30 มีนาคม 2553 20:18 น.

ใครหนอวาดควันไฟไว้บนปีกผีเสื้อ

หมอกจาง

บางเบาราวกับควันไฟบนปีกผีเสื้อ
ครั้งหนึ่ง-ฉันเคยเห็นหลุมดำในดวงตาของเธอกระเพื่อมไหว

.................................................

นานมาแล้วในระหว่างการเดินทาง
สมุดบันทึกของฉันจดจำภาพเธอเป็นสีซีดจาง
เก่า-คร่ำคร่า และบางรายละเอียดก็ขาดหาย
แต่ความรู้สึกครั้งนั้น ยังคงแจ่มชัดครบถ้วนอยู่ทุกอณูความรู้สึก

เหมือนความฝันในยามหัวค่ำที่ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามดึก
ทบทวนเรื่องราวนั้นซ้ำซ้ำ และไม่แน่ใจว่าตนเองเผลอหลับไปเมื่อยามใด
สายลมยังหอมหวล กลีบดอกไม้สีขาวยังคงกระจ่างชัด
ที่เธอร้องขอ และฉันหยิบยื่นดอกไม้ให้เธอนั้น เป็นเพียงความฝันกระนั้นหรือ?

ถ้อยคำบางครั้งก็เปล่าค่า
เราพูดอะไรต่อมิอะไรมากมาย ซึ่งไม่มีคุณค่าความหมายอะไรสักอย่าง
แต่เนื่องเพราะคำพูดในวันนั้น ที่เราพูดกันโดยปราศจากคุณค่าและความหมาย
ความกลวงเปล่าเหล่านั้น สั่นไหวหัวใจฉันอย่างรุนแรงในทุกครั้งที่นึกถึง

เราอยู่ใกล้ และอยู่ห่าง
คิดถึงโดยปราศจากความยับยังชั่งใจ หากต่างก็เม้มปากไว้สนิทแน่น
ไม่ใช่เพราะแดดยามบ่ายหรอก ที่ผ่าวแก้มเธอแดง
และไม่ใช่เพราะแมลงวันตัวน้อยบนโต๊ะเช่นกัน ที่ทำให้ฉันต้องเสหลบสายตา

ใครหนอวาดควันไฟไว้บนปีกผีเสื้อ
บางเบา ล่องลอย อ้อยอิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็ติดสนิทแน่น
บางครั้งเสมือนรอยสักที่ภาคภูมิ บางครั้งเสมือนรอยแผลเป็นที่เจ็บปวด
ลบไม่ได้ หลีกไม่พ้น ได้แต่หอบพานำไป ติดตัวจนกว่าจะตาย

กาลเวลาผ่าน สถานที่เปลี่ยน
กระทั่งสถานที่เดิมก็ไม่เป็นเหมือนเดิม
เราต่างเขียนเรื่องราวร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่ง แตะแต้มมันไว้ ตรงนั้นตรงนี้
เมื่อหวนคิดถึงสถานที่หนึ่งสถานที่ใดที่เคยมีสองเราร่วมอยู่ เธอคิดถึงฉันบ้างไหม

สำหรับฉันแล้ว ทุกครั้งที่หวนนึกถึงเธอ ฉันจะมองเห็นดวงตาดำสนิทคู่นั้นเสมอ

ลึกซึ้งและซ่อนเร้น
มองไม่เห็น อ่านไม่ออก หรือไม่คิดมองหา
ดวงตาของเธอที่ดำขลับ ลึก  มองไม่เห็นก้นบึ้ง
หรืออาจเป็นเพราะฉัน ที่หาหัวใจตัวเองไม่เจอ

.............................................

บางเบาราวกับควันไฟบนปีกผีเสื้อ
ครั้งหนึ่ง-ฉันเคยเห็นหลุมดำในดวงตาของเธอกระเพื่อมไหว				
18 มีนาคม 2553 10:02 น.

เราเลิกเขียนกลอนรักกันแล้วกระนั้นหรือ?

หมอกจาง

jpLdH.jpg

เราเลิกเขียนกลอนรักกันแล้วกระนั้นหรือ?

ใครหนอเอาต้นความเกลียดชังมาปลูก
หัวใจเราอาจมีดินที่ดี
ความเกลียดชังจึงงอกงามได้ไวเหลือเกิน

เธอรู้ไหมว่าสายรุ้งมีกี่สี
ดวงตาอันโง่เขลาของเรานั้นแยกได้แค่เจ็ด
บางที ด้วยความเข้าใจ ด้วยความละเอียดอ่อนของดวงใจ
สายรุ้งนั้นมีสีได้ร้อยพัน

ความรักมีสีอะไร?
ฉันเคยถามคำถามนี้เมื่อนานมาแล้ว
ความรักไม่มีสี มันไม่เคยมีสี
ในความรักนั้นเรามองหาความเหมือน
มีเพียงแต่ความเกลียดชังเท่านั้น ที่มองหาความต่าง

เราเหมือนกันจนแทบจะเป็นหนึ่งเดียว
เพียงตำหนิเล็กๆที่เราแตกต่าง
เราจึงบอกว่าเราแตกต่างกันอย่างนั้นหรือ

ถ้าฉันขอน้ำเธอ เธอจะให้น้ำฉันไหม
ถ้าฉันยิ้มให้เธอ เธอจะยิ้มกลับมาให้ฉันไหม
ฉันไม่อยากเห็นเธอหยุดหัวเราะ เมื่อเธอพบว่าฉันหัวเราะพร้อมๆไปกับเธอ
มันคงจะดี ถ้าเราต่างยอมรับว่าเราโง่บัดซบด้วยกันทั้งคู่
เพื่อว่าเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม

เธอรู้ไหมว่ากาลเวลานั้นเป็นผู้ทรยศอย่างวายร้าย
มันมักสัญญิงสัญญาว่าจะจดจำเรื่องราวต่างๆเอาไว้
แต่ชั่วไม่ช้าไม่นาน มันก็จะลืมเลือนไปจนหมดสิ้น
รอยเท้าบนผืนทรายอยู่ได้นานแค่ไหน
รอยเท้าบนก้อนหินก็อยู่ได้นานกว่าเพียงเล็กน้อย
อย่าฝากอะไรไว้กับกาลเวลาเลย

เขียนมันลงหัวใจฉัน และให้ฉันเขียนมันลงหัวใจเธอ
ในห้วงนาทีที่เราปฏิสัมพันธ์กัน
เธอบอกฉันสิ ว่าเธออยากเขียนอะไร?

