24 สิงหาคม 2552 16:36 น.
หมอกจาง
ฝนนอกหน้าต่างตกเปาะแปะ
อากาศชื้นหอมหวานไหลเข้ามาอบอวลอยู่ในห้อง
เสียงฝนฟังดูเหมือนมีจังหวะจะโคนของมันแปลกๆ
..
จำคืนนั้นได้
ที่เธอซ้อนมอเตอร์ไซค์ฉันออกไปหาอะไรกินข้างหลังมอ
แล้วขณะที่ขี่รถกลับ จู่ๆฝนก็ตกกระหน่ำ
ฉันรีบบิดเร่งเครื่อง กลัวว่าจะพาเธอมาเปียกปอน
เธอที่ด้านหลัง คลุมตัวไว้ใต้เสื้อคลุมประจำภาควิชาของฉัน เสียงฮัมเพลงด้วยเสียงเล็กๆ ลอดออกมาแข่งกับเสียงฝนที่ตกกระหน่ำ
“ฟ้าในคืนฝนฉ่ำ คงนึกขำต่อคำสัญญา..”
วินาทีนั้น ฉันหลงรักเธอขึ้นมาดื้อๆ
..
คืนหนาวคืนหนึ่ง ลมพัดแรง
ทางเดินระหว่างตึกที่ฉันนั่งทำงานชิ้นสุดท้ายของปีสี่ กับตึกที่เธออยู่นั้น ถูกวางเรียงรายไว้ด้วยเทียนถ้วยเล็กๆ ตลอดแนวทางเดิน
คงเนื่องจากเทศกาลอะไรบางอย่างที่ฉันเองก็จำไม่ได้แล้ว
คืนนั้นลมหนาวกรรโชกหนัก เธอโทรมาบอกให้ฉันเดินไปรับเธอเพื่อจะมานั่งเล่น-ดูรายการทีวีบางรายการที่ห้องทำงานฉัน
ฉันเสียเวลาพักใหญ่ กว่าที่จะเดินผ่านทางเดินนั้นไปรับเธอ
เราเดินคุยกันมา ผ่านทางเดินทางเดิม เทียนในถ้วยที่เรียงรายดับไปกว่าครึ่ง
ฉันเดินจนเกือบสุดทาง กว่าที่จะรู้ว่าเธอปล่อยให้ฉันเดินมาเพียงลำพัง
หันไปมองดู เห็นเธอสาละวนอยู่กับการต่อเทียนน้อยๆเหล่านั้นจนสว่างครบทุกดวงบนทางเดิน
ฉันมองเธออย่างเงียบๆไม่พูดอะไร
เมื่อเธอเดินมาหาฉัน ฉันถามเธอว่า เธอรู้ไหมว่ามันเปล่าประโยชน์ ลมที่พัดแรงจะพัดมันดับในชั่วอีกไม่นาน
เธอบอกว่าเธอรู้ แต่ว่าเธออยากเห็นมันสว่างไสวเรียงรายกันอย่างนั้นสักนิด แม้จะเพียงครู่เดียววูบเดียวก็ตาม
เราสองคนยืนนิ่งมองมันชั่วครู่ ก่อนที่จะหันจากไป ปล่อยเทียนเหล่านั้นไว้กับสายลม
เธอถามฉัน
ว่าฉันคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันไร้สาระหรือเปล่า
บางที.. ฉันตอบ
แต่ก็นั่นแหละ เธอรู้ไหม ว่านี่คือสาเหตุที่วันนี้ฉันเดินไปรับเธอช้ากว่าที่เคย
วันนั้นเธอยิ้มให้ฉันได้สวยที่สุด
..
"ฉันถือแหเก่าคร่ำคร่า
ออกเรือจากริมฟ้า
มุ่งหน้าไปกลางทะเลดาว.."
..
วันหนึ่ง ฉันและเธอคุยกันเรื่องหนังสือ
เธอบอกว่าเธอชอบอ่านบทกวี และบ้างบางครั้ง-เธอเขียนบทกวี
ฉันบอกเธอว่า ฉันเองก็เช่นกัน
อ่านบทกวี บางครั้ง-แอบเขียนและซ่อนมันไว้อย่างละอาย
เราแลกบทกวีกันอ่าน
เธอบอกว่าเธอชอบบทกวีของฉัน
เธอบอกว่าอารมณ์ของฉันนั้น-ลึก
ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า-อารมณ์ลึก-สักเท่าไหร่
ไม่มีใครเคยบอกฉันเช่นนั้นมาก่อน และตราบเท่าวันนี้ก็ยังไม่เคยมีใครบอกซ้ำ
เรายิ้มให้กัน และเธอเอ่ยปาก ว่าขอบทกวีชิ้นนั้นให้เธอได้ไหม
ฉันตอบว่าได้สิ ฉันยกมันให้เธอ
แม้มันอาจเป็นบทกวีที่ไม่ดีเท่าไร
แต่มันก็เป็นบทกวีของเธอเสมอมา
..
"ฉันถือแหเก่าคร่ำคร่า
ออกเรือจากริมฟ้า
มุ่งหน้าไปกลางทะเลดาว
ท่ามกลางความมืดและเหน็บหนาว
ฉันทอดแหเอา
ได้ดาวคราวละแปดเก้าดวง
มีดาว-บางดาว-บางดวง
ฉันทำหล่นร่วง
เพราะแหนั้นเก่าเหลือใจ
พรุ่งนี้จะขายดาวไป
พร้อมทั้งตั้งใจ
เก็บดาวสุกใสดวงนั้นกำนัลเธอ"
..
