24 กุมภาพันธ์ 2550 18:54 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
เกิดมาเป็น ทุยน้อย เยี่ยงข้อยนี้
ทุกวันมี แต่ไถนา หารายได้
ถูกเขาส่ง เสียงเรียก ต้องรีบไป
ด้วยดวงใจ รักการ งานที่ทำ
เกิดเป็นควาย ทำเป็น อยู่อย่างเดียว
ไม่เคยเที่ยว ทำตน จนถลำ
รักกลิ่นดิน โคลนอยู่ รู้จดจำ
ไม่เพลี่ยงพล้ำ หลงทาง ห่างคนลวง
หน้าที่ควาย มีอะไร ทุยน้อยรู้
จักต้องสู้ ไถไป ให้ลุล่วง
แม้ผืนนา กว้างใหญ่ อย่าได้ทวง
ไม่ต้องห่วง กว้างเป็นกว้าง ทุยสู้ตาย
ไฉนคน มักเปรียบ เทียบเสมอ
ทุยขอเพ้อ พ้อให้ อย่าได้หมาย
ใช่ว่าโง่ งี่เง่า เข้างมงาย
แค่ใช้กาย ทำงาน ท่านมอบมา
เมื่อทำตาม ภาระ และหน้าที่
เป็นสิ่งดี ใช่ไหม ใยกล่าวหา
ถึงจะเป็น ควายน้อย ด้อยปัญญา
แต่คุณค่า ของฉัน มันก็มี
ทำงานไป ไม่บ่น ให้รกหู
ทุกฤดู ทำได้ ไม่หลบหนี
ไฉนจึง ตราหน้า ว่าไม่ดี
เพียงแค่มี ปัญหา อ้างด่าควาย
ยังเป็นควาย ก็รู้ อยู่ว่าเป็น
ไม่เคยเบน อย่างอื่น ฝืนความหมาย
ไม่คิดเปลี่ยน สัญชาติ วาดลวดลาย
ไม่คิดกลาย เป็นอื่น ฝืนชะตา
คิดแล้วหรือ ว่าทุย แสนต้อยต่ำ
ใช่จากคำ พูดใคร ใส่ภาษา
ทุกสิ่งบน โลกนี้ ล้วนอนิจจา
ขอจงอย่า เหมารวม ทุยอ่วมใจ ๚ะ๛ ^^
22 กุมภาพันธ์ 2550 23:25 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
คืนเหงาแม้เดือนดาวเจ้าเป็นเพื่อน
ส่งแสงเลือนคอยกลบลบรอยเหงา
ความหม่นหมองครอบครองใจของเรา
รู้สึกเศร้าในยามที่ไม่มีใคร
อยู่แสนห่างขวางคั่นกั้นขอบฟ้า
ผ่านเวลาฤดูกาลผันสมัย
มิตรภาพแต่ก่อนเก่าเราจริงใจ
เลือนแล้วหรืออย่างไรสายสัมพันธ์
อยู่ทางนี้แม้เห็นดาวเด่นสวย
ก็ไม่ช่วยให้ใจได้สุขสันต์
บนท้องฟ้าสว่างใสไร้หมอกควัน
ในใจนั้นกลับมืดมิดผิดที่เคย
สายลมหนาวพัดมาเวลานี้
ผืนพงพีปกคลุมด้วยกลุ่มเหมย
ทั้งมวลหมอกกลอกกลิ้งขนิ้งเชย
หนาวจังเลยในยามนี้ที่ยอดดอย
นั่งวิงวอนดาวเดือนเกลื่อนเวหา
กระพริบพาความคิดของน้องหิ่งห้อย
ไปส่งไว้หน้าบ้านวานลมคอย
พัดไปปล่อยในใจใครสักคน
ให้รับรู้ว่าใครที่ในป่า
เขาห่วงหาห่วงใยใจสับสน
ความคิดถึงรุมเร้าเข้าเวียนวน
จำฝืนทนฝืนอยู่ไม่รู้ทำไม
นั่งรำพึงคอยอยู่สู้ลมหนาว
มีเดือนดาวบนฟ้านภาใส
อยู่เป็นเพื่อนท่ามกลางหว่างพงไพร
คอยคนไกลตอบสารนั้นกลับคืน ๚ะ๛
3 กุมภาพันธ์ 2550 02:20 น.
หิ่งห้อยน้อยใจ
เคยอ่านเจอคำเปรียบเทียบถึงรัก
หลายที่มักกล่าวถึงจึงสงสัย
ว่าความรักเปรียบเป็นเช่นสิ่งใด
หิ่งห้อยได้มาหนึ่งจึงเทียบกัน
มองขึ้นไปเบื้องบนพ้นขอบฟ้า
มีดารามากมายในที่นั่น
สูงสุดเอื้อมมือไขว่คว้าเอามัน
หวังสักวันได้รับประดับใจ
ความรักเหมือนเดือนดาวที่พราวพร่าง
ส่องสว่างทั่วแผ่นดินถิ่นอาศัย
แสงกระพริบริบหรี่รำไร
ส่องถึงใจคนมีรักทุกทุกคน
หากแม้นมีความรักที่หนักแน่น
คงหมื่นแสนล้านดวงบนเวหน
ประสิทธิ์แสงประสาทใส่ในบัดดล
แม้ลมฝนก็ไม่อาจพรากแสงดาว
ผู้ใดมีรักใคร่ได้สมหวัง
เหมือนกำลังลอยวนอยู่บนหาว
มีความสุขทุกเวลานัยตาพราว
แสงเดือนดาวมิอาจสู้แสงแห่งตา
ความหม่นหมองครองฟ้าถ้าประจักษ์
ก็ด้วยรักขื่นขมไม่สมปราถนา
แต่ก็จงหยัดอยู่สู้ชีวา
รอเวลารอรักใหม่ใต้แสงดาว ๚ะ๛
สวัสดีเจ้า ^_^