11 กุมภาพันธ์ 2549 14:06 น.
หนุ่มอุบล
หวานคำลำนำน้องนงคราญ
หวานชื่นกว่าหมื่นตาลหวานยิ่ง
หวานอ้อยร้อยตาลหวานติ่ง
หวานฤาจางลางสิ้นเมื่อขมมาพรมไพ
ขมบอระเพ็ดขมติดคอ
ขมดั่งตาลไหม้พอหักได้
ขมใดเล่าเท่าขมจิตระทมใจ
ขมนั่นคือขมให้พี่หวนคะนึงนาง
6 กุมภาพันธ์ 2549 23:24 น.
หนุ่มอุบล
ก่อกิ่งก่อกิ่งก้าน อวดชม
เขียวสลับเหลืองผสม ขอบริ้ว
ลำต้นอวดต้านลม ดำดั่ง เดือนมืด
เจ้าอ่อนไหวระวัดพริ้ว กี่ร้อนกี่ฝนจาง
บางใบบอกก่อนนั้น อยู่ป่า
เคยสูดกลิ่นบุพผา ค่ำเช้า
เช้านี้กี่ควันมา โถมถั่ง
กี่ค่ำกระหน่ำเคล้า บอบซ้ำระกำใบ
บางใบกล่าวอวดอ้าง ก่อนเก่า
หมู่วิหคผกผินเฝ้า เกี่ยวก้าน
ตอนนี้มิมีเงา แม้หนึ่ง
เสียงแผดแผดเสียงสะท้าน คระครื้นครืนครืน
ครืนครืนรถผ่านพ้น อีกคัน
เจ้าหยัดยืนฝืนยัน หยัดยั้ง
ยังหยัดอยู่จวบวัน ฝนชะ ล้างคราบ
ยิ่งแกร่งยิ่งกว่าครั้ง อยู่พื้นแห่งป่าไพร
บางใบอ่อนอ่อนหล้า หล่นใบ
ลาเพื่อนจากป่าไพร หลับแล้ว
ผลิออกผลิรุ่นใหม่ แทนทด
อยู่ป่าปูนป่าแก้ว ผลิเลี้ยงทั่วทุกชน
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:55 น.
หนุ่มอุบล
" ร้องร่ำพร่ำเพรียกหาเพลาสงบ
หมู่วิหคหลบซ่อนหราถลาเหิน
ตาจับจ้องสองลูกไทรใคร่ยลเยิน
กิ่งไทรเกาะเลาะหยอกเอินเพลินร่มเงา
ระริ่วไหวระริ้วสะบัดพัดโบยโบก
ไหวหวัดโยกเย็นจับรับเย็นเหงา
แม้นไหวกิ่งพฤกษาอ้าอกเอา
ริบไรเรื่อแสงเถาเนาแนบเนาใน
กระรอกคู่อยู่หยอกเย้าเคล้าครองคู่
รัดกอดรัดกัดอยู่จนครู่ใหญ่
ค่อยไล่หยิกหยอกล้อล่อเพลงไพร
เพลงลมไหวไร้ลมพรมพนา
ลาแล้วลาราวเรื่องที่เคืองขัด
ละเรืองวัตรนานเนาเน่าปูนป่า
คืนสู่ดงดินดอนถอนอุรา
แนบหนึ่งจิตชิดแนบทาป่าไพรพง"
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:29 น.
หนุ่มอุบล
"ไกลฟากฟ้า กายอยู่ฟากเมืองแมน
ไกลฟากฟ้า ใจจ่ออยู่เฮียงกัน
ไกลฟากฟ้า กะบ่ไลลืมถิ่ม
ไกลฟากฟ้า อย่าไลเลยไกลห่าง
จิตกะจดจ่อเจ้า ใจกะจดจ่อเจ้า
เฮียงน้องจนว่าตาย"
(กลอนอีสาน)
6 กุมภาพันธ์ 2549 11:19 น.
หนุ่มอุบล
ไกลแต่บ้านเฮือนซานดอกหม่องอยู่
จิตผัดตั้งต่อรอแต่นางคู่มื้อตายถิ่มแม่นบ่เหลือ
เปรียบดั่งเกลือแซ่น้ำโดนหลายกะร่อยเปลือย
อ้ายกะเมื่อยถ่าเจ้าเปลือยถิ่มดอกดั่งเกลือ
(กลอนอีสาน)