เธออาจคิดว่าฉันเป็นผู้โง่เขลา 
และเธออาจคิดว่าฉันเป็นผู้อ่อนแอ
อาจจะใช่ เพราะฉันไม่พร้อมที่จะตายเพื่ออะไรสักอย่าง
แต่ฉันพร้อมที่จะอยู่ เพื่อทุกอย่าง

เรากำลังทำอะไรกันอยู่หรือ?
รดน้ำต้นไม้แห่งความเกลียดชังด้วยวาทะส่อเสียด
พรวนดินให้มันอย่างขยันขันแข็ง
เราต่างปลูกมันขึ้นมาอย่างร่วมแรงร่วมใจโดยต่างไม่มองหน้ากัน

อย่าชาญฉลาดเลย 
เพราะเรามีคนชาญฉลาดมากเกินไปแล้ว และมันไม่เคยทำอะไรให้ดีขึ้น
อย่าแข็งแกร่งเลย
หากความแข็งแกร่งนั้น ทำร้ายใครรอบข้างที่เข้ามากระทบ กระทั่งเราเองก็บิ่นพังลงไป
อย่ามีอุดมการณ์เลย
หากว่าวาทะในอุดมการณ์นั้น มิใช่คำพูดของเราเอง

จงโง่เขลาและเย่อหยิ่งในความโง่เขลานั้น
หากมันจะทำให้ความเกลียดชังระหว่างเราเบาบางลง

หากว่าฉันบอกว่ารักเธอ เธอจะรักฉันบ้างได้ไหม?				
3 มีนาคม 2553 21:55 น.

การพรากจาก

หมอกจาง

เธอรู้ไหม
ว่าชีวิตมนุษย์นั้น มีแต่การพรากจาก
เพียงแค่ว่าจะนาน หรือจะเร็วแค่ไหนเท่านั้น

ฤดูร้อนเริ่มก้าวล่วงเข้ามา
ดอกคูนดอกตะแบกบางต้นที่อ่อนไหวกับสายลมร้อนก็เริ่มออกดอกมาทักทาย
การพรากจากบางครั้งเดินทางมากับลมร้อน 
เหมือนกับที่บางครั้งมันเดินทางมากับลมหนาวหรือลมฝน
อันที่จริง การพรากจากอาจไม่ได้เดินทางมาจากที่ไหนเลย
มันหยุดสงบนิ่ง รอคอย อยู่ภายในใจของเรา
นับตั้งแต่วินาทีที่เราได้พบกันนั้นแล้ว

ความว่างเปล่าไม่มีน้ำหนัก
บางครั้ง มันดูคล้ายกับความเหงา แต่มันก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ความเหงานั้นมักมีทิศทางของมันที่ชัดเจน ขณะที่ความว่างเปล่าไม่ใช่
ล่องลอยและเคว้งคว้าง
ร่ำร้องตะโกนอยู่ภายในลึกๆ หวังให้ใครสักคนฉุดดีงกลับมายืนบนพื้นดิน

การพรากจากมักทำให้เกิดความว่างเปล่า
ฉันนึกถึงเมื่อขณะที่ลมร้อนอันแห้งแล้งพัดดอกคูนพรูร่วงหล่นลงจากต้น
ลานดินเกลื่อนด้วยดอกสีเหลืองที่พร้อมจะปลิวไป และทิ้งไว้เพียงกิ่งก้านอันเปล่าเปลือย
ตอนนี้ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นต้นคูนต้นนั้น ต้นที่ปราศจากอาภรณ์เหลืองอร่ามคลุมกาย
ว่างเปล่าเศร้าสร้อย แต่ก็ยังโหยหา-ไขว่คว้า คืนวันอันจะหวนมาเบ่งบาน

ทุกปี ทุกปี ซ้ำแล้วและก็ซ้ำเล่า
ที่ดอกคูนนั้นเพียรออกดอกเมื่อแรกฤดูร้อนมาเยือน
เหลืองกระจ่างสว่างไสว
เพื่อสิ่งใดกันเล่า ในเมื่อไม่ช้าไม่นานหลังจากนั้น
สายลมร้อนก็จะพาจะพรากเอาดอกเหลืองอันอ้อยสร้อยลอยลับไปเหมือนทุกปี
ฉันอดนึกสนเท่ห์ไม่ได้ ว่าต้นคูนเหล่านั้นเอากำลังใจมาจากไหน
ที่จะเบ่งบานเพื่อพรากจากอยู่ซ้ำซ้ำอย่างนั้น

..........................................

ฉันเขียนบทกวีเล็กๆบทนี้ ให้กับดอกคูนบางดอกที่ร่วงหล่น
และโดยคืนวันอันเคยงดงามและบานสะพรั่ง
ฉันจึงหวังว่าเมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวระหว่างเราครั้งใด
ที่ผุดพรายขึ้นมาในดวงความคิดของเธอ จักเป็นความทรงจำที่งดงาม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหมอกจาง
Lovings  หมอกจาง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหมอกจาง