30 พฤษภาคม 2547 19:24 น.
หมูก้อย
อายะกะยืนเกาะขอบหน้าต่างเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย ยูเอะหายไปร่วมสัปดาห์แล้ว จนบัดนี้ยังพบแค่ว่าจักรยานของยูเอะพังยับเยิน ทว่าบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุไม่มีวี่แววว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ห่างออกไปเล็กน้อยกลับมีกองเลือดกองใหญ่มีรอยลากเป็นทางยาวไปในทิศใต้แล้วหายไป และห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร มีกองเลือดหย่อมหนึ่งซึ่งหยดไปตามรายทางในทิศเหนือ พวกเธอตามจนพบศพชายคนหนึ่งในโกดังร้าง แต่จากสภาพเหมือนชายคนนั้นจะถูกยิงซ้ำอีกที อย่างไรก็ตามเธอได้พยายามสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับชายคนนี้แต่ยังไม่คืบหน้า เธอไม่ทราบว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับยูเอะ แต่เธอรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี
เช้าวันนั้นอายะกะก็รู้ว่ายูเอะกำลังจะออกไปข้างนอก แต่เธอเข้าใจว่ายูเอะอยากอยู่คนเดียวเธอจึงปล่อยไป
ถ้าวันนั้นเราตามไปด้วยคงไม่เป็นอย่างนี้ อายะกะรู้สึกผิดอย่างมาก
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
อายะกะยังไม่ละความพยายามที่จะตามหายูเอะ อย่างแรกเธอต้องรู้ให้ได้ว่าศพชายที่เธอพบในโกดังร้างเป็นใคร เธอตัดสินใจเข้าห้องสมุด
ห้องสมุดที่มีในบ้านของเธออาจแปลกสำหรับคนทั่วไป เพราะส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือรวบรวมประวัติของบุคคลและสถานที่ต่างๆ โดยมากเป็นคนในตระกูลของเธอเขียนเองและไม่เผยแพร่ที่ไหน เนื่องจากหนังสือในนี้กว่าครึ่งเป็นประวัติของมาเฟีย มือปืน และพวกใต้ดินประเภทต่างๆ รวมไปถึงแผนที่และภูมิศาสตร์ของเมืองต่างๆ
เธอดูตามประวัติมือปืนทั้งในหนังสือมือปืนอิสระและมือปืนในสังกัดของมาเฟียทุกคน
เธอใช้เวลาวันแล้ววันเล่าอยู่ในห้องสมุด หนังสือเล่มหนาที่เธอดูผ่านไปหลายสิบเล่มยังไม่มีเล่มไหนที่เธอต้องการ แต่คนอย่างอายะกะลองคิดจะทำอะไรแล้วล่ะก็ไม่ได้ไม่เลิก!
เธอเปิดหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่า จนมาถึงหนังสือเล่มหนึ่ง!
มือปืนในสังกัดตระกูลคุโรโดะ
ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรจึงหยิบหนังสือเล่มนี้มา อาจเพราะเธอคือ คุโรโดะ อายะกะ จึงต้องอยากรู้จักคนในสังกัดบ้าง
เล่มนี้เอาไว้ทีหลังดีกว่า แล้วเธอก็เปิดเล่มอื่นต่อไป
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ผ่านไปอีก 2 วันเธอจึงดูหนังสือที่เธอเลือกมาจนหมด
เธอคิดไว้ว่าต่อไปเธอจะดูหนังสือเกี่ยวกับพวกพ่อค้าในตลาดมืด เธอจึงยกกองหนังสือที่ดูแล้วไปเก็บ แต่ด้วยความหนักและความสูงของมัน หนังสือที่สูงเป็นตั้งก็ได้ล้มโครมลงมา อายะกะแทบจะจมอยู่ในกองหนังสือเลยทีเดียว
โอยเจ็บชะมัด อายะกะครวญเบาๆ แต่แล้วสายตาของอายะกะก็เหลือบไปเห็นใบหน้าที่เฝ้าค้นหา!
อายะกะรีบหยิบขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
โกคิ มาซางิ
บิดา โกคิ บาโชว (ล้างมือแล้ว)
มารดา โทบะ ฮินาโกะ
อายุ ประมาณ 35 ปี
รูปร่าง สูงใหญ่ สูง 188 ซ.ม.
