16 กรกฎาคม 2545 11:16 น.
หมายเลขสิบสาม
"หมาใครน่ะแม่" ผมถามเมื่อเห็นหมาไม่คุ้นหน้าอยู่ในบ้าน
"ของน้าเราน่ะแหละ บ้านโน้นเขาไม่ว่างเลี้ยง เลยเอามาให้เรา"...
...ไอ้ซ่าเป็นหมาตัวเมียพันธุ์มินิเอเจอร์ ขนสีน้ำตาลไหม้นัยน์ตาดูเหมือนจะกลืนเป็นสีเดียวกันหมดและมีน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา แม่บอกว่าคนบ้านโน้นเขาอาบน้ำให้มันแล้วไม่ระวัง แชมพูเลยไหลเข้าตาทำให้ตามันไม่ค่อยดี ซ่ามีนิสัยลุกลี้ลุกลนอยู่ตลอดเวลาตามประสาหมามินิเอเจอร์ทั่วไป ช่วงแรกๆที่ซ่ามาอยู่บ้านเรามันผอมมาก แต่พออยู่ไปได้สักช่วงหนึ่งมันก็เริ่มอ้วนขึ้น และดูท่าจะอ้วนขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ทำให้แม่ผมภูมิใจมากในฐานะคนเลี้ยงและให้ข้าวให้น้ำ
ซ่าสนิทสนมกับพี่สาวผมมาก มันจะวิ่งตามพี่ไปทุกที่ เวลาพี่ดูโทรทัศน์มันก็จะนอนอยู่ข้างๆ เวลาพี่เข้านอน พี่ก็จะเอามันเข้านอนด้วย หากวันไหนที่พี่ไม่เอามันไปนอนด้วยก็แสดงว่าพี่ตั้งใจจะตื่นสายกว่าปกติ แต่แม่ก็มักจะจับทางได้ทันเสมอ แม่จึงเอาซ่าไปปล่อยในห้องนอนพี่ตั้งแต่เช้า ซ่าจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วเดินเหยียบ ลงไปบนตัวพี่ เอาเท้าเขี่ยจมูกพี่บ้าง เลียหน้าพี่บ้าง ผมซึ่งนอนอยู่ห้องข้างๆ กันกับพี่ก็จะพลอยโดนไปด้วยทำให้เราสองคนต้องตื่นแต่เช้าทุกวันด้วยฝีมือ ฝีเท้า และฝีลิ้นของซ่า
ซ่ามาอยู่กับเราได้หลายเดือนแล้วตอนที่พ่อเอาหมามินิเอเจอร์มาอีกตัว เราเรียกมันว่าไอ้หลง หลงตัวโตกว่าซ่าและมีดีกรีความซ่ามากกว่าซ่าเสียอีก ทำให้บ้านเราสนุกและวุ่นวายขึ้นกว่าเดิมเยอะ หลังจากนั้นไม่นาน ซ่าก็ตั้งท้อง ตอนแรกๆ เราก็ดูไม่ออกว่ามันท้องหรือว่าอ้วนขึ้นกันแน่ แต่พอนานเข้าก็แน่ใจว่ามันท้องแน่ๆ ซ่ากลายเป็นหมาขี้อ้อน ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆคนในบ้าน มานอนอยู่ข้างๆ และลดดีกรีความซ่าลง ส่วนไอ้หลงดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยซ่ามากขึ้นพวกเราทุกคนก็อยากจะเห็นลูกหมาตัวน้อยๆออกมาลืมตาดูโลกไวๆ พอใกล้วันที่ซ่าจะคลอด เราก็เอาซ่าไปฝากครรภ์ไว้ที่คลินิกประจำ คนที่นั่นรักหมาและดูแลหมาได้ดีกันทุกคน เราจึงมั่นใจว่าลูกๆและซ่าจะปลอดภัย
เย็นวันหนึ่งขณะที่ผมอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แม่ก็วิ่งเข้ามาบอกว่าซ่ากำลังจะคลอด เราจึงรีบเอารถออกเพื่อพาซ่าไปที่คลินิก ทุกคนดูตื่นเต้น ซึ่งนั่นก็รวมถึงผมด้วย เมื่อไปถึงคลินิก คุณหมอก็รีบพาซ่าเข้าห้องทำคลอดโดยให้พวกเรารออยู่ด้านนอก ผมนั่งรอและคิดถึงลูกหมาตัวน้อยๆ อยากรู้ว่ามันจะมีกันกี่ตัว สีจะเหมือนซ่าหรือว่า เหมือนหลง ลูกหมาพันธุ์นี้จะตัวโตแค่ไหนกันนะ
สักครู่หนึ่งคุณหมอก็ออกมาจากห้องและบอกว่าลูกของซ่าตัวหนึ่งนอนขวางลำตัวซ่าอยู่ทำให้ออกมาไม่ได้ จึงจะขอผ่าท้องเพื่อเอาลูกออกมา แม่รีบตกลงตามที่หมอพูด แล้วก็ส่งพี่สาวผมให้ตามหมอเข้าไปในห้อง
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือความกลัวและความเป็นห่วง ห่วงว่าซ่าจะเป็นอะไรมากไหม จะปลอดภัยหรือเปล่า ผมบอกตัวเองว่าซ่าและลูกๆต้องปลอดภัย ทั้งๆที่มือสั่นและใจคอไม่ค่อยดี ...ซ่าเป็นหมาที่อ่อนแอ... นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะนึกถึง
ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วตอนที่คุณหมอและพี่สาวผมออกมาจากห้องทำคลอด ผมกำลังจะเข้าไปถามพี่ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม ซ่าปลอดภัยหรือเปล่า แต่ก็เหลือบไปเห็นห่อผ้าที่พี่อุ้มออกมา และเห็นว่าพี่กำลังร้องไห้ ครู่หนึ่งที่ผมรู้สึกว่าทุกอย่างเงียบงัน แม่เดินหลบออกไป คุณหมอหันมาพูดกับผมและพ่อว่าลูกๆของซ่าปลอดภัยดี ตอนนี้ผู้ช่วยกำลังทำความสะอาดอยู่ แต่ตัวซ่าเองทนพิษบาดแผลไม่ไหว เขากล่าวแสดงความเสียใจกับเราด้วยน้ำเสียงที่สั่นน้อยๆ แล้วเดินออกไป...
...ระหว่างทางกลับบ้านไม่มีใครพูดอะไร ที่นัยน์ตามีรอยชื้นน้ำตาปรากฎอยู่ ผมกับพี่นั่งที่เบาะหลัง ในวงแขนพี่มีห่อผ้าที่เปิดให้เห็นร่างไร้ชีวิตของซ่าอยู่ ตาของมันปิดสนิท ไม่มีน้ำตาไหลออกมาให้เราคอยเช็ดเหมือนเดิมอีกแล้ว..
พี่สาวผมพูดออกมาเบาๆ...
"ตอนที่หมอบอกว่ามันคงไม่รอด มันมองหน้าพี่.. เท้าหน้ามันขยับมาหา ..มันจ้องหน้าพี่อยู่ตลอด พี่ลูบหัวมันแล้วบอกว่าเราจะดูแลลูกมันเอง ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มันกะพริบตา.. ช้าๆ.. แล้วก็หลับตา..." แล้วเสียงพี่ก็ขาดไป
หลับเถอะนะซ่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอกนะ
หลับให้สบายเถอะ... น้องรัก...