หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
ความรื่นรมย์สุดท้าย ๑). ๐ หอมไหมกลิ่นหวานแห่งบ้านชายภู ณ ฤดูเมฆคลุ้มฟ้าอุ้มฝน หอมโมกไม้ละลายหอมมาล้อมวน หอมกล่นเกลื่อนโลกหนอโมกไม้ หวานไหมรสหอมหมอกห้อมเรือน ชื่นเหมือนเต็มตาตื่นเต็มคืนไหม เมื่อคืนฝนลงดอก-เช้าหมอกไอ คลี่สไบแตะตื่นด้วยผืนบาง แผ่วเพลงฮาร์โมนิกามา-หลับตาสิ แผ่วจะผลิเพลงโผยมาโรยสาง สรรพส่ำสำเนียงจะเรียงราง ทอดเส้นเป็นทางให้วางเท้า บนบรรทัดห้าเส้น-เธอเห็นไหม เสียงใจอึงขรมที่ลมเป่า แล้วเปิดตาเพ่งร่างหมอกบางเบา ฟังเงาไม้โมกที่โบกใบ ๒). ๐ แตะแสงแห่งเช้าสักคราวครู่ แตะอณูตรู่สางรางชางสมัย หมอกกำลังหมาดเรื่อมาเอื้อไอ เพียงใดหอมฟุ้งหนอรุ่งเช้า รักเธอที่รัก-ฉันรักเธอ แอบเอ่อน้ำตาจนบ่าเบ้า สูดกลิ่นอายหอมว้างจากร่างเงา เวิ้งหอมกล่อมเหงาอยู่เนานาน นานพอจะร้องไห้มิให้เห็น อยู่ในเส้นบรรทัดลมพัดผ่าน รักเอยรักหนอทรมาน พล่านพลุ่งฟุ้งซ่านในการคิด หอมหมอกโศกโมกเศร้าในเช้าสวย หอมมวยผมศกเธอปรกปิด อยู่ใกล้เพียงมือเงื้อมจะเอื้อมชิด เพียงเคลื่อนที่ชีวิตสักนิดน้อย หากลมบางหว่างกั้นสัมพันธภาพ ไร้รูปไร้ระนาบ-ผงะถอย ย่ำเช้าเท้าย่ำเธอย่ำรอย เหลือร่อยรอยย่ำจนช้ำเช้า เผลอจูบรอยนิ้วชี้-ริมฝีปาก เธอฝากรสแตะแต่ก่อนเก่า เผลอกระทั่งหวังเพ้อละเมอเคล้า จูบเงาไหวโบกของโมกไม้ สัมผัสฉันสักครู่-ฟังบลูส์ดิบ กระซาบกระซิบฟังสิ-คอร์ดคีย์ใหม่ ฮัมคลอฮาร์โมนิกาเศร้า-ฉันเข้าใจ สะอื้นไหวขับเค้นทุกเส้นบรรทัด ยังเนียนรสนิ้วชี้-ริมฝีปาก ยังค้อนฝากวงหน้าอยู่หลัดหลัด ฝากรอยก้อยเกี่ยวเธอเหนี่ยวรัด ฝากชัดจัดแจ่ม-ก่อนแรมลา ๓). ๐ นานพอจะร้องไห้มิให้รู้ ฉันผู้หวังวาดปรารถนา เสียงสักเสียงเรียงร่วงจากดวงตา ขลับกะพริบขลิบพร่ากล่อมฟ้าเช้า ฟังสิ-ฮาร์โมนิกาคีย์อี ความขมขื่นที่มี-แสนเศร้า นานช้าที่อิดออดโอบกอดเรา บางเบาแต่สัมผัสอยู่ชัดเจน นานเนิ่นที่เผินผิวที่พลิ้วไล้ นานพอจะร้องไห้มิให้เห็น กดน้ำตาซึมพรากแสนยากเย็น ยิ้มเค้นเร้นขื่นลวงคืนวัน