สีผิว ขาว
สีผม ดำ
สีตา ดำ
ที่อยู่ประจำ 45/26 ถ.A24 ชานเมือง A
อาวุธ ปืนยาวติดเรเซอร์
ความถนัด ลอบสังหาร
นิสัย มีความอดทนสูง
จุดเด่น ทรหด จงรักภักดี
จุดด้อย ไม่รอบครอบ
สถานภาพ มีพี่ชาย 2 คนเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ แต่งงานกับโทสึบะ นามิ มีลูกชาย 1 คน คือ โกคิ ทาคารุ
ฐานะ เป็นบุตรคนที่ 3 ของโกคิ บาโชว มือปืนในสังกัดตระกูลคุโรโดะ ซึ่งตระกูลโกคิเป็นผู้จงรัภดีต่อตระกูลคุโรโดะมาตลอด
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ที่แท้เขาเป็นคนของคุณพ่อนี่เอง แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น อายะกะครุ่นคิดอย่างหนัก ข่าวนี้ทำให้เธอสับสน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามว่าจะต้องพ่อของเธอให้รู้เรื่อง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ก่อนที่อายะกะจะเปิดประตูห้องของผู้เป็นพ่อเธอก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของเจ้าของห้องดังอยู่ข้างใน เธอจึงเปลี่ยนมาเป็นเอาหูทาบกับประตูแทน
อะไรกัน! ยังหาไม่เจออีกหรือ เสียงนายยูกิแสดงถึงความเกรี้ยวกราด
ก็ได้คราวนี้ฉันยอมให้แก เจ้าคาเครุ ในที่สุดนายยูกิก็กล่าวขึ้นอีก นายไปได้แล้วสึบารุ
เมื่อได้ยินดังนั้นอายะกะรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็ว เธอได้เบอะแสแล้ว และเธอตัดสินใจแล้วว่าจะสืบเรื่องนี้เอง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
29 พฤษภาคม 2547 09:52 น.
หมูก้อย
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเหลือเกิน แต่ในใจยูเอะกลับหม่นหมองยิ่งนัก เธอปั่นจักรยานไปตามถนนยามเช้าซึ่งมีผู้คนไม่มากนัก เธอออกมาโดยไม่ได้บอกใครแม้แต่อายะกะ..
เธอปั่นจักรยานมาเรื่อยๆจนถึงทะเลสาปมิคาเงะอันเก่าแก่และสวยงาม ในยามนี้เส้นขอบฟ้าซึ่งทาบจรดกับผืนน้ำเริ่มมีแสงทองระเรื่อบ่งบอกว่าวันใหม่กำลังจะเริ่มต้น
ในยามนี้ที่นี่ช่างเงียบสงบ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้อยู่ลำพัง เพราะในบริเวณนั้นยังมีชาย2 3 คนวิ่งออกกำลังกายอยู่ และมีคนผู้หนึ่งซึ่งเธอเห็นเพียงด้านข้าง เขากำลังเหม่อมองไปยังทะเลสาปอันกว้างใหญ่ จากที่มุมมองเห็นผืนน้ำและผืนฟ้าช่างสนิทแนบแน่นราวกับเป็นผืนเดียวกัน แต่ความจริงเล่า!
ปรี้นนนนนนนนน!!!!!!!!!!
เสียงแตรดังสนั่น ปลุกยูเอะจากภวังค์
เธอรีบหันกลับมามอง เธอจึงได้เห็นรถ 6 ล้อพุ่งตรงมายังเธออย่างรวดเร็ว! ระยะของมันห่างจากเธอไม่ถึง 5 เมตร!
