรียมไว้ ถ้ามีรถแม็กโครขึ้นดอย ก็จะถมที่ไว้ค่ะ หมู่บ้านของเรากำลังจะเปิดสอนถึงระดับมัธยมปลายครูก็จะเยอะขึ้น ที่พักคงจะไม่พอค่ะ
ผอ.เคยมาขอเช่าบ้านแม่ให้ครูพักด้วยค่ะ แม่ก็เลยกั้นห้องแบบง่าย ๆ ให้ครูอาศัยอยู่ด้วย แม่ก็ไม่ได้เก็บค่าเช่าหรอกค่ะ แบ่งกันอยู่ ๆ ไปแบบง่าย ๆ
เมื่อขยายโรงเรียนก็ต้องรับครูเพิ่มมากขึ้น ครูก็จะไม่มีที่พัก แม่กับหนูก็เลยจะทำบ้านไว้ให้ครูเช่าค่ะ อีกหน่อยแม่ก็จะกลายเป็นเสีอนอนกินไงคะ ^ _ ^
ช่วงนี้หนูก็ต้องทำงานมาก ๆ หาเงินเยอะ ๆ เพราะที่บนดอยไม่มีโฉนด ไม่สามารถนำไปกู้เงินเพื่อมาสร้างได้
หนูไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพราะกลับบ้านทีก็ใช้ตังค์เยอะค่ะ พ่อช่วยดูแลแม่และพี่ชายด้วยนะคะ อย่าให้เจ็บ อย่าให้ป่วย
หนูจะได้ทำงานอย่างสบายใจ ขึ้นดอยคราวนี้ หนูไปดูสวนของพี่โย่งด้วย ส่วนพี่ฮัวก็ขึ้นดอยมารับหนูไปนอนสวนที่อมก๋อย 1 คืน
พ่อคะ พี่ฮัวลูกสาวของพ่อขยันมาก ปลูกพริก ปลูกมะเขือเทศประมาณยี่สิบกว่าไร่ ตอนนี้พี่ฮัวสร้างบ้าน + โกดังไว้ที่สวนแล้วค่ะ เพราะพี่ฮัวเลิกกับสามี ถ้าไม่สร้างบ้านก็ไม่มีบ้านอยู่
ส่วนหลานเจมส์ก็ไปอยู่กับยายที่บนดอยค่ะ แม่บ่นว่าหลานขี้เกียจตื่น ^ _ ~ ก็ธรรมดาของเด็กนะคะ อากาศบนดอยหนาวมากนินา เนาะพ่อเนาะ
หลานเจมส์เลี้ยงง่ายค่ะพ่อ กลับจากโรงเรียนก็หาข้าวหาปลากินเอง บางทีก็ทำข้าวผัดกิน ไม่ต้องให้ยายหาให้ แต่หลานจะติดการ์ตูนกับเกมส์
หนูก็บอกแม่ว่าปล่อย ๆ หลานบ้างเถอะ หลานเล่นอยู่บ้านน่ะดีแล้ว ดีกว่าให้หลานไปเที่ยวเกเรกับเพื่อน ดีไม่ดีจะติดยาเอาง่าย ๆ
วันเสาร์พี่ฮัวจะส่งหนูกลับดอย เราจะไปปลูกต้นสาละที่วัดกันค่ะ ก่อนกลับบ้านหนูแวะซื้อต้นสาละที่วัดพระนอน ฯ จ.สิงห์บุรี 7 ต้น
ต้นสาละ เป็นต้นไม้ที่สำคัญของศาสนาพุทธค่ะ พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นสาละไงคะ หนูเพิ่งเคยเห็นต้นสาละตอนที่ไปทำบุญ 9 วัด แถว จ.สิงห์บุรีเมื่อหลายเดือนก่อน
หนูคิดว่าสมัยนี้คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักต้นสาละกันแล้ว ขนาดหนูโตป่านนี้แล้วก็เพิ่งจะรูจักต้นสาละ ส่วนใหญ่จะรู้จักแต่ต้นโพธิ์ ดังนั้น ถ้ามีโอกาสหนูก็จะหาไปปลูกไว้ตามวัดค่ะ
พ่อคะ พี่ฮัว ลูกสาวพ่อเก่งและขยันมากเลยค่ะ พี่ฮัวพาหนูเดินดูสวน ดูนา หนูเดินเสียเหนื่อยเลยค่ะ เดินไปหนูก็ถามโน่น ถามนี่ พี่ฮัวก็อธิบายให้หนูฟัง
