28 กุมภาพันธ์ 2546 02:44 น.
หลี่ถัง
กลิ่นไอร้อนแผ่วๆค่อยๆลอยมาปะทะใบหน้าพร้อมกับล้อที่ค่อยๆหยุดหมุน ท้องถนนเวลาค่ำคืนเช่นนี้ดูแล้วช่างหน้าอึดอัดเสียจริงๆท้องถนนแน่นแออัดไปด้วยรถ หันกลับมามองบนรถเมล์ยิ่งหน้าใจหาย แทบไม่มีให้ยืน แต่กระเป๋ารถยังคงแหกปากตะโกนด้วยท่าทางหงุดหงิด ชิดในหน่อยพี่ ไม่รู้จะให้ชิดไปไหนของมัน แต่ละวันเสียเวลากับรถติดไปหลายชั่วโมง รถติดแต่ละแยกมีเวลาพอที่จะเขียนเรื่องสั้นห่วยๆได้ซักเรื่อง วันนึงคงจะแต่งได้หลายเรื่อง
ผมโชคดีได้ที่นั่งโปรดตรงเบาะยาวหลังสุดริมหน้าต่างซ้าย เหตุที่ชอบนั่งหลังสุดคงเป็นเพราะได้แอบมองอากัปกิริยาของคนอื่น ไม่ว่าคนที่กำลังอยู่บนรถเมล์หรือที่กำลังยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์ มันเป็นความสุขเล็กๆของคนเป็นโรคจิตอ่อนๆ ที่ได้มองดูคนที่แสดงอาการออกมาโดยไม่รู้ว่ามีใครมองอยู่ มันเหมือนกับได้เป็นผู้วิเศษบนฟากฟ้า กำลังเฝ้าดูหมู่มวลมนุษย์
กลิ่นไอร้อนแผ่วๆค่อยๆลอยมาปะทะใบหน้าระลอกสอง พร้อมความอึดอัดเริ่มรุนแรงขึ้นความคิดหลากหลายได้กำเนิดขึ้น เพื่อฆ่าเวลาที่แสนจะน่าเบื่อเช่นนี้ อากาศร้อนอบอ้าวเสียจริงๆ... เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วทุกรูขุมขน ยิ่งดวงตาก็ร้อนเคือง อยากจะมองหาสาวสวยซักคนเป็นที่พักสายตาแต่บรรยากาศแบบนี้นางงามก็ไม่น่าจะทนงามอยู่ได้
เอ๊ะ! ผมมองไปนอกหน้าต่างพร้อมกับความตะลึง ดวงตาเธอช่างน่าหลงใหลเสียจริงๆดวงตากลมโต แววตาบอกถึงความไร้เดียงสา ถึงแม้เธอจะผอมไปนิดตามสมัยนิยม ใครๆนั่งรถผ่านไปมาคงต้องหันมามองเธอ และต้องตะลึงกับดวงตาน่าหลงใหลของเธอ มองดูความเป็นธรรมชาติของเธอแล้วช่างหน้าหลงใหลจริงๆ อากัปกิริยานิ่งสงบไม่แยแสต่อสิ่งใด เธอรู้ตัวหรือเปล่าน้า...ว่าผมกำลังแอบมองเธออยู่ ใครหนอสรรค์สร้างเธอมา ช่างงามแท้.
..........................................................................................
ทันทีทันใดผมรู้สึกได้ถึงเสรีภาพเมื่อตาของเธอเปร่งประกายเป็นสีเขียว รถค่อยๆเคลื่อนตัวพร้อมลมเย็นระลอกแรกค่อยๆพัดเข้ามาทางหน้าต่าง หาสุขใดเท่ากับการได้หลุดพ้นจากมหาอำนาจ
เห็นทีคงจะต้องจบเรื่องสั้นห่วยไว้เพียงแค่นี้ ค่อยเจอกันใหม่แยกหน้า.............