28 มีนาคม 2551 12:58 น.
หมอกจาง
โลก
ยิ่งฉันรู้จักเธอมากขึ้น
ฉันก็ยิ่งรักเธอน้อยลง
ความซึมเศร้าไม่ใช่มหาสมุทรหรือลำธาร
ไม่ใช่ฝนที่เทร่วงมาจากฟากฟ้า
ไม่ใช่แม้กระทั่งน้ำค้างที่ร่วงเผาะในยามเช้า
แต่มันเหมือนไอน้ำบางเบา ที่เจืออยู่ในบรรยากาศ
ที่ทำหัวใจฉันอับชื้น
และเมื่อนานวันเข้า ตะไคร่น้ำสีเขียวก็เริ่มมาเกาะกุม
เมื่อตะไคร่น้ำสีเขียวจับพอกพูนหนา
ก็เหมือนว่าหัวใจฉันก็จะยิ่งด้านชา
ฉันเจ็บปวดน้อยลง ห่วงใยใครต่อใครน้อยลง
อ่อนไหวกับเรื่องราวน้อยลง
และแทบไม่รู้สึกสุข ไม่ว่ากับเรื่องราวใดใด
โลกกลายเป็นสีเขียวหม่นหม่นที่ชื้นแฉะ
ความเป็นจริงกลับกลายเหมือนไม่ใช่ความเป็นจริง
มันเหมือนมีบางอย่างที่สั่นไหวอยู่เบื้องลึก
ที่เพียงฉันเอื้อมแตะ สิ่งเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนรูป
ในรูปมีรูปซ่อนอยู่อีกหลายรูป
ในเรื่องราวคือหน้ากากของอีกหลายเรื่องราว
บ่อยครั้งที่เมื่อฉันเดินไป จะหยุดและทรุดตัว แตะผืนดิน
เพื่อยืนยันว่ามันจะไม่พังทลายลงต่อหน้า
ความเป็นจริงบางครั้ง ก็เหมือนคนรักเก่า
ที่เราเคยได้ข่าวคราวการแต่งงานจากสายลมที่พัดผ่านหูเพียงหนึ่งข้าง
รับรู้อย่างเลือนรางและไม่อยากที่จะยืนยัน
โลก
ยิ่งฉันรู้จักเธอมากขึ้น
ฉันก็ยิ่งรักเธอน้อยลง
7 มีนาคม 2551 09:14 น.
หมอกจาง
ฉันอาศัยอยู่ในโลกใบเล็กเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตา
ข้างบนเป็นท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัว
พื้นที่ข้างล่างกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นพื้นน้ำตื้นตื้นที่ฉันอาจลุยย่ำไปได้
และมันก็เล็กเสียจนฉันย่ำไปไม่รู้จักกี่รอบ
ฉันสำรวจทุกที่ทุกทางของโลกใบนี้
สำรวจในทุกแง่ทุกมุม ทุกสิ่งที่มันเป็น เคยเป็น หรือกำลังจะเป็น
สำรวจในทุกความเป็นไปได้ และในทุกความเป็นไปไม่ได้
หลายแง่มุม ฉันเห็นมันอยู่ซ้ำซ้ำ แต่ฉันก็ยังคงเดินวนและมองไปรอบรอบ
เผื่อว่าบางที ฉันอาจสังเกตเห็นสิ่งเดิมจากแง่มุมที่ฉันไม่เคยมอง
ที่นี่ฝนตกทุกวัน ตกไม่เป็นเวล่ำเวลา
บางทีตกตอนเช้า บางทีตกตอนสาย
บางทีตกตอนค่ำค่ำ
และบางที ฉันตื่นมากลางดึกเพื่อที่จะพบว่าฝนกำลังตกอยู่
อาจเพราะด้วยความที่ที่นี่มีฝนตกอยู่ตลอดเวลา
ตกมากจนกระทั่งถึงมากที่สุด
ฉันจึงไม่เคยรู้สึกว่าฉันไม่เปียกแม้สักวินาที
กระทั่งวันที่แดดจัดลมพัดแรงก็ตาม
งานอดิเรกของฉันที่นี่คือการวาดภาพ
ด้วยว่าที่นี่ไม่มีอะไรให้ฉันดูมากนัก
ดังนั้น ภาพส่วนใหญ่ที่ฉันวาดจึงมักมาจากความทรงจำ
ฉันรื้อค้นความทรงจำจนกระจัดกระจาย
หยิบเอาส่วนที่แจ่มชัดมาวาดบันทึกไว้
หยิบเอาส่วนที่พร่าเลือนมาเสริมแต่ง
และบางครั้งระหว่างภาพต่อภาพที่ขาดหาย ฉันเติมมันด้วยจินตนาการ
ตอนนี้ฉันมีภาพอยู่มากมาย
หากแต่ว่า ฉันเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว
ว่าภาพไหนคือภาพจริง ภาพไหนคือภาพที่ถูกเสริมแต่ง
และภาพไหนคือภาพฉันวาดขึ้นมาเองจากจินตนาการ
ฉันอาศัยอยู่ในโลกใบเล็กเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตา
แต่ฉันไม่เคยเลยสักครั้งที่จะร้องไห้
ฉันนั่งมองทะเลน้ำตา ที่กระเพื่อมเบาเบาอยู่รอบรอบตัว
และนึกกลัวว่าถ้าฉันเพิ่มมันลงไปอีกสักหยด ฉันคงจมน้ำตาย
ณ ที่แห่งนี้ ฉันมีแขกไม่มากนัก
อันที่จริงควรพูดว่า ฉันไม่มีแขกเลยแม้แต่คนเดียวต่างหาก
ฉันมีผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมอยู่เรื่อยๆ
บ้างก็เข้ามาเยี่ยมชมภาพเขียนของฉัน
บ้างก็เข้ามาเยี่ยมชมโลกที่เจิ่งด้วยน้ำตาแห่งนี้
แต่การเยี่ยมชมนั้น ต่างจากการมาเยือน
เหมือนกับที่เราไม่เคยนับตัวเองว่าเป็นแขก เมื่อไปยามไปเที่ยวชมสวนสัตว์
ฉันอาศัยอยู่ในโลกใบเล็กเล็กที่เต็มไปด้วยน้ำตา
ดวงตาฉันแห้งผาก ในขณะที่ร่างกายเปียกปอน
และฉันก็เป็นโรคไอไม่หยุดหย่อน เหตุด้วยปอดที่อับชื้น
ฉันไม่เคยไปหาหมอให้รักษา เพราะฉันรู้ว่าเขาคงไม่เข้าใจ
ว่าฉันอาศัยอยู่ในโลกใบเล็กเล็ก ที่เต็มไปด้วยน้ำตา..