หนูสังเกตุเห็นใต้ต้นพริกกับมะเขือเทศมีหลุมเล็ก ๆ ตอนแรกหนูคิดว่าเป็นรูของจิ้งหรีด แต่พี่ฮัวบอกว่าเป็นหลุมที่ทำขึ้นมาเอง แล้วก็หยอดปุ๋ย
เพราะช่วงนี้ฝนตก ถ้าไม่ทำเป็นหลุมฝนจะชะปุ๋ยทิ้งหมด พี่ก็เลยใช้วิธีทำเป็นหลุม แล้วก็ปล่อยให้ปุ๋ยค่อย ๆ ซึมลงไปในดินกว่าจะหมดก็ใช้เวลาประมาณ 20 วัน
ถ้าพ่นปุ๋ยทางใบ พืชจะได้กินปุ๋ยประมาณ 5 - 7 วัน ถ้าหว่าน ฝนก็จะชะไปหมด ดังนั้น วิธีให้ปุ๋ยในหลุมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในฤดูนี้ค่ะ
เดินไปเรื่อย ๆ ตามแปลงพริก ก็เจอคู่อริของหนูค่ะพ่อ อิเมโจไดไงคะ กำลังกินใบพริกกับผลพริกอย่างเอร็ดอร่อย ตัวกลมอ้วนพีเชียวค่ะ หนูเรียกพี่ฮัวมาดู
พี่ฮัวก็เลยบอกว่าพรุ่งนี้คงต้องพ่นยาสังหาร ไม่งั้นพริกจะเหลือแต่ตอ พี่ฮัวบอกว่าคงต้องใส่ยายืดด้วย หนูก็งง.... ยายืดคืออะไรหนอ.... ?
พี่ฮัวบอกว่าพริกก็เหมือนคน คนที่มีผมหยิก ก็ไปยืดให้ตรง ดังนั้น พริกที่งอ ๆ หงิก ๆ ก็พ่นยายืด สัก 1 - 2 วัน พริกก็จะยืดตัวตรง
แปลกดีนะคะพ่อ หนูก็เพิ่งรู้ค่ะว่ามียาแบบนี้ด้วย ^^"
พ่อคะ พ่อไม่ต้องห่วงพี่ฮัวแล้วนะคะ ถึงแม้พี่ฮัวจะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ต้องทำมาหากินเลี้ยงตัวเองและลูกชายวัยรุ่นหนึ่งคน
พี่ฮัวก็เอาตัวรอดได้ค่ะ เมื่อก่อนมีสามี ทำงานงก ๆ ๆ ได้เงินมาก็เป็นของคนอื่น ตอนนี้ทำได้เท่าไหร่ก็เป็นของตัวเอง ปีที่แล้วพี่ฮัวได้รถโฟร์วิล 1 คัน
ได้บ้าน + โกดัง 1 หลัง ปีนี้พี่ฮัวก็เอารถไปเข้าไฟแนนท์ เอาเงินออกมาลงทุนประมาณสามแสน พี่ฮัวไม่อยากรับทุนจากนายทุนค่ะ
ก็เลยลงทุนเอง พี่ฮัวบอกว่าต้องปลูกเยอะ ๆ เวลาของออกจะได้พอส่งแผง เพราะพี่ฮัวส่งแผงเอง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางค่ะ
พี่ฮัวยังช่วยรับซื้อของชาวสวน บางทีพี่ฮัวก็ไปเหมาสวนเพื่อส่งแผงด้วย พริกของพี่ฮัวทั้งใหญ่และยาว แผงชอบมากพี่ฮัวก็เลยได้ราคาดีกว่าคนอื่น 2 บาท
หนูดีใจนะคะพ่อ ปีนี้พี่ฮัวก็คงได้เงินหลายอยู่ค่ะ ถ้าได้เงินพี่ฮัวบอกว่าจะไปสร้างบ้านบนดอย ไปอยู่ใกล้ ๆ แม่แล้วปีหน้าพี่ฮัวจะปลูกที่บนดอย
ส่วนที่อมก๋อยก็อาจจะลงทุนแล้วให้คนอื่นปลูกแล้วค่อยแบ่งกำไรกันค่ะ
อ้อ.... หนูลืมเล่าให้พ่อฟังค่ะ เมื่อวานนี้พี่ซิงโทรมาถามแม่ว่าหนูทำโรงเพาะเห็ดยังไง เพราะพี่ซิงขี้นมาก่อนหน้าหนูแล้วก็ลงดอยไปก่อนหน้าหนู
