21 พฤษภาคม 2551 13:12 น.
หมอกจาง
วันนั้นเป็นวันที่แปลกประหลาด
อันที่จริงวันนั้นโดยตัวของมันเองก็ดูไม่แปลกประหลาดสักเท่าไหร่ ถ้าไม่นับรถราที่เงียบสงบ จนเหมือนกับว่าถนนของกรุงเทพไม่มีรถ อากาศที่มีลมหนาวพัดผ่านเป็นระยะจนดูไม่เหมือนว่ามันจะเป็นกลางฤดูฝน และผู้คนที่เดินไปมาเรื่อยเปื่อยโดยไม่สนใจอะไรที่มันดูผิดที่ผิดทาง
อะไรที่ผิดที่ผิดทางอย่างเช่น ผู้ชายคนหนึ่งนั่งคุยกับเฟืองตัวเล็กๆตัวหนึ่งริมฟุตปาท
.....................................
วันนั้นเป็นวันที่แปลกประหลาด
ผมนั่งรอรถเมล์ แต่นึกขี้เกียจที่จะยืนรอเสียเฉยๆ ที่ป้ายนั้นก็ไม่มีที่ให้นั่งเสียด้วย ผมก็เลยนั่งมันที่ริมฟุตปาทนั่นแหละ
ลมหนาวพัดเฉื่อยเนือย รถราโล่งถนน รอมาสิบห้านาที รถเมล์ก็ยังไม่มีผ่านมาสักคัน ไม่ว่าคันที่ผมรอ หรือคันที่ผมไม่ได้รอ
พอรอได้ครบยี่สิบนาที อะไรสีเงินเล็กๆก็กำลังเคลื่อนผ่านหน้าผมไป ตอนแรกผมนึกว่าเหรียญกำลังกลิ้ง มันเล็กสักเท่าเหรียญสลึง สีเงินแวววาว พอเพ่งดูดีๆ มันไม่ได้กลิ้ง มันกำลังเดิน
และมันไม่ใช่เหรียญ มันเป็นเฟืองตัวหนึ่ง
...........................................
“นายกำลังจะไปไหนน่ะ” ผมเอ่ยปากทัก นึกแปลกใจตัวเองที่ไม่แปลกใจที่เห็นเฟืองเดินได้ด้วยตัวของมันลำพัง
“ไปเรื่อยๆ” เสียงเล็กๆนั้นหดหู่ “หาที่ตายมั้ง”
“พวกหาที่ตายนี่เค้าต้องดูท่าทางรีบๆไม่ใช่รึ?” ผมไพล่ไปนึกถึงพวกมอไซค์ซิ่ง –จะรีบไปหาที่ตายเรอะ- ยายแถวบ้านผมแกด่าของแกแบบนี้ประจำ
“ไม่หรอก” เจ้าเฟืองตัวเล็กพูดไปเดินไป แต่มันตัวเล็ก แถมเดินช้า เลยไม่ได้คืบหน้าไปสักเท่าไหร่ “พวกที่รีบๆน่ะ มักไม่ได้ตั้งใจจะตายหรอก พวกที่ตั้งใจจะตายจริงๆจังๆน่ะมักจะไม่รีบหรอก” มันพยักหน้าหงึกหงักเวลาพูด “ความตายน่ะ อยู่ใกล้เรานิดเดียว ไม่รู้จะรีบไปทำไม”
“หยุดคุยกันก่อน” ผมเอามือไปกั้นทางไว้ไม่ให้มันเดิน เจ้าเฟืองตัวเล็กทำท่าจะปีน ผมเลยเอามือค้อมๆลงมาเหมือนกำลังปิดหลังคา คราวนี้มันเปลี่ยนเป็นเดินอ้อม พอผมเอามือไปขวางมันก็อ้อมมาอีกทาง เอาล่อเอาเถิด ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดคุยดีๆ ผมเลยเอามือขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน
“ถ้านายไม่หยุด ฉันจะกระทืบ” เจ้าเฟืองน้อยนั่นหยุด พูดเสียงอ่อย “อ้าว”
“ ไม่ต้องอ้าว คุยกันก่อน”
“จะคุยอะไรล่ะ”
“คุยเรื่อยเปื่อย ฉันรอรถเมล์อยู่และกำลังเบื่อ”
“ถ้าฉันไม่คุย นายจะกระทืบฉันจริงๆหรือ”
“อื้มม” ผมผงกหัว “บางที ถ้าฉันได้กระทืบอะไรสักอย่าง อาจจะช่วยให้หายเบื่อได้ และนายก็อยากตายอยู่แล้วไม่ใช่รึ?”
“อยากตาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากถูกกระทืบตายหรอกนะ” ในที่สุดเจ้าเฟืองสีเงินอันเล็กก็โดดมานั่งข้างผมบนฟุตปาทแต่โดยดี
............................................
“นายมาจากไหน? และกำลังจะไปไหน?” ปรากฏว่าเจ้าเฟืองนั่นกลับเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน
“ฉันมาจากที่ที่ฉันกำลังจะไป” ผมตอบแบบรวบรัด ซึ่งเจ้าเฟืองดูออกจะงงๆ..
“มันฟังดูไม่มีเหตุผลนะ” มันมองหน้าผม “ที่นายกำลังจะไปในที่ที่นายจากมาน่ะ”
“มีสิ มีเหตุผลเพียงพอเลยหละ” ผมเถียง “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้านายจากมันมานานพอ”
“แล้วนายล่ะ กำลังจะไปไหน?”
“ฉันกำลังจะไปตายมั้ง ไม่รู้สิ” เสียงดูลังเล ไม่แน่ใจ “อันที่จริง ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าฉันควรไปไหนดี”
“ แต่ถ้านายอยากรู้ว่าฉันมาจากไหนล่ะก็.. ฉันมาจากเครื่องจักรที่ทันสมัยและละเอียดแม่นยำที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีที่แล้วนะ” คราวนี้เสียงมันฟังดูโอ้อวดนิดๆ
“ขนาดนั้นเชียว”
“ขนาดนั้นสิ” ผมสังเกตว่าเจ้าเฟืองยืดอกขึ้นมาน้อยๆเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “ตอนเครื่องจักรเครื่องนั้นถูกสร้างเสร็จน่ะ มีผู้เชี่ยวชาญจากที่ต่างๆทั่วโลกแห่กันมาดูเชียวนะ เค้าบอกกันว่า นี่คือความก้าวหน้าครั้งใหญ่เลยทีเดียว”
“แล้วทำไมนายถึงออกมาร่อนเร่ทำไมอยู่แถวป้ายรถเมล์นี่ ถ้านายออกจะไฮเทค และมีความสำคัญขนาดนั้น”
“ทำไมน่ะเหรอ” ถอนหายใจ “เพราะเครื่องจักรที่ว่านั่นถูกทุบทำลายไปแล่วน่ะสิ”
“หา”
“อืมม”
“ทำไมทำลายกันง่ายๆอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ไม่ง่ายไม่ยากหรอก แค่เป็นเรื่องปกติ” มันพูด “พอมีมนุษย์สร้างอะไรที่ทันสมัยกว่าใหม่กว่าขึ้นมา สิ่งที่เก่ากว่า ไม่เป็นที่ต้องการ ก็ย่อมตายไป ตกยุคไป ก็เท่านั้น”
....................................
“ก่อนไปเป็นเฟือง นายเป็นอะไรมาก่อน?” ผมถาม และเจ้าเฟืองก็ตอบเสียยาวยืด
“ถามได้ ฉันก็ต้องเป็นเหล็กชั้นดีน่ะสิ เหล็กกล้าชนิดหายากเชียวนะ บางคนอยากได้ฉันไปทำมีด บางคนอยากได้ฉันไปทำขวาน แต่ฉันไม่สนใจอะไรอย่างนั้นหรอก แค่เหล็กเลวๆก็เป็นได้ พวกมีด พวกขวานน่ะ”
“สำหรับฉันน่ะมีความฝัน ว่าจะต้องได้เป็นอะไรสักอย่างที่มีความสำคัญ ที่มีเพียงฉันเท่านั้นที่ทำได้”
“แล้วมาวันหนึ่ง ก็มีคนท่าทางมีความรู้เขามาบอกกับฉัน ว่าเขาตามหาเหล็กชั้นดีอย่างฉันมานานมาก เขาต้องการให้ฉันไปเป็นเฟืองให้เครื่องจักรของเขา เครื่องจักรที่ดีที่สุด ที่มีความละเอียดสูงสุด ที่ทันสมัยที่สุดที่ทุกคนต้องทึ่ง”
“ฉันตกลงใจไปกับเขา ผ่านการหลอม การตี การสกัด ขึ้นรูป เคลือบน้ำยา แต่งโน่นแต่งนี่อย่างพิถีพิถัน จนสุดท้ายก็ออกมาอย่างที่เห็นนี่แหละ” มันยืดตัวอวดซี่เฟือง “ดูสิ ซี่เฟืองแต่ละซี่ของฉัน สร้างขึ้นมาด้วยความละเอียดพิเศษเฉพาะตัว เฟืองทั่วๆไปไม่สามารถมาสบกับฉันได้หรอกนะ ต้องเป็นเฟืองที่ถูกสร้างมาโดยเฉพาะเหมือนกันเท่านั้น”
“ตอนนั้นนะ ฉันรู้สึกตัวเลยว่าฉันพิเศษเหนือใครๆ เหนือพวกเฟืองในเครื่องจักรอื่นๆทั้งหมด ไม่ต้องพูดถึงเพื่อนพ้องฉันบางคนที่เป็นเหล็กเป็นขวานเลยนะ คนละชั้นกันมาก ใครๆก็ต่างยกย่องพวกฉัน ชื่นชมพวกฉัน ป้อยอกันต่างๆนาๆ ว่าถ้าขาดฉันเสียแล้ว เครื่องจักรที่วิเศษที่สุดในโลกเครื่องนี้ก็คงไม่มีวันทำงานได้”
“อืมม..”