ลวงทุกสรรพสิ่งที่ติงไหว ลวงแม้ลมหายใจที่ไหวหวั่น เพ่งพิศพินิจตรู่-ดูมัน หัวร่อล้อหยันวันคืน ฉันคนเดียวเท่านั้น-ฉันคนเดียว ขับเคี่ยวความตรอมตรมความขมขื่น คือความรื่นรมย์อันกลมกลืน กับเสียงสะอื้น-และอื่นใด ๔). ๐ หวานไหมรสหอมหมอกห้อมเรือน ชื่นเหมือนเต็มตาตื่นเต็มคืนไหม เมื่อคืนฝนลงดอก-เช้าหมอกไอ คลี่สไบผืนหมอกทุกซอกทาง ห่มความหนาวเหน็บให้เจ็บไข้ ดูเหมือนว่าอยู่ใกล้-แท้ไกลห่าง แหละเท้าเธอที่ย่ำหยาดน้ำค้าง ก็จะร้างรอยหมาดทุกหยาดน้ำ ฉันอยู่กับความรื่นรมย์อันขมขื่น ชื่นชมรมย์รื่นความกลืนกล้ำ เข้าใจดีโมกไม้จะร่ายรำ ตามท่วงทำนองเป่าที่เช้าพรม เป็นบรรทัดห้าเส้น-เธอเห็นไหม โหยไห้อึงมี่อึงขรม คีย์อี-ฮาร์โมนิกาใครที่ไล่ลม กลับระงมรัวรัวในหัวใจ หอมไหมกลิ่นหวานแห่งบ้านชายภู ณ ฤดูตรู่สวยนี้ป่วยไข้ คือการลวงสุดท้าย-ลมหายใจ ฉันกำลังร่ำไห้มิให้รู้ สัมผัสลมหายใจ-อุ่นไหมเธอ แหละเออนิ่งฟังสักครั้งครู่ รสหอมกล่อมเช้าอยู่กราวกรู โมกลู่ยอดเอนระเนนราย แตะแสงแห่งเช้าอีกคราวครู่ ก่อนอณูตรู่สางรางชางสลาย อำลาเถิด - ฟ้าจะพร่างสว่างพราย ความรื่นรมย์สุดท้าย-ทลายแล้ว! โย่ว สบายดีกันไหมฮะทุกท่าน ตอนนี้ ๔ ทุ่มแระ ง่วงกันมากไหมเอ่ย?
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
๑). ที่รัก& เดี๋ยวอีกสักเพียงครู่ก็ตรู่รุ่ง กลิ่นดอกเช้าแสนหอมจะหอมฟุ้ง ชโลมคุ้งขอบโลกมาโกรกเรือน อีกเพียงมิกี่กะพริบของดวงดาว ความชืดหนาวแสนมืดจะจืดเฝื่อน เพื่อจะทอแสงรางขึ้นรางเลือน แล้วแรเลื่อนไล่รางจนรางราง แหละอีกมินานเลยจักเผยภาพ อันอาบแสงพรายแดดสายพร่าง ส่องฉาดสาดฉายทุกสายทาง จัดจ้านสานสางขึ้นสางฟ้า นี่คือเรือนสุดท้ายในชีวิต หลังจากติดปีกบินทุกถิ่นท่า ที่จะพักความหนักหน่วงของดวงตา และดวงใจอ่อนล้านิรันดร์กาล ๒). เคยไหม?.-ความมืดดำที่งำชีวิต นั้นคลุ้มทิศครึ้มเหมือนมิเคลื่อนผ่าน ท่วมท้นล้นทะลักจากจักรวาล ขนาบกร้านขนานกร้าวทุกเท้าทาง เคยไหย?