โครม! เสียงดังสนั่น จักรยานถูกรถ 6 ล้อ เหยียบจนมีสภาพไม่ต่างจากเศษเหล็ก!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
คุณ เป็นอะไรรึเปล่า เสียงทุ้มแต่ติดจะไร้อารมณ์ถามขึ้น ทำให้ยูเอะรู้สึกตัวจากอาการตะลึงและรู้สึกว่าตนได้นอนทับร่างหนึ่งอยู่ เธอจึงรีบพลิกตัวออกมาจึงเห็นหน้าเขาได้อย่างชัดเจน เธอชาไปทั้งร่างรู้สึกว่าหน้าร้อนวูบวาบ หายใจขัด หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะขึ้นมาทันที เพราะเขาคนนั้นคือ..เซนจิ
แน่นอนเขาคงจำเธอไม่ได้ เพราะวันนั้นเธอสวมฮูดปิดหน้า
บ้านคุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปส่ง เซนจิถาม
มะ.ไม่เป็นไรค่ะ ยูเอะตอบละล่ำละลัก ฉันกลับเองได้ เธอกล่าวต่อเมื่อเริ่มควบคุมอารมณ์ได้
กล่าวจบเธอก็เดินไปยังซากรถจักรยานทำท่าเหมือนจะหอบกลับไปด้วย
มันซ่อมไม่ได้แล้วล่ะคุณ เซนจิกล่าวเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
ยูเอะชะงัก ในที่สุดก็ตัดใจปล่อยมันไว้ แล้วเธอจะบอกที่บ้านอย่างไรดี!
ในขณะที่เธอเดินจากไปนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายชุดดำคนหนึ่งเล็งปืนมายังเซนจิ!
เธอวิ่งกลับไปแล้วผลักเซนจิสุดแรง!
เปรี้ยง!
ยูเอะรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ซ้ายอย่างรุนแรง หูของเธออื้อไปหมด ตาของเธอพร่าจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้ว สัมผัสเดียวที่รับรู้คือตอนนี้รอบพื้นมีแต่เลือด! เลือดของเธอ! แต่เธอก็ยังพยายามขืนตัวลืมตาขึ้นมองหาเซนจิ ในที่สุดเธอก็เห็นเขาแวบหนึ่ง จากนั้นสติของเธอก็ดับวูบ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ยูเอะลืมตาขึ้นมาในห้องมืดๆ แห่งหนึ่งซึ่งเธอไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน เธอยันตัวจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องทิ้งตัวลงไปอีกด้วยความเจ็บปวด เธอเริ่มตั้งสติได้ อย่างแรกเธอต้องรู้ให้ได้ว่าที่นี่ที่ไหน?และตอนนี้เธออยู่กับใคร?
ที่นี่. ยูเอะพูดออกมาได้เท่านี้ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก ของเหลวในกายตีวูบขึ้นมา เธอพยายามฝืนกลืนมันลงไปอย่างยากเย็น นับว่าอาการบาดเจ็บของเธอไม่น้อยเลยจริงๆ
แล้วนี่เขาอยู่ไหนนะ จะปลอดภัยรึเปล่า ใช่เขารึไม่ที่พาเรามา แล้วที่บ้านเราจะรู้รึยัง ถ้ารู้แล้วพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร จะทำอย่างไร ยูเอะนอนคิดไปเรื่อยๆ ในที่สุดเธอก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ยูเอะไม่รู้ว่าเธอหลับไปนานแค่ไหน เธอรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีของเย็นๆ มาทาบที่หน้าผากเธอจึงลืมตาขึ้น
เป็นเซนจินั่นเอง! เขากำลังเช็ดตัวให้ยูเอะอย่างขมักขเม้น
มือของเซนจิชงักเล็กน้อยเมื่อเห็นยูเอะลืมตา
ที่นี่.ที่ไหน. พูดได้เพียงเท่านี้ยูเอะก็รู้สึกเจ็บอกขึ้นมาอีก และคราวนี้เธอไม่อาจยั้งของเหลวไว้ได้ทัน เธอจึงกระเลือดออกมาคำใหญ่
เซนจินำผ้าอีกฝืนมาเช็ดเลือดที่ปากให้ยูเอะ
คุณนอนอยู่เฉยๆ เถอะ ไว้ดีขึ้นกว่านี้แล้วค่อยพูด เซนจิกล่าวเสียงเรียบ
แล้วเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้หลอกว่าที่นี่ที่ไหน เอาเป็นว่าที่นี่ปลอดภัยก็แล้วกัน เซนจิกล่าวต่ออย่างเย็นชา
อ้าวแม่หนูนี่ฟื้นแล้วเรอะ อีกเสียงสอดขึ้นมา เจ้าของเสียงคงเป็นชายสูงวัย
ครับ เซนจิรับคำ
แล้วยูเอะก็เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากมุมมืด
ชายคนนั้นแม้สูงวัยแต่ท่าทางยังแข็งแรงและองอาจน่าเกรงขาม ยูเอะเดาว่าคงเป็นชินโด คาเครุ ซึ่งเธอก็เดาไม่ผิด!
