26 มกราคม 2553 00:30 น.
หมอกจาง
รวงรังของคนเหงา
เถิดมาชูแก้วเหล้า
ร่ำดื่มจวบจนกว่าจะนิทรา
กับแกล้มคือปวดร้าวในดวงตา
สายลมที่พัดพา
และแสงจากดวงดาวที่รำไร
อุ่นความหลังให้ร้อนเหมือนฟอนไฟ
แผดเผาอยู่ภายใน
แผดไล่ความเหงาอันเยือกเย็น
สร้างหลืบให้รักได้ซ่อนเร้น
หลงลืมความลำเค็ญ
ที่ก้าวย่างทุเรศทุรนมา
ปาดน้ำตาป้ายจากปลายตา
สำรากพร่ำแต่กามา
บิดเบือนมารยา-ไม่ใยดี
ข้างในตะเกียกตะกาย-ช่วยที
กระหน่ำโบกโบยตี
ยับเยินจนชุ่มเลือดทั้งหัวใจ
ตกค้างอยู่ในวันอันพ้นวัย
ตกเลือดอยู่ภายใน
ซ่อนไว้จากสายตาผู้เหลียวดู
หวาดกลัวซุกซ่อนนอนคุดคู้
หวั่นว่าใครจะรู้
ว่าร่ำร้องปวดร้าวแทบตะโกน
เพียงสายลมไหวก็ส่ายโงน
สำรอกโลกโยกโยน
เมาคลื่นลมชีวิตที่โยกไกว
หลับตามองดูไม่เห็นใจ
ส่องกระจกไม่เห็นใคร
ไม่รู้อยู่ ณ จุดไหนของห้วงเวลา
เถิดชูแก้วเหล้าอย่านำพา
น้ำค้างค้างตรงเปลือกตา
กับเรื่องราวบ่นบ้าไร้ความจริง!
16 มกราคม 2553 00:04 น.
หมอกจาง
ค่ำคืน..ฉันร้องไห้
น้ำตาไหลเปื้อนความฝัน
ความปวดร้าวไหลท่วมถึงดวงจันทร์
สะอื้นไหวสั่นถึงดวงดาว
ใครหนอใครกัน
ทำให้ห้วงเวลาสั้นนั้นนานยาว
ทำให้ความงดงามนั้นปวดร้าว
เมื่อหวนคิดถึงทุกคราวที่งดงาม
อยู่ที่ไหน
ฉันแบกความหวั่นไหวมาไถ่ถาม
แบกคิดถึงไว้บนบ่าทุกโมงยาม
แบกความเศร้าที่ลุกลามจนเรื้อรัง
ไม่อยากเจอ
แต่ก็ไม่อยากเพียงเพ้อถึงความหลัง
ฉันจึงได้แต่วนเวียนประหนึ่งดัง-
นกที่ไร้รวงรังจะหลับนอน
ค่ำคืน..ฉันร้องไห้
ความหลังหลั่งไหลจนท่วมหมอน
น้ำตาเปียกใจจนเปียกปอน
ร้าวรอน.แต่ไม่รู้ทำอย่างไร