-ดั่งดวงตานี้ฝ้าหม่น มืดมนแล้วโลกที่โศกสร้าง และยิ่งทุกขณะตานี้ฝ้าฟาง ยิ่งเดินก้าวเท้าย่างบนทางรก นั่นแหละ-ทุกโขดเขินฉันเดินมา เหวชะโงกโตรกผาและป่าปรก แต่ละหนแห่งเยือนเหมือนนรก ให้ตื่นตกตระหนกขวัญและฝันร้าย ฝันร้ายมาตลอดชีวิตการเดินทาง ฝันระหว่างทางทอดตลอดสาย นั่นแหละ-การกัดกรามสู้ความตาย ที่ฉันบ่ายใบหน้าเข้าหามัน! ๓). ดึกสงัดหนาวเทิ้มมาเติมดึก สักเพียงพรึกเป็นเพื่อนก็เฝื่อนฝัน ดวงตา-ชะตากุมด้วยกลุ่มควัน ดวงใจจึงไข้ครั่นตะครอคลอ มากอดเข่าร่ำไห้อยู่ดายเดียว ในเรือนเปลี่ยวหนาวลมที่ห่มห่อ กอดตนเองสะอื้นจนขื่นคอ ถั่งทอน้ำตาจนพร่าพราย สวยแท้ความเศร้าโศกของโลกระยำ หวานล้ำความขมแค้นนับแสนสาย หอมเหลือกลิ่นความเศร้าที่คาวคาย โชคร้าย-ฉันยังมีซึ่งชีวิต!! ๔). เธออยู่ ณ ที่ใดโลกใบนี้? คุ้งฟ้าราตรีนี้มืดสนิท ชโลมอาบฉาบโลกจนโชกทิศ โซมมืดจนมืดมิดสนิทฟ้า มืดมนจนมิเห็นสักเส้นแสง ที่ดาวแต่งให้เห็นสักเส้นค่า มืดมิดสนิทห้วงบดดวงตา อันเฟือนฝ้าฝาดดวงของห้วงใจ เธออยู่ที่ใด ณ โลกใบนี้? ชีวิตที่ฉันเคย-เธอเคยไหม? หนาวลมพรมระบัดที่กวัดไกว นี้ชื้นไอหนาวเยือกสุดเฮือกแล้ว เคยไหม?-ความเหน็บหนาวในชีวิต ห่มเธออยู่แนบชิดทุกทิศแถว เคยไหม?-หวังสักพราวดาวดวงแพรว กลับดวงแก้วแวววับนั้นวับวาย สวยแท้ความเศร้าโศกหนอโลกระยำ หอมล้ำความขมแค้นนับแสนสาย หยาดน้ำตารี่รุดเม็ดสุดท้าย มือฉันป้ายพรายฝาด-แล้วปาดทิ้ง! ๕). เมื่อใดจะทอแสงรางขึ้นรางเลือน ยิ่งดูเหมือนดึกคล้อยยิ่งอ้อยอิ่ง มีเพียงอายลมหนาวมากราวติง ลั่นกริ่งกังสดาล ณ ชานเรือน โอความมืดดำที่งำวิญญาณ หนาวสะท้านสิ้นไร้สักใครเพื่อน โอโขดเขินเนินเขาที่ก้าวเยือน ยิ่งดูเหมือนนรกตามสุมอกมิวาย สวยแท้ความเศร้าโศกอันโชกชุ่ม ทุกเหลี่ยมมุมงามแท้-ความแพ้พ่าย เสียงสะอื้นฟังสิ-จะอธิบาย ชีวิตก่อนความตายจะกุมกำ ฉันกอดเข่าร่ำไห้อยู่ดายเดียว ขับเคี่ยวความเจ็บปวดที่หวดย่ำ ในโลกหนาวชืดแสนมืดดำ รอหอมล้ำแสนเศร้าที่เช้าปรุง ที่รัก& เดี๋ยวอีกสักเพียงครู่ก็ตรู่รุ่ง เรือนจะไหม้ควันคลุ้มเป็นกลุ่มคลุ้ง และศพสดสะดุ้งเมื่อถูกไฟ! มันใกล้จะเช้าละยังหว่า เฮ้อออออออออออออออออ