ฉันชื่อคาเครุนะ ส่วนนี่คือเซนจิลูกชายของฉัน คาเครุแนะนำ
ยูเอะทำท่าว่ารับรู้แล้ว
แม่หนูพักผ่อนเถอะ หายดีแล้วยงมีโอกาสคุยกันอีกเยอะ คาเครุกลาวอย่างอารมณ์ดี ถ้ายูเอะไม่รู้จักคาเครุ เธอคงรู้สึกดีกว่านี้ ตอนนี้เขาเหมือนชายชราใจดีคนหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้ก็ดีอยู่หลอก แต่เมื่อเขารู้ว่าเราเป็นใครล่ะจะเป็นอย่างไร? เราจะปิดบังเรื่องนี้ได้นานแค่ไหนนะ ยูเอะคิดอย่างหนักใจ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
22 พฤษภาคม 2547 12:03 น.
หมูก้อย
ก๊อกๆๆ เป็นเสียงเคาะประตูที่เร็วที่สุด ตามมาด้วยเสียงเปิดและปิดประตูดังสนั่น!
ข่าวด่วน จ๊ะพี่ พร้อมกันนั้นร่างของอายะกะก็พุ่งพรวดมานั่งบนเตียงยูเอะ
เอ้า นี่จะพังห้องพี่รึไง ยูเอะกล่าวอย่างเอ็นดูกึ่งตำหนิ
เมื่อเธอหันมาจึงเห็นอายะกะ ยิ้มอย่างมีเลสนัย ยูเอะมีความหวังขึ้นมาทันทีว่าข่าวที่อายะกะนำมาจะเกี่ยวข้องกับเขา!
หลังจากวันนั้นเธอก็พยายามสืบข่าวของเขามาตลอดแต่ไม่มีความคืบหน้าเลย จึงได้แต่ฝากเจ้าของร้านที่เกิดเรื่องให้ช่วยสืบถ้าเขามาอีก แต่เป็นเดือนแล้วที่เขาไม่ไปร้านนั้น ที่สำคัญจากคำบอกเล่าของคนในร้าน เขาเองก็ไม่ใช่ลูกค้าประจำ จะมาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้
ว่าแต่มีข่าวอะไรมาบอกพี่ล่ะ ยูเอะถาม
มีข่าวที่พี่ต้องการที่สุด อายะกะกล่าว
คำตอบของอายะกะทำให้ยูเอะตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
แต่ต้องมีของแลกเปลี่ยน อายะกะทำหน้าเจ้าเล่ห์จนเห็นได้ชัด
ยูเอะต้องถอนใจในความเจ้าเล่ห์ของน้องสาว
จะให้พี่ทำอะไรให้ล่ะจ๊ะ ยูเอะลากเสียงประชด
อายะกะกลอกตาทำท่าคิดหนักแล้วบอกว่า
ถือว่าติดไว้ก่อน ต้องการเมื่อไรแล้วจะบอก
ก็ได้ แต่หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องพิเรนท์นักหลอกนะ ยูเอะกล่าว
อายะกะไม่ตอบ นั่นแสดงว่าเธอไม่รับปาก ยูเอะได้แต่ถอนใจ
เอาเป็นว่าพี่รับปากแล้ว ห้ามบิดพลิ้ว อายะกะมัดมือชก
พี่ยัง..
งั้นไม่บอก อายะกะไม่ปล่อยให้ยูเอะปฏิเสธ
ก็ได้พี่รับปาก ยูเอะกล่าวอย่างเอือมระอา
วันนี้หนูเจอกับเจ้าของร้าน เขาบอกว่านายคนนั้นชื่อ เซนจิ เป็นมือซ้ายของคาเครุที่เป็นมาเฟียใหญ่ของอีกเมือง
ยูเอะทั้งดีใจที่ได้ข่าวเขา และเริ่มกังวลในสิ่งที่รับรู้เกี่ยวกับฐานะของเขา
หนูว่าถ้าจะสืบต่อก็คงไม่ยากแล้วล่ะ อายะกะกล่าวต่อ
พี่อยากรู้เรื่องของคาเครุให้ละเอียด ยูเอะกล่าวเคร่งเครียด
อายะกะยิ้มแล้วกล่าวว่า
แสดงว่าพี่ยังไม่ถูกรักบังตาจน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
ชินโด คาเครุ
บิดา -
มารดา -
อายุ ประมาณ 50 ปี
รูปร่าง ผอมสันทัดสูงประมาณ 175 ซ.ม.