แม่บ่นว่าพี่ซิงจะทำโน่น นี่ นั่น ยุ่งยาก ต้องจ้างคนมาทำ ต้องทำดี ๆ ใหญ่ ๆ แหม.... เห็ดแค่ 200 ก้อนเอง
หนูก็แค่อยากให้แม่ทดลองเพาะดูก่อน ถ้าได้ผลก็ค่อย ๆ ขยับขยาย แม่ก็เล่าให้พี่ซิงฟังว่าน้องทำของน้องเอง ทำง่าย ๆ ไม่เห็นยุ่งยากสักนิด
ก็จะทำให้ยุ่งยากวุ่นวายทำไมเนาะพ่อเนาะ ทำ ๆ เล่น ๆ แบบหนูนี่ก็น่ารักดีนะพ่อนะ แม่มาดูแล้วแม่ก็ขำ ๆ เออ.... มันก็มั่ว ๆ ของมันไปได้ ^^"
เอาเป็นว่าหนูทำโรงเพาะให้แม่เสร็จด้วยตัวเองก็แล้วกันนะพ่อนะ พี่ซิงก็บ่นกับแม่อีกว่าหนูทำอะไรก็เป็นง่ายไปหมด ก็นะ จะทำให้มันยุ่งยากทำไม เหนื่อยตายเลยนะพ่อนะ
พ่อคะ ฉบับนี้แค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ามีเวลาหนูจะเขียนมาคุยกับพ่อบ่อย ๆ นะคะ พ่อจะได้ไม่เหงา
หนูรักพ่อค่ะ
หนูหิ่ง ฯ
ลูกหล้าของพ่อ
5 มิถุนายน 2554 08:12 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
เรื่องที่หนูหิ่ง ฯ จะเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องของพี่สาว (ลูกของลุง) เหตุเกิดเมื่อปี 53 ที่ผ่านมา
พี่สาวขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋อยู่แถวบางนา ก็เซ้งที่มาจากคนอื่นอีกต่อหนึ่
แต่ไม่ได้เปลี่ยนสัญญาที่สำนักงานเขต รู้สึกว่าจะเปลี่ยนสัญญาไม่ได้จนกว่าจะพ้นระยะเวลา 10 ปี
ต่อมาสามีของผู้หญิงคนที่เซ้ง (เลิกกันไปแล้ว) ก็มาเอาที่คืน โดยการตามไปให้ผู้หญิงคนนี้จดทะเบียนสมรสด้วย
ผู้หญิงคนนี้ก็ยอมจด แล้วผู้ชายก็ใช้สิทธิ์ของสามีมาเอาที่คืน พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ก็เลยต้องย้ายไปขายอีกที่หนึ่งใกล้ ๆ กัน
ผู้ชายคนนี้ก็พยายามร้องเรียนต่าง ๆ นา ๆ พี่สาวของหนูหิ่ง ฯ ก็เครียดมาก เพราะต้องหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน
ค่าเทอมลูกอีก 2 คน (สามีของพี่สาวมีเมียน้อยค่ะ) พี่สาวร้องให้ทุกวัน แต่ก็ต้องออกไปขายทุกวันด้วยความกังวลว่า
เมื่อไหร่จะถูกไล่ เมื่อไหร่เขาจะไม่ให้ขาย เพราะเจ้าของบ้านเขาก็ถูกร้องเรียน เขาก็ไม่อยากให้พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ขายหน้าบ้านเขา
ทั้ง ๆ ที่เขาก็สงสารพี่สาวหนูหิ่ง ฯ เหมือนกัน แต่เขาก็กลัวอิทธิพลของคนที่มาขู่ (หนูหิ่ง ฯ ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครค่ะ)