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
คือมือนุ่มนิ่มอันอิ่มเต็ม ไต่เล็มมือหนา-ฝ่าใหญ่ พ่อกำมือลูกน้อยกลอยใจ ตาใสเจ้าหนอลูกพ่อเอย ฝาดเหลือเนื้อนุ่มน่ากุมจับ ตาวับขลับเงาเจียวเจ้าเอ๋ย เดียงสาตากวางอย่าร้างเลย ให้วับเย้ยโลกกว้างอยู่อย่างนี้ เป็นเด็กดีของพ่อมิพอหรอก โลกนอกเรือนบ้านสถานที่ เจ้าต้องพร้อมตนเป็นคนดี จึงมีฐานะสมมนุษย์ จงเติบโตเริงร่าประสาเด็ก โลกใบเล็กเหนื่อยก็พัก-หนักก็หยุด ดูเถิดเมฆบนฟ้า-พญาครุฑ ทรงชุดฝ้ายขาวจนพราวฟ้า แหละซุกซนเถิดเจ้าเมื่อเยาว์วัย เด็กใดย่อมซุกซนตามประสา เติบโตเหมือนเช่นพ่อเป็นมา เช่นปู่ย่าของลูกเคยซุกซน จนเมื่อเจ้ากำนิ้ว-พ่อกิ๊วล้อ ลูกหนอนี่ใช่โลกใบส้มผล เป็นเพียงนิ้วธรรมดาสามัญชน ที่ปั้นมือลูกตนให้ทนทาน ให้มือหนาฝ่าใหญ่สมใจพ่อ แข็งแรงแกร่งพอจะต่อสาน ปั้นโลกสืบทอดตลอดกาล ส่งผ่านช่วงต่อคนต่อไป คือมือนุ่มนิ่มอันอิ่มเต็ม ไต่เล็มมือหนา-ฝ่าใหญ่ จึงกำมือลูกน้อยเจ้ากลอยใจ นิ้วเจ้าไชมือกรำที่กำกุม คือเจ้า& วัยเยาว์เจ้าเอ๋ยพ่อเคยอุ้ม โลกนี้มิช้าดอกทุกซอกมุม ผู้ที่มือนิ่มนุ่มจะกุมกำ! หวัดดีคร้าบบบบบบบบบบทุกๆท่าน อันนี้เขียนให้เพื่อนน่ะครับ กริๆ มันมีลูกน่ารัก เห็นแล้วก็อิจฉามัน การจะมีลูกได้นี่ มันต้องมีเมียก่อนใช่ไหมครับ?
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
๑.-เพลงกลิ่นฟางสาบสาว ร้องโดยปอง ปรีดา ๒.-เพลงทุ่งรัก ร้องโดยศรคีรี ศรีประจวบ ๓.-เพลงหยาดเหงื่อเหนือคิ้วนาง ร้องโดยชัยชนะ บุญณโชติ ๔.-เพลงรอยไถแปร ร้องโดยก้าน แก้วสุพรรณ บทเพลงโพ้นทุ่ง ๑).ลุ่มดินถิ่นนี้เคยมีมนต์รักตรึงตรา โพ้นทุ่งคือลำคลองน้ำนิ่ง ตลิ่งสองฟากยึดรากหญ้า ให้หยัดต้นชูยอดตลอดมา และระนาบราบหล้าเวลาลม ลัดทุ่งโดยทางใช้ย่างก้าว กอข้าวท่วมล้อมห้อมห่ม ไมยราพทิ่มตำหนามคม เลนตมโคลนเปือกเทือกทาง เด็ดดอกหญ้าเสียบก้นแมลงปอ ไล่ล้อเล่นลมโลมร่าง ปีกใสไร้สีคลี่กาง