สีผิว ขาว
สีผม ดอกเลา
สีตา น้ำตาล
ที่อยู่ประจำ -
อาวุธ -
นิสัย ไม่ข้องเกี่ยวกับใคร
จุดเด่น ไม่เคยมีคำว่าพลาด
จุดด้อย -
สถานภาพ พ่อม่าย เคยมีภรรยาชื่อ วากาบะ มีน่า แต่ตายไปแล้วมีบุตร 1 คน ชื่อ ชินโด ฟูมะ กับบุตรบุญธรรม 1 คนชื่อ อาอิโอ เซนจิ ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอกมานาน
ฐานะ เป็นใหญ่ในเมือง B
ชินโด ฟูมะ
บิดา ชินโด คาเครุ
มารดา วากาบะ มีน่า
อายุ 18 ปี
รูปร่าง สันทัดสูงประมาณ 180 ซ.ม.
สีผิว ขาว
สีผม น้ำตาลเข้ม
สีตา น้ำตาลอ่อน
ที่อยู่ประจำ คฤหาสน์ชินโด ถ. B 6 ในเมือง B
อาวุธ -
นิสัย ค่อนข้างร่าเริง
จุดเด่น ไม่เคยมีคำว่าพลาด ด้วยลักษณะที่แสดงออกทำให้คู่ต่อสู้ประมาท
จุดด้อย -
สถานภาพ โสด
ฐานะ เป็นบุตรชายของเจ้าพ่อแห่งเมือง B มีพี่น้องบุญธรรมชื่อ อาอิโอ เซนจิ
อาอิโอ เซนจิ
บิดา ชินโด คาเครุ (บิดาบุญธรรม)
มารดา วากาบะ มีน่า
อายุ 18 ปี
รูปร่าง สันทัดสูงประมาณ 180 ซ.ม.
สีผิว ขาว
สีผม ดำ
สีตา ดำ
ที่อยู่ประจำ -
อาวุธ -
นิสัย เย็นชา หยิ่ง
จุดเด่น ไม่มีคำว่าพลาด ลงมือรวดเร็ว
จุดด้อย -
สถานภาพ โสด
ฐานะ เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพ่อแห่งเมือง B
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เฮ้อ ที่แท้เขาก็มีประวัติอยู่ในหนังสือเล่มนี้ของพ่อนี่เอง ทีนี้รู้ละเอียดรึยังค่ะ อายะกะกล่าวทีเล่นทีจริงกับยูเอะ
เมื่อเขามีชื่ออยู่ในนี้แสดงว่าอันตรายใช่ย่อยเลยนะ อายะกะกล่าวพรางสังเกตความรู้สึกยูเอะ
ยูเอะยิ้มให้อายะกะอย่างสุดฝืน
ใช่ อันตรายมาก แล้วทางเราเองก็ไม่รู้เรื่องของเขามากนักยิ่งน่ากลัว แล้วที่สำคัญตามที่กล่าวมาพวกนี้ไม่ค่อยยุ่งกับใคร แต่คราวนี้เขามาทำอะไรกัน? ยูเอะกล่าวอย่างหนักใจ
อายะกะเองก็มีท่าทีเคร่งเครียดลง เธอเองก็คิดอย่างยูเอะ
ทั้งสองจมอยู่ในความคิดของตนอยู่นาน
ถ้าทางนั้นปะทะกับเราจริงพี่จะอยู่ฝั่งไหน ในที่สุดอายะกะก็ทำลายความเงียบขึ้น
ประกายตาของยูเอะหม่นหมองลงจนเห็นได้ชัด
พี่ต้องอยู่ฝั่งเราสิ ยูเอะพยายามปั้นยิ้ม
อายะกะเองก็พยายามปั้นยิ้มให้ยูเอะเช่นกัน เธอเองก็หนักใจอยู่ใช่น้อย ประกายตาที่สดใสก็ไม่สดใสเหมือนเคยแล้ว ในตอนนี้เธอคิดเรื่องที่จะขอยูเอะไว้ได้แล้ว เธอเชื่อว่ายูเอะต้องรักษาสัญญา! เธอรักพี่สาวเธอมาก เธอไม่อยากให้ยูเอะเสียใจแต่มันก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้! ทั้งสองได้แต่หวังว่าอย่าให้เรื่องที่คิดเป็นจริง!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
22 พฤษภาคม 2547 11:57 น.
หมูก้อย
คนคู่หนึ่งแต่งกายมิดชิดด้วยเสื้อแขนยาวสีเทาตัวโคร่ง ทั้งสองสวมฮู้ดปิดหน้าคล้ายกลัวคนพบเห็นจะรู้ว่าตนเป็นใคร ทั้งสองมีความสูงต่างกันจนเห็นได้ชัดเพราะคนตัวเล็กสูงแค่ไหล่ของอีกคนเท่านั้น
ทั้งคู่เดินไปตามถนนที่เต็มไปด้วยแสงสีและผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจในยามค่ำคืน สถานที่นี้ดูไม่เหมาะอย่างยิ่งกับเด็ก!
เราจะไปไหนดีค่ะคนตัวเล็กถาม เสียงของเธอกังวานใสน่าฟัง
พี่ว่าเรารีบกลับจะดีที่สุด ที่แบบนี้ไม่เหมาะกับเราเลยนะคนตัวสูงตอบ น้ำเสียงเป็นกังวน แต่ก็ยังนุ่มนวลน่าฟัง
คนตัวเล็กท่าทางไม่สนใจที่คนตัวสูงกล่าว เธอกวาดสายตาไปรอบๆอย่างสนใจใคร่รู้ ในที่สุดก็ดึงมือคนตัวสูงเข้าไปในร้านหนึ่งที่มีคนแน่นขนัด
เมื่อเข้ามาในร้านเจ้าตัวเล็กก็กวาดสายตาหาที่นั่งในที่สุดก็ได้ที่ในมุมๆหนึ่งที่ดูจะเงียบที่สุดในร้าน เพราะถึงอย่างไรก็ดูจะไม่มีที่นั่งอื่นเหลืออีกแล้ว
ไม่นานบริกรก็เดินเข้ามาท่าทางลุกลี้ลุกลน
เออโต๊ะนี้นั่งไม่ได้นะครับ ในที่สุดบริกรหนุ่มก็กล่าวออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
ทำไมล่ะ เจ้าตัวเล็กขมวดคิ้ว
คือโต๊ะนี้มีเจ้าประจำครับ ทางที่ดีคุณรีบเปลี่ยนโต๊ะดีกว่าครับ บริกรหนุ่มอึกอักอยู่ครู่ใหญ่จึงกล่าวมา
แล้วถ้าไม่ย้ายล่ะ เจ้าตัวเล็กถาม
ย้ายเถอะครับ คือคือว่าแขกโต๊ะนี้เป็นอันธพาลใหญ่ในแถบนี้นะครับ ถ้าไม่รีบย้ายน่ากลัวจะเกิดเรื่องแล้วครับ บริกรหนุ่มละล่ำละลัก
เรา-ไม่-กลัว เจ้าตัวเล็กเน้นทีละคำ
เมื่อบริกรหนุ่มได้ยินถึงกับตาเหลือก
แต่แต่คนที่ลองดีกับพวกมันเจ็บตัวทุกรายนะครับ บางรายถึงตายเชียว เจ้าบริกรหนุ่มพยายามอธิบายถึงความน่ากลัว
นั่นเป็นเรื่องของเรา ตอนนี้เอาน้ำมะนาวกับน้ำส้มมาอย่างละแก้วแล้วกัน เจ้าตัวเล็กกลอกตา เธอกำลังนึกอะไรบ้างอย่างที่เธอคิดว่าสนุก!
บริกรหนุมลังเลอยู่ครู่จึงจากไป
คนตัวสูงทอดถอนใจอย่างเป็นกังวนแล้วกล่าวว่า
อายะกะ.กลับกันเถอะ อย่ามีเรื่องเลย
เจ้าตัวเล็กหัวเราะเสียงใสกล่าวว่า
โถ่ พี่ก็ นานๆทีน่า เรื่องสนุกอย่างนี้พลาดได้ไง
คนตัวสูงถอนใจอย่างกึ่งเอ็นดู กึ่งเหนื่อยใจ กับพฤติกรรมของน้องสาวตัวแสบ
ที่แท้คนตัวสูงคือยูเอะและคนตัวเล็กอายะกะลูกสาวของนายยูกิ เจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ในแถบนี้ และเขาก็มีธุรกิจบังหน้าอยู่หลายแห่ง ปีนี้ยูเอะมีอายุ 18 ปีแล้ว ส่วนอายากะอายุ 14 ปี ที่จริงวันนี้ยูเอะไม่ได้คิดจะมาที่นี่เลยแต่เป็นเพราะอายะกะน้องสาวของเธออยากจะมา เธอไม่อาจปล่อยให้อายากะมาคนเดียวได้จึงต้องติดตามมาด้วย
ยูเอะไม่อยากให้เกิดเรื่องที่นี่เลย แต่ตอนนี้คงหลีกเลี่ยงได้ยาก เธอได้แต่ภาวนาให้อายะกะเชื่อตนบ้าง หรือไม่ก็อย่าให้คู่กรณีมาที่นี่เลย แต่ยูเอะก็รู้ว่าคงได้แค่หวัง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมาทวงที่ ยูเอะเริ่มใจชื้นขึ้น หวังว่าอายะกะจะเบื่อที่ต้องรอจนกลับไปเอง แต่แล้วความหวังของยูเอะก็ดับวูบ เมื่อมีเสียงโวยวายดังขึ้นใกล้ๆ
ยูเอะเห็นชายฉกรรจ์ท่าทางเอาเรื่อง 5 คน เดินเข้ามาใกล้
เฮ้ย! เจ้า 2 คนนั่น ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะถ้าไม่อยากเจ็บตัว เจ้าอันธพาลตัวโตกล่าวพรางหักนิ้ว
ที่ตรงนี้เรานั่งก่อน และก่อนนั่งเราก็ดูดีแล้วว่าไม่มีป้ายจอง อายะกะกล่าว เล่นเอาพวกอัธพาลฉุนกึก
ยูเอะส่งสายตาวิงวอนอายะกะเต็มที่ แต่อายะกะไม่มีท่าว่าจะรับรู้ ยูเอะจึงต้องเอ่ยปากเอง
คือพวกเราไม่รู้ว่ามีเจ้าของก็เลยมานั่งโดยพลการต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
พวกอัธพาลมองหน้ากันอย่างชั่งใจ
ก็ได้ น้องสาวเราปล่อยเธอไป แต่! เจ้าคนปากดีต้องอยู่ ในที่สุดอัธพาลคนหนึ่งก็กล่าวออกมา
ยูเอะเริ่มกระสับกระส่ายจนเห็นได้ชัด
พี่จะไปก็ได้ อายะกะกล่าว
ถ้าเธอไม่ไปพี่ก็ไม่ไป! ยูเอะเน้นเสียง
เป็นพี่น้องที่รักกันดีนี่ แต่ว่าก็ว่าเหอะสาวๆจะไม่เปิดหน้าให้พวกพี่ชมเลยเหรอ..เพื่อบางทีพวกพี่อาจใจอ่อนก็ได้ เจ้าอันธพาลกล่าว แล้วพวกมันก็พากันหัวเราะ
แต่เสียงหัวเราะยังไม่ทันขาดอายะกะก็เหวี่ยงหมัดใส่เจ้าคนที่พูดเต็มแรง! เจ้าอันธพาลผู้นั้นถึงกับลงไปกองแน่นิ่งกับพื้น
คนที่เหลือนิ่งไปครู่เพราะไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงอย่างอายะกะจะร้ายกาจอย่างนี้ พวกมันมองอายะกะอย่างเหี้ยมเกรียม พวกมันค่อยๆย่างสามขุมเข้าหาอายะกะ ยูเอะเองก็นั่งเฉยต่อไม่ได้ ถึงไม่อยากมีเรื่อง แต่คราวนี้คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว
ผู้คนภายในร้านเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ บางคนเดินออกจากร้านไป บางคนใจกล้ายังอยู่ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในจำนวนนั้นยังมีชายหนุ่มในมุมมืดที่ตั้งตาดูอย่างสนใจ
เจ้าอันธพาลทั้งหมดเข้ารุมยูเอะและอายะกะอย่างบ้าครั่งแต่ก็ทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้ แถมพวกมันยังเป็นฝ่ายเจ็บตัวเอง
ไงล่ะ ทีนี้รู้รึยังว่าถูกรังแกเป็นอย่างไร ต่อไปอย่าให้เรารู้นะว่าพวกแกยังทำตัวเป็นอันธพาลอยู่ อายะกะกล่าว แล้วหันหลังจะเดินออกจากร้านไป ทั้งคู่ไม่รับรู้เลยว่าเจ้าอันธพาลคนหนึ่งคว้ามีดหั่นเนื้อจากโต๊ะใกล้ๆ และพุ่งตัวตรงมายังร่างของยูเอะซึ่งเดินรั้งท้ายอย่างรวดเร็ว!