สิบสองปี
ถ้าวันนั้นเธอปลูกดอกคูนไว้ที่หลังห้องตามคำแนะนำของฉัน ป่านนี้มันคงออกดอกสวยสะพรั่งทีเดียว
แต่อย่างน้อยฉันก็หวัง ว่าดอกมะลิที่เธอเลือก คงมีอายุอยู่หลายขวบปี
..
นานเท่าไรแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้คิดถึงเธอ
คงเฉพาะวันที่เงียบสงัด กับเสียงฝนเปาะแปะแบบนี้หรอก ที่ความทรงจำบางอย่างมันจะย้อนมาแตะความรู้สึกได้อย่างแจ่มชัด
ฉันคิดถึงเธอไม่บ่อย
แต่เชื่อเถิดว่า ฉันไม่มีทางที่จะหลงลืมเธอไปจากความทรงจำ
..
เนิ่นนานมาแล้ว ไม่ได้เจอ
ฉันหวังว่าเธอคงจะสบายดี
21 สิงหาคม 2552 02:07 น.
หมอกจาง
ที่รัก
หากว่าฉันบอกรักเธอ โดยมีชีวิตเหลืออยู่อีกเพียงวันเดียว
เธอจะรักฉันหรือเปล่า
เราคงได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกร่วมกันเพียงหนึ่งครั้ง
ได้กินข้าวด้วยกันเพียงสามมื้อ
เราคงมีเวลาคุยกันได้ ไม่ถึงครึ่งที่อยากคุย
เราอาจออกไปเดินเล่นด้วยกัน ที่สวนสาธารณะ หรือริมทะเล
ฉันอาจเล่าให้เธอฟังถึงหนังบางเรื่อง หนังสือบางเล่ม
เรื่องขำขันบางอย่างที่มันอาจทำให้เธอยิ้ม
ฉันอาจไปเป็นเพื่อนเธอเลือกซื้อของได้บางชิ้น
ซื้อดอกไม้ให้เธอสักช่อ หัวเราะให้กับเรื่องราวบางอย่างที่ตรงหน้า
และจากนั้น ฉันจะจากเธอไปนิรันดร์
เธอจะรักฉันหรือเปล่า
หากว่าวันที่งดงามระหว่างเรานั้น มันต้องแลกมาด้วยความปวดร้าวอันเนิ่นนาน
เธอจะคิดถึงฉันในทุกครั้งที่เดินอยู่ริมทะเล
เมื่อได้เห็นหนังบางเรื่อง หนังสือบางเล่ม
และเธออาจต้องร้องไห้ให้กับเพลงบางเพลง
เธออาจต้องหม่นเศร้าในทุกคราวที่ฝนตก
อ้างว้างเมื่อเห้นช่อดอกไม้ในมือใครคนอื่น
บางครั้งเธออาจยิ้มได้กับความทรงจำ บางครั้งเธออาจเหงาจับใจ
ชื่อฉันจะติดอยู่ที่ริมฝีปาก และเธอไม่อาจรู้ว่าจะหาฉันได้ที่ไหน
ที่รัก
หากว่าฉันบอกรักเธอ โดยที่มีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงชั่วโมงเดียว เธอจะรักฉันหรือเปล่า
เราอาจทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการกินกาแฟในร้านเล็กๆ
กับบทสนทนาที่มีกลิ่นหอม
ฉันอาจเขียนบทกวีให้เธอสักบท
ปาดรอยเปื้อนที่ตรงหางตาของเธอ
หัวร่อต่อกระซิกกันเบาๆ แก้มใกล้แก้ม
และจากนั้น ฉันจะจากเธอไปตลอดกาล
เธอจะรักฉันหรือเปล่า
หากว่าโมงยามนั้น มันจะทำให้เธอหวนคิดถึงฉัน ทุกครั้งเมื่อเข็มนาฬิกาชี้เวลาเดิม
หูเธอจะแว่วเสียงหัวเราะของฉัน ดวงตาของเธอจะกวาดตามองหา
และเมื่อหาไม่พบ เธอก็จักไม่มีมือใดมาปาดป้ายน้ำตา
ที่รัก
หากว่าฉันบอกรักเธอ โดยที่มีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงนาทีเดียว เธอจะรักฉันหรือเปล่า
เมื่อฉันเอ่ยคำรักกับเธอ ด้วยคำรักที่หวานหูที่สุด เท่าที่ฉันอยากเอ่ยกับใครสักคน
ดวงตาฉันจะมองนิ่งลึกลงไปในดวงตาเธอ
และบางที ก่อนที่เธอจะอาจเอื้อนเอ่ยอะไร
ฉันก็จะจากเธอไปตลอดกาล
ที่รัก หากว่าเป็นดังนั้น เธอจะรักฉันไหม
รัก แม้ว่าหูของฉันจะไม่อาจได้ยินคำรักของเธอ
แม้ว่าดวงตาของฉันไม่อาจมองเห็นดวงตาของเธอ
แม้ว่าไออุ่นจากมือของเธอจะสัมผัสเพียงร่างกายที่เย็นชืดของฉัน
และเธออาจต้องร่ำร้องคำรักอย่างปวดร้าวโดยปราศจากผู้รับฟัง
ที่รัก
เธอจะยังคิดถึงฉันไหมหากว่าฉันไม่อาจรับรู้ได้ในความคิดถึง