บอบแบบโปร่งบางหางยาว โพ้นทุ่งคือลำคลองน้ำลึก ที่พฤกษ์ทบพุ่มตะคุ่มท่าว บดบังลำพูดอกพราว ที่กิ่งน้าวโน้มโค้งลงน้ำ ๒). แดดบ่ายปลายคุ้งท้องทุ่งรวงทอง ผิวหน้าอาจเงียบดูเรียบนิ่ง ค้อมกิ่งโค้งจุ่ม - ชุ่มฉ่ำ แผ่วเสียงแอคคอร์เดียน การเขียนคำ ของครูเพลงผู้คร่ำเคี่ยวกรำงาน แดดบ่ายระบายทุ่งจรดคุ้งโค้ง ฟ้าโล่งโปร่งปลอดตลอดน่าน สดับสรรพคีย์อลังการ เนิ่นนานนาบเนิบ - เนิบช้า เนิบช้าแผ่วบางแล้วจางหาย ละลายไปกับแดดที่แผดจ้า เกล็ดแดดสะท้อนวับ จับตา โรยหน้าผิวน้ำในลำคลอง ดงดอกลำพู - ชมพูม่วง โรยร่วงกลีบน้อยลงลอยล่อง ภวังค์กำลังเอ่อ - เหม่อมอง พรายฟองฟ่องพราวที่เท้าตี เงี่ยฟังเสียงแอคคอร์เดียน - การเขียนเพลง อันแว่วหวานวังเวงเหลือที่ นานนับทศวรรษ - ปีผลัดปี ดนตรี คีย์โน้ต บทเพลง กรุ่นกรุ่นในคำนึงคิดถึงอยู่ เพลงครูแจ่มชัด - ครัดเคร่ง อบอวลมวลฝันบรรเลง ท่ามกลางความวังเวงของเพลงลม ๓). หยาดเหงื่อที่ย้อยอยู่เหนือคิ้วนาง ลุ่มน้ำลำคุ้งปลายทุ่งข้าว ฤดูเกี่ยวเมฆหนาว--ขาวห่ม แต่ละรวงอวบอ้วน - ชวนชม ทองถมโน้มรวงถ่วงปลาย จึงเพลงรักบ้านทุ่งก็ฟุ้งกลิ่น ไวโอลินเสียงดีก็สีสาย เป็นเสียงรวงเสียดเปลือก - ลมเสือกราย ใบคายละเอียดก็เสียดเรียว สาวสวมงอบกอบเกี่ยวเอาเคียวเก็บ สากหนามือเล็บเพราะเก็บเกี่ยว พอลมโหมรวงข้าวกันกราวเกรียว เหงื่อเหนียวก็คายกระอายร้อน หยาดเหงื่อที่ปลายคิ้วจึงปลิวลม เส้นผมจึงไรสยายอ่อน วับวับเคียวกำรำฟ้อน ทรานซิสเตอร์ถ่านก้อนกระท่อนมา เสียงปาดไวโอลินแล้วชักกลับ สอดรับเสียงทุ้มของรุมบ้า เปียนโนพลิ้วคีย์นิ้วลีลา โดเรมีฟาซอลลาซี เก็บดอกลำพู - ชมพูม่วง พอนลำพูทอดงวง - หวงที่ สงบนิ่งมั่นคงอยู่ตรงนี้ ฟังเพลงสีไวโอลินส่งกลิ่นไม้ ๔). ทุ่งนาแดนนี้ไม่มีความหมาย ท้ายทุ่งคือลำคลองน้ำลึก พุ่มพฤกษ์ลมโกรกก็โบกไหว วงกระเพื่อมเลื่อมแดดถ่างแวดไป ลมเรี่ยน้ำใสนั้นไล่วง จนตะวันชายคล้อยลอยลงต่ำ ลำพูชายน้ำกิ่งก่ง ก็ทอดเงาระนาบราบลง กับพงหญ้ารกที่ปรกดิน ควันไฟจากครัวเริ่มพวยควัน