19 มีนาคม 2548 20:55 น.

.. รอยรัก ..

หยกสีหม่น



ใจเอ๋ย ใจเรา แสนสุขนัก
	ครานึกถึง ยามรัก สลักหวาน
	กลิ่นอบอุ่น กรุ่นหอม กล่อมดวงมาลย์
	แม้ผันผ่าน ล่วงเลย เคยลิ้มลอง

	ใจเอ๋ย ใจเรา เฝ้าแอบยิ้ม
	ทำกรุ้มกริ่ม จดจำ คำเราสอง
	ตาสบตา แวววาว คราวเมียงมอง
	หัวใจพอง เต้นตูมตาม ปรามไม่ทัน

	ใจเจ้าเอ๋ย ...
	โปรดเฉลย วาจา มายืนยัน
	ตัวของเจ้า เถ้าชีวี มิมีผัน 
	เปลี่ยนแปรปัน เป็นของใคร มิใช่เขา
	
	ใจเจ้าเอ๋ย...
	แม้จะเคย เป็นของใคร ในวันเก่า
	แต่วันนี้ และต่อไป ใจคงเฝ้า
	มีเพียงเขา ในก้นบึ้ง ตรึงนิรันดร์...




.......................................................................



ฉันเกิดเพื่อจักรักจนดับสิ้น
	ชีวินที่เคยว่างเศร้าเหงาเหลือหลาย
	ยามมือเรายึดกัน พลันกลับกลาย
	ให้ความหมายแก่คำ ... เกิดทำไม...


	...Born to love you...

	...Born to love you till I die
	My life was empty, so blue and alone
	Then you put your hand in mine 
	And I knew why I was born...


                                                         .. ทมยันตี ..				
17 มีนาคม 2548 00:49 น.

.. ช่างมัน!!! ..

หยกสีหม่น



แผลเจ็บ...ช่างหัวมัน!!!
	แต่ตัวฉันสบายดี
	มีความสุขล้นปรี่
	ไม่ได้มีทุกข์อันใด

	แผลถลอกออกเลือด
	ดั่งโดนเชือดมาจากไหน
	จะครวญคร่ำไปไย
	ร่ำร้องไห้ใครสนกัน

	สุข...ทุกข์...อยู่ที่เรา
	รอใครเขามาเข้าฝัน
	หลอกให้เราเมามัน
	ขอยืนยัน..กำหนดเอง

	ปวดแค่ไหน..ไม่สน!!!
	เกิดเป็นคนโดนข่มเหง
	อย่ามัวนิ่งกริ่งเกรง
	เป็นนักเลงต้องสู้ทน 

	ด้วยลำแข้งลำขา
	ทางข้างหน้า...แดดหรือฝน
	จะฝ่าฟัน...ดิ้นรน
	ดำรงตนด้วยเพียงพอ

	ขอบคุณที่ให้เห็น
เป็นปู่เย็นมิเคยท้อ
มัวจับเจ่าเฝ้ารอ
มานั่งง้อคนเห็นใจ

	ชีวิตเป็นของเรา
	ก็เลือกเอาเอาแบบไหน
	อิดออดทำถอดใจ
	หรือสู้ไว้ให้ทนง  



ปู่เย็นเปิดแผลถลอกที่แขน...และชี้เท้าที่ซ้นให้ดู..
	ปู่เอาผ้าขี้ริ้ว ... พันไว้ ... แล้วยังเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้ม
	ว่า .. หกล้ม ... 

	พิธีกรรายการถามว่า ... เจ็บมากไหมปู่?

	ปู่ตอบว่า ...

	..แผลมันเจ็บ..เรื่องของมัน ..ฉันน่ะไม่เป็นไร..				
14 มีนาคม 2548 22:57 น.

.. แปรปรวน ..

หยกสีหม่น




อยู่คนเดียว เงียบเหงา เศร้าว้าเหว่
	คนโมเม นินทา ว่าใกล้บ้า
	หลากอารมณ์ เรื่อยเปื่อย เฉื่อยไปมา
	มีน้ำตา ยังหัวเราะ เพราะอะไร

อยู่หลายคน ทำขรึม ซึมกระทือ
	ใครเขาลือ ว่าเพี้ยน หรือไฉน
	นั่งเท้าคาง ตาลอย เหมือนคอยใคร
	น้ำลายไหล  เพื่อนงง คงเลื่อนลอย

ทำหน้านิ่ว คิ้วขมวด เหมือนปวดหัว
	หูตามัว พรายพริ้ม ยิ้มหยดย้อย
	จนหางตา นกมาเหยียบ เปรียบริ้วรอย
	เหมือนเป็นง่อย แสร้งเส ทำเรรวน

พอได้สูด อากาศ อันสดชื่น
	ความขมขื่น พลันหาย กลายเป็นหวน
	คิดคำนึง ถึงอดีต กรีดใจครวญ
	ให้ปั่นป่วน ร้องร่ำ พร่ำวาจา

มองหมู่เมฆ อึมครึม ดูครึ้มฝน
	ในกมล คิดวาด ปรารถนา
	ให้วสันต์ พร่างพรู ดูสักครา
	ชะความบ้า หมองมัว ในตัวตน

กู่ก้องร้อง ท้าทาย ปลายลมหนาว 
	พัดมาคราว อารมณ์ หมองมัวหม่น
	ให้จิตใจ ที่ร้อนรุ่ม ต้องลานลน
	ตาถลน บ้าใบ้ ใจร้าวรอน

ดวงตะวัน เริ่มดับ ลับขอบฟ้า
	ในอุรา ครุ่นคิด จิตสังหรณ์
	ราตรีนี้ จะนิททรา หลับตานอน
	ซบกับหมอน คว่ำหน้า ระอาใจ

ยามสงบ ไม่ว้าวุ่น ช่างอุ่นจริง
	ซบหน้านิ่ง แนบเนาว์ พริ้มเพราใส
	ค่ำคืนนี้ จะพักผ่อน ซ่อนหทัย
	ดิ่งลงไป เบื้องหน้า สุขารมย์				
14 มีนาคม 2548 12:29 น.

.. รักลวง ..

หยกสีหม่น




ลมแผ่ว ผิวผ่าน โชยชาย

	ทิ้งรอยสิ่งใดไว้หรือ

	คำรัก ..คำหมิ่น..คำลือ

	โหมฮือ แล้วหาย กับสายลม...

                                               .. ทมยันตี ..



รักลวง..รักจริง..ทิ้งขว้าง
	รักร้าง..รักหลอก..ชอกช้ำ
	รักไร้..รักร่วง..บ่วงกรรม
	รักซ้ำ..รักซัด..ตัดใจ


	ผูกพัน..ผูกรัก..ปักจิต
	ผูกมิตร..ผูกโยง..สายใย
	ผูกมัด..ผูกฝัน..ปันให้
	ผูกไร้..ผูกใคร่..คล้ายกัน


	เราร่วม..เราหวง..บ่วงช้ำ
	เรากล้ำ..เรากลืน..ฝืนมัน
	เราทน..เราอด..ยึดมั่น
	เราฝัน..เราคิด..ผิดเอง


	ไว้เจอ..ไว้พบ..สบพักตร์
	ไว้รัก..ไว้รอ..ข่มเหง
	ไว้เธอ..ไว้ฉัน..กลัวเกรง
	ไว้เอง..ไว้ช้ำ..กรรมลวง


	ให้คน..ให้ใคร..ไว้หลอก
	ให้ปอก..ให้ลอก..ตอกบ่วง
	ให้เจ็บ..ให้ช้ำ..ย่ำทรวง
	ให้ล่วง..ให้ผ่าน..ผันไป


	เจ็บนี้..เจ็บนั้น..วันก่อน
	เจ็บหลอน..เจ็บหลอก..ยอกให้
	เจ็บย้อน..เจ็บย้ำ..ซ้ำใจ
	เจ็บไหน..เจ็บได้..ใครทำ    				
13 มีนาคม 2548 00:21 น.

.. ถนนสายหัวใจ ..

หยกสีหม่น



ถนนยาว ขาวสวย สีสดใส
	ทอดไปไกล สุดตา ฟากฟ้ากว้าง
	คนสองคน ร่วมเดิน บนเส้นทาง
	ก้าวข้ามสิ่ง กีดขวาง จับจูงกัน

	อุปสรรค ขวากหนาม ที่ตามอยู่
	เราต่อสู้ เผชิญหน้า ท้าความฝัน
	แม้ลำบาก แค่ไหน มิไหวหวั่น
	กล้าฝ่าฟัน เพื่อสร้างฝัน วันสวยงาม

	หากเธอล้ม ฉันฉุด ยื้อยุดไว้
	ด้วยสายใย แห่งรัก มิเกรงขาม
	เป็นกำลัง ให้เธอ ในทุกยาม
	มอบด้วยความ ภักดี ไม่มีเลือน

	ยามฉันท้อ อ่อนแอ แพ้ภัยพ่าย
	เธอช่วยคลาย ความล้า กล้าเสมือน
	เทพบุตร ผู้พิทักษ์ คอยตักเตือน
	อยู่เป็นเพื่อน มอบอบอุ่น กรุ่นฤทัย

	เราสองคน ต่างเติมเต็ม สิ่งที่ขาด 
	บนทางลาด ทางชัน ไม่หวั่นไหว
	มือกุมมือ อย่างมั่นคง ตลอดไป 
	แม้ทางไกล แค่ไหน จะไม่กลัว

	ด้วยหวังไว้ วันหนึ่ง ถึงที่หมาย
	ฟ้าจะกลาย เป็นผ่องใส ไม่สลัว
	ความมืดมิด หมองหม่น ปนหมองมัว
	พัดผ่านตัว คนสองคน บนสองใจ

	
	บนถนนสายหัวใจ ...
	หากหวั่นไหว ..กรายกล้ำ..ย่ำเข้าหา
	เมื่อมีเธอ..มีฉัน..มั่นทุกครา
	คนสองคน..สองอุรา..ร่วมฝ่าฟัน 


...Yesterdays  love  was  like 
	a  warm  summer  breeze
	But  like  the  weather  it changed...
	Its  windy  and  cold
	And  I  stand  alone  in  the  rain...


Its  windy  and  cold

	And  I  stand  alone  in  the  rain...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหยกสีหม่น
Lovings  หยกสีหม่น เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหยกสีหม่น