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
แต่ก่อนที่มีดจะสัมผัสตัวยูเอะก็มีมือมือหนึ่งคว้ามือที่จับมีดเอาไว้ได้ ตามมาด้วยเสียงกระดูกหัก และก่อนที่มีดจะหล่นชายหนุ่มลึกลับก็คว้ามันไว้ได้
เจ้าอันธพาลคนนั้นสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ส่วนคนอื่นมีแววทึ่งระคนหวาดกลัวอย่างที่สุด
พวกแกยังไม่ไปอีกรึ หรือว่าจะฉันลงมืออีก! ชายหนุ่มลึกลับถามเสียงเข้ม
ชายหนุ่มกล่าวยังไม่ทันจบพวกอันธพาลก็พากันลนลานจากไป
ชายหนุ่มลึกลับหันมามองยูเอะและอายะกะ ทำให้ยูเอะได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน ผมสีดำและนัยตาสีนิลที่คมเป็นประกาย คิ้วดกหนา จมูกที่โด่งเป็นสันชวนมองและบุคลิกอันสง่างามของเขาประกอบกับวีรกรรมที่เขาได้กระทำ ส่งผลให้เขากลายคนที่จะประทับอยู่ในดวงใจของยูเอะไปชั่วนิรันดร์
คนบางจำพวกก็ไม่ควรหันหลังให้ โดยเฉพาะเมื่อเราทำให้มันเจ็บ ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกก่อนเดินจากไป
ยูเอะยังเหม่อมองจนลับสายตา มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อสังเกตเห็นดวงตาอีกคู่หนึ่งจ้องมองตนอย่างเจ้าเล่ห์ ถึงอายะกะไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่จากสายตาทำให้ยูเอะรู้ว่ายายตัวแสบเดาความรู้สึกของตนได้แล้ว ยูเอะหน้าแดงขึ้นมาทันตา
เอ่อเดี๋ยวเรื่องค่าเสียหายพรุ่งนี้เราจะมาจัดการให้นะค่ะ ยูเอะหันไปบอกเจ้าของร้านพร้อมยื่นนามบัตรให้ เป็นการเปลี่ยนเรื่อง
เมื่อเจ้าของร้านเห็นนามบัตรก็ละล่ำละลักกล่าวว่า
ไม่ไม่เป็นไรล่ะครับค่าเสียหายผมจัดการเอง
แต่ยูเอะและอายะกะยังคะยั้ยคะยอที่จะรับผิดชอบ จนในที่สุดเจ้าของร้านก็จำต้องรับไว้
อ้อแล้วขอร้องนะค่ะ เรื่องนี้คุณช่วยปิดทีอย่าให้ใครรู้ว่าเราเป็นใครโดยเฉพาะคุณพ่อ อายะกะกล่าวขอร้อง
นาฬิกาส่งเสียงบอกเวลาตี 3 แล้ว
เราก็กลับกันได้แล้วนะ ยูเอะกล่าวชวนอายะกะ
เดินออกจากร้านสักพักอายะกะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วบอกว่า
ศรรักปักอกเหรอค่ะ!
ยูเอะหน้าแดงไม่รู้จะตอบอย่างไร
ตอนนั้นทำไมพี่ไม่วิ่งตามไปนะ ถามชื่อไว้ก็ยังดี หรือไม่ก็อายะกะยังพูดไม่ทันจบก็โดนมะเหงกเข้าอย่างจัง
หยุดพูดถึงเขาได้แล้วแม่คนรู้ดี จะถึงบ้านแล้ว ยูเอะทำเสียงดุ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเป็นเพียงการแก้เขิน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
[โปรดติดตามตอนต่อไป]