เสียงโขลกครกลั่นสนั่นถิ่น แอคคอร์เดียน เปียนโน ไวโอลิน ยังยินสำเนียงคลอเสียงครก ผละจากดงลำพู - ชมพูม่วง พอนลำพูทอดงวง - ดอกดก ทรานซิสเตอร์ถ่านก้อนกระท่อนกระทก ยามสายัณห์ตะวันตกลงอกดิน ลัดทุ่งโดยทางที่ย่างก้าว คล้อยสาวสวมงอบเหงื่อประทิ่น เพลงครูโผยแว่วที่แผ่วยิน ช่างฟุ้งกลิ่นหอมล้ำของน้ำพริก! ๑.-เพลง กลิ่นฟางสาบสาว ร้องโดย ปอง ปรีดา ๒.-เพลง ทุ่งรัก ร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ ๓.-เพลง หยาดเหงื่อเหนือคิ้วนาง ร้องโดย ชัยชนะ บุญณโชติ ๔.-เพลง รอยไถแปร ร้องโดย ก้าน แก้วสุพรรณ หวัดดีคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ มิตรรักแฟนเพลงทุกท่าน ต่อหน้าท่าน ณ บัดนี้ คือวงดนตรีสุรพลลลลลลลลลลล
หมี่เป็ด ผู้ชายนัยน์ตาสนิมเหล็ก
ผิวเอยกูผิวปากมาฝากเพลง ฟังเถิดเอ็งเพลงพลิ้วกูผิวถึง อันแผ่วโผยโหยพ้อต่างซอซึง เพลงบทหนึ่งกำลังรินหลั่งลาย เป็นลายเพลงเวงวังกูหลั่งริน แห่งทุ่งถิ่นนาเถื่อนคืนเดือนหงาย แม่โพสพซบยอดลงวอดวาย ทอดกายสั่นสะทกแทบอกดิน เมล็ดแม่หนาวเหน็บและเจ็บไข้ ข้าวรวงใดอ้วนพีเป็นศรีถิ่น แม่กูเอ๋ยล่อตาให้กากิน กายังเมินเสียสิ้น-แผ่นดินนี้ ฟ้าฝนมิตกต้องตามฤดู ทั้งบึงหนองคลองคูก็ดูถี จะแห้งงวดขอดฝั่งอยู่ทั้งปี ครั้นเต็มปรี่ก็ท่วมท้นจนล้นลำ คงแต่ความทุกข์ยากลำบากเหลือ ดอกขี้เกลือเหงื่อชุ่มชอุ่มฉ่ำ แต่ละเม็ดทะลักบ่าดั่งตาน้ำ ให้กูขอดดื่มกล้ำแต่น้ำตา ก็น้ำตากูแหละซาวคลุกข้าวกิน เพื่อทรงวิญญาณกูให้รู้ว่า ศพลีบแม่เกลื่อนดินสิ้นราคา มิต่างนักดอกหวากับค่ากู เพลงบทหนึ่งกำลังรินหลั่งลาย กูระบายขื่นเข็ญที่เป็นอยู่ ฟังเถิดแม่ขวัญทุ่ง-ขวัญคุ้งคู เพลงที่กูผิวปากชื่อยากไร้ ชีวิตที่ฝังฝากกับฟ้าดิน มันกำลังสูญสิ้น-ได้ยินไหม? เสียงแผ่วผิวพลิ้วฝาดเจียนขาดใจ กูกำลังร้องไห้ - ใกล้ใกล้เอ็ง ชิ้นนี้ใช่ปะครับคุณเพียงพลิ้ว (ใช่คุณคนนี้ไหมหว่า? แหะๆ) ที่บอกว่าชอบอะครับ ถ้าใช่ ก็เอาชิ้นนี้มากำนัลคุณเพียงพลิ้ว ณ ที่นี้เลยนะครับ