“แต่อันที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาไม่มีทางยอมให้มันเป็นอย่างนั้น อุปกรณ์ทุกชิ้น เฟืองทุกตัว ล้วนมีชิ้นสำรองที่ถูกสร้างขึ้นรอไว้ไม่ขาดสาย เพื่อที่ว่าเครื่องจักรของพวกเขาจะทำหน้าที่ต่อไปได้ ถ้ามีชิ้นใดชิ้นหนึ่งชำรุดลง เฟืองชนิดพิเศษแบบฉันน่ะ มีวางรออยู่ในโรงซ่อมเป็นกะตั๊ก” มันถอนใจ
“แล้วตอนนี้พวกเฟืองเฉพาะพวกนั้นล่ะ” ผมถามแทรกขึ้น
“ก็เหมือนกับฉันแหละ” มันถอนใจ “หลังจากเครื่องจักรของเราตกรุ่น เราก็กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เพราะเมื่อไม่มีเครื่องจักร การสบ การหมุนของเราก็ไม่มีความหมายใดๆมากไปกว่าการเล่นสนุกไร้สาระเท่านั้น” เสียงมันเศร้า
“เครื่องจักรใหม่เขาไม่ต้องใช้พวกนายรึ ?”
“ไม่หรอก เครื่องจักรใหม่ที่เขาสร้างขึ้นไม่ใช้เฟือง พวกเราเลยหมดประโยชน์ ครั้นจะไปประกอบเข้ากับเครื่องจักรตัวอื่นๆก็ไม่ได้ เพราะเราคือเฟืองพิเศษที่ถูกสร้างมาเฉพาะ ยอดเยี่ยมกว่าเฟืองทั่วๆไป”
“ก็เลยประกอบไม่เข้าชุดกับเค้า?”
“ทำนองนั้น”
ความเงียบพัดผ่านมาอึดใจหนึ่ง และเมื่อความเงียบพัดผ่านไป เจ้าเฟืองก็เปรยขึ้นมาเบาๆ
“บางที ฉันก็เคยคิดๆนะ ว่าถ้าตอนนั้นฉันเลือกที่จะเป็นขวานธรรมดาๆหรือมีดธรรมดาๆสักอัน ชีวิตฉันในตอนนี้อาจจะไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ก็คงมีใครสักคนที่ต้องการฉันอยู่บ้างแหละ”
“นายเสียใจเหรอ”
“ไม่หรอกมั้ง” เจ้าเฟืองตัวน้อยตอบอย่างครุ่นคิด “ฉันคงแค่นึกเสียดายมากกว่า”
.........................................
รถเมล์มาแล้ว
บทสนทนาจบลงด้วยการที่ผมกระโดดขึ้นรถเมล์โดยไม่ได้กล่าวคำอำลากับเจ้าเฟืองตัวนั้น พอรถออก ผมมองกลับไปตรงที่เดิมเมื่อครู่ก็เห็นแต่ความว่างเปล่าตรงนั้น ไม่มีผู้ชายที่นั่งคุยกับเฟือง ไม่มีทั้งคน ไม่มีทั้งเฟือง ไม่มีแม้แต่การพูดคุย
บางที เจ้าเฟืองนั่นมันอาจกำลังเดินทางต่อไปที่ไหนสักที่ และบางทีสักวันมันอาจสามารถค้นพบที่ทางใหม่ของตัวเอง หรือไม่บางที มันก็อาจหาที่ตายอย่างสงบได้สมความตั้งใจ
หรือบางที มันก็อาจโดดขึ้นมาบนรถเมล์คันเดียวกับผมก็เป็นได้
..............................................