9 มกราคม 2551 10:18 น.
หมอกจาง
เหมือนนาฬิกาทรายที่ไหลเปลี่ยนข้างอย่างช้าช้า
เธอจำได้ไหม ว่านานแค่ไหนกันแล้วที่เราไม่ได้พบกัน
เราไม่ได้จากกันบนความทรงจำที่ดีเลย
รอยแตกร้าวบนความสัมพันธ์เหมือนกระจกที่ถูกทุบแตก
และรอยแยกนั้นมันกินมาทางฝั่งฉันมากกว่าทางฝั่งเธอ
เรื่องราวระหว่างเรา ไม่ว่าที่งดงามหรือขื่นขม
ฉันจดจำมันด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง
เจ็บเหมือนหนามแหลมที่ฝังอยู่ในเนื้อและสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีอะไรมากระทบโดน
ใครบางคนเคยบอกว่าวันเวลาคือหมอที่ดีที่สุดสำหรับบาดแผลของจิตใจ
แต่สำหรับฉัน เพียงแค่วันเวลา มันไม่อาจช่วยอะไรได้
ความเข้าใจที่มาพร้อมกับวันเวลาต่างหากที่ช่วยชีวิตฉัน
ฉันผ่านเวลามาเนิ่นนาน ผ่านผู้คนมามากมาย
ผ่านเรื่องราว ทั้งของตนเอง และของผู้อื่น
ตาดู หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น สมองคิด และใจก็รู้สึก
เธอไม่เคยรักฉันเลย
นั่นคือคำตอบที่ฉันค้นพบจากวันเวลา
เธอรักตัวเอง ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกอะไร เราทุกคนต่างก็รักตัวเองกันทั้งนั้น
หากแต่ความรักตัวเองของเธอ ไม่เคยเหลือเผื่อแผ่ให้ฉันสักน้อยนิด
เมื่อฉันให้เธออย่างให้เปล่าและไม่ร้องขอ เธอก็ละเลยที่จะหยิบยื่นกลับแม้แต่คำขอบคุณ
เราจากกันนานแล้ว
ฉันเคยรักเธออย่างที่สุด และเคยเกลียดเธอย่างที่สุด
แต่ ณ เวลานี้ ฉันไม่เหลือความรัก ไม่เหลือแม้กระทั่งความเกลียดที่จะให้กับเธอ
เธอกลายเป็นคนแปลกหน้าที่คุ้นเคยในความทรงจำ
เป็นเหมือนตัวละครในนิยาย ที่ฉันเปิดอ่านเป็นบางครั้ง และหลุดลอยออกไปจากความคิดเมื่อฉันปิดหน้าหนังสือ
เป็นเรื่องเล่าของวันวานที่ห่างไกล ซึ่งฉันอาจเกริ่นขึ้นต้นเรื่องนั้นว่า “เมื่อกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว..”
คนแปลกหน้า
เธอจะกลับมาทำไม ?
งานเทศกาลทั้งหลายทั้งปวงได้ผ่านไปแล้ว
ฤดูใบไม้ผลิซึ่งดอกไม้พากันเบ่งบานได้ผ่านไปแล้ว
สายน้ำที่เคยรินไหลได้เหือดแห้ง เหลือเพียงลำคลองอันว่างเปล่า
เธออาจกลับมายืนอยู่ที่เก่าได้ แต่เธอไม่อาจย้อนมันกลับไปห้วงเวลาเดิม
เหมือนนาฬิกาทรายที่ไหลเปลี่ยนข้างอย่างช้าช้า
ที่แม้ว่าเธอจะพลิกมันกลับมาตั้งขึ้นใหม่
วันคืนในความทรงจำก็ไม่อาจย้อนคืนกลับมา
คนแปลกหน้า
เธอจะกลับมาทำไม ?