ต่อมา พี่สาวได้คุยกับลูกค้าคนหนึ่งเป็นลูกค้ามาซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ พี่เขาบอกว่าจะช่วย
หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เจ้าของบ้านก็มาบอกว่า ให้ขายได้ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องย้ายไปไหน พี่สาวของหนูหิ่ง ฯ ดีใจมาก
ก็เลยโทร.มาเล่าให้หนูหิ่ง ฯ ฟัง แถมยังเล่าต่ออีกว่า พี่คนที่ช่วยอยู่พรรคการเมืองที่พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ไม่ชอบ
ส่วนพรรคที่พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ชอบไม่เห็นช่วยอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่เวลามีม๊อบ พี่สาวหนูหิ่ง ฯ ทำน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไปแจก
ไปร่วมกิจกรรมสำคัญ ๆ ของม๊อบแทบทุกครั้ง จนหนูหิ่ง ฯ ต้องบอกให้หยุดบ้าง ตัวเองต้องทำมาหากินเลี้ยงลูก
มัวแต่ไปม๊อบ ๆ ๆ จะพากันอดตาย หนูหิ่ง ฯ เองก็มีภาระเหมือนกันดูแลไม่ไหวหรอก โต ๆ แล้วอย่าให้น้องสอนเลย
เศรษฐกิจแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยคิดช่วยคนอื่น อย่าทำเป็นเตี้ยอุ้มค่อม
แล้วเรื่องม๊อบน่ะ อย่าไปยุ่งกับให้มากนัก เขาเอาอะไรมายัดใส่สมองก็เชื่อเขาไปหมด แล้วเป็นไงตัวเองเดือดร้อนใครเป็นคนช่วย
ด่าเขาเอาไว้มากมาย อายบ้างไหม เขาไม่รู้แต่หนูรู้ เพราะหนูเป็นคนทนฟังพี่ด่าเขาทุกครั้งที่เจอ บางทีไม่เจอยังโทร.มาด่าให้ฟัง
มันอะไรกันนักกันหนา หนูถามพี่สาวว่าที่ด่าเขาน่ะรู้จักเขาไหม คนที่พี่ชมว่าดีนักดีหนาน่ะ พี่รู้จักเขาไหม
เออ.... ก็ไม่รู้จัก ไปฟังเขาพูดก็เชื่อเลยเชื่อเขา คนเขาด่าก็ด่าตามเขา มีหลักฐานนะ มีเทป มีซีดี
คนไทยที่เมืองนอกก็ทำส่งมาให้นะ ฯลฯ นั่น ! พี่สาวหนูหิ่ง ฯ เห่อของนอกซะงั้น
หนูหิ่ง ฯ แวะไปหาพี่สาวเมื่อเดือนก่อน ตอนจะไปตราด พี่สาวก็เล่าให้ฟังว่า
ตอนนี้ผู้ชายคนที่ร้องเรียน ก็เงียบไปแล้ว และก็ไม่มาขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋มาเกือบ 2 เดือนแล้ว
สงสัยว่าจะอายที่ร้องเรียนไปแล้วก็ไม่ได้ผล หรือไงก็ไม่ทราบได้เหมือนกันค่ะ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า รู้หน้า ไม่รู้ใจ ค่ะ ^__^
4 มิถุนายน 2554 07:33 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
กราบเท้าคุณพ่อที่เคารพ
พ่อคะ พ่อกับพี่หรั่งสบายดีไหมคะ พี่หรั่งทำต้มจับฉ่ายของโปรดให้พ่อกินหรือเปล่าคะ ?
หนูสอนพี่หรั่งทำสูตรอร่อยด้วยน๊า เข้าพรรษานี้หนูจะทำหม้อใหญ่ ๆ ไปทำบุญให้พ่อกับพี่หรั่งนะคะ
ตอนนี้หนูอยู่กรุงเทพ ฯ ค่ะ ได้แต่ซื้อกับข้าวถุงใส่บาตร อ่ะน่า อ่ะน่า พ่อกินง่ายอยู่แล้วเนาะพ่อเนาะ
พ่อคะ หนูจะบอกพ่ออย่างหนึ่งนะคะ หนูชอบชื่อที่พ่อตั้งให้มากเลยค่ะ หลาย ๆ คนก็ชอบนะคะ
หิ่งห้อย ^__^ ถึงแม้จะเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ วงจรชีวิตไม่นาน แต่ก็เป็นแมลงที่มีแสงในตัว
เป็นเพราะหนูชื่อหิ่งห้อยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะพ่อ ทำให้หนูชอบเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน
อาจจะเป็นเพราะว่าตอนกลางคืนเงียบสงบกว่ากลางวัน ตอนกลางคืนเห็นแสงหิ่งห้อยระยิบระยับ
และสามารถเห็นแสงดาวที่กระพริบอยู่บนฟ้าไกล พ่อคะ ช่วงนี้หนูไปทำงานแถวตะวันออกบ่อย ๆ
หนูกับพี่หล้าก็ชวนบอดี้การ์ดหนุ่ม ๆ ^^" ไปนอนดูดาว ฟังเสียงคลื่นที่ชายหาด ตี 1 - 2 ก็กลับ
บางคืนก็เห็นแต่แสงดาว บางคืนก็เห็นหิ่งห้อยด้วยล่ะค่ะ หนูก็พยายามมองหาพ่อกับพี่หรั่งเหมือนกันนะคะ
แต่หนูก็ไม่รู้ว่าพ่ออยู่บนดาวดวงไหน *__~
พ่อคะ ช่วงนี้หนูไม่ได้กลับบ้านเลย หนูคิดถึงแม่มากเลยค่ะพ่อ ฝากพ่อช่วยดูแลแม่ด้วยนะคะ
หนูก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านช่วงไหน พ่อก็รู้ว่าพักหลัง ๆ นี้หนูไม่อยากจะนัดใครเลย เพราะหนูมักจะผิดนัดบ่อย ๆ ค่ะ
ก็จะทำยังไงได้ละคะพ่อ หนูแยกร่างไม่ได้นินา หนูก็ต้องทำหน้าที่ของตัวแทน ไปดูแลลูกค้าก่อนน่ะค่ะ
แต่.... เพื่อนที่เหลืออยู่เขาก็น่ารักและเข้าใจหนูนะคะ ไม่งั้นเขาคงเลิกคบหนูไปนานแล้วล่ะค่ะ ^__^
แล้วถ้าพ่อพูดกับแม่ได้ พ่อช่วยบอกแม่ให้ขายหมูให้หมดนะคะ ช่วยบอกแม่ให้เลิกเลี้ยงหมูเถอะค่ะ นะคะพ่อ
หนูไม่อยากให้แม่เลี้ยงหมูไว้ให้เขาฆ่าค่ะพ่อ หนูขอแม่หลายปีแล้ว ก็ยังไม่สำเร็จ แต่แม่บอกว่าปีนี้แม่จะเลิกเลี้ยงแล้ว
หนูก็กลัวว่าแม่จะแอบซื้อเพิ่มอีกสิคะ *__~ ขี้หมูก็เหม็นด้วย แม่ก็เหนื่อยต้องหาอาหารให้หมูกินด้วย
ถ้าแม่เลิกเลี้ยงหมูแล้ว หนูจะทำโรงเพาะเห็ดให้แม่ค่ะ หนูไปดูและศึกษามาบ้างแล้ว
หนูกับพี่หล้าซื้อมาลองเพาะแล้วด้วยค่ะ หนูคิดว่าแม่ต้องชอบเพาะเห็ดมากกว่าเลี้ยงหมูแน่ ๆ เลยค่ะ
พ่อคะ คุยกับพ่อแค่นี้ก่อนนะคะ หนูจะออกไปหาซื้อผลไม้ ยาประดง ตอนเย็นหนูต้องไปรับพี่หล้าที่ท่ารถค่ะ
หนูรักพ่อ และคิดถึงพ่อนะคะ
หนูหิ่ง ฯ
ลูกหล้าของพ่อ
ปล.
พ่อคะ นี่เป็นรูปของเห็ดขอน กับเห็ดนางฟ้า ที่หนูกับพี่หล้าซื้อมาเพาะเล่น ๆ ค่ะ