12 มีนาคม 2555 23:03 น.
หนุ่มลำปาว
เห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้จัง ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร ที่แม่พูดเช่นนี้แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวเสียที แม่อยากอุ้มหลานแล้วผมรู้ทันความคิดของแม่
ทานข้าวเช้าเสร็จ ผมกับแม่มานั่งที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่ แม่บอกเล่าให้ผมฟังว่าเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมต่างแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว บางคนมีลูกแล้วก็มี เพื่อน ๆ ผู้ชายตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนมากก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ ต่างจังหวัด เหลือสามคน คือ ไอ้เวิน ไอ้จ้อย และไอ้โหน่ง
แม่เล่าว่าแต่ละคนก็ไม่เป็นโล่เป็นพาย ไม่ทำการงานอะไร เกาะพ่อแม่กินอย่างเดียว
ไอ้เวินก็ไม่เป็นผู้เป็นคน ทำร้ายทุบตีแม่เวลาที่แม่ไม่มีเงินให้มันยามที่มันหิวยา
ไอ้จ้อยก็ติดยาเช่นกัน งานการไร่นาสวนมันไม่คิดทำ ให้พ่อแม่เลี้ยงแบมือขอเงินพ่อแม่ ตะลอนไปมาดื่มเหล้าเมายาตามหมู่บ้านนี้แหละ
ขณะที่แม่เล่าให้ผมฟังถึงเพื่อน ๆ ในวัยเด็กของผมอยู่นั้น แม่ยังไม่ทันจะเล่าเรื่องไอ้โหน่งให้ผมฟังด้วยซ้ำ ไอ้โหน่งเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาที่บ้านผมพอดีเพราะบ้านผมอยู่ใกล้ตลาดสด มันเห็นผมมันเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามามันดีใจ ผมเห็นมันผมดีใจเช่นกัน มันเปิดยิ้มกว้างจนเผลอเห็นขอบเหงือกสีม่วงเข้มเพราะดูดบุหรี่จัด มันโผมากอดผม เรากอดกันและกัน เราสองคนทรุดนั่งที่แคร่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน ส่วนแม่เดินไปเล่นกับป้าเนียนที่นั่งคนเดียวอยู่ใต้ถุนบ้านที่อยู่ติดกัน
สมัยเด็ก ๆ ไอ้โหน่งกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมาก เวลาไปไหนจะไปด้วยกันตลอด จนเพื่อนๆในโรงเรียนมักจะพูดหยอกเอินว่า คู่ปาท่องโก๋ เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย เวลาเลิกเรียนก็มักจะไปทงเบ็ด หาปลาข่อน วิ่งไล่แย้ หากิ้งก่า จับจักจั่นตามราวป่าเกือบทุกครั้งที่หยุดเสาร์อาทิตย์เป็นประจำ มีอะไรก็แบ่งกันกิน เล่นกีฬาฟุตบอลโรงเรียนก็โดนครูจับเป็นกองหน้าคู่กัน จึงไม่แปลกที่เราสองคนช่วยกันยิงประตูคู่ต่อสู้ได้มากมาย
พอเรียนจบมัธยม ผมก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมือง ส่วนไอ้โหน่งมันเลือกที่จะไม่เรียนเพราะเกเร หลังจากนั้นเราก็ห่าง ๆ กันไปตามวิถีชีวิตของตนเอง
ไอ้โหน่งมันดูผอม ๆ โทรม ๆ เบ้าตาลึกโบ๋ดูเลื่อนลอย แขนขาเล็กลีบ ใบหน้าซูบตอบ ผมถามมันว่าทำอาชีพอะไรทุกวันนี้ มันบอกว่ามันกรีดยาง ทำสวนอ้อย ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน
ไอ้โหน่งผอมลงจนผมอดสงสัยไม่ได้ ผมจึงถามมันว่ามันเล่นยาเหมือนวัยรุ่นในหมู่บ้านหรือเปล่า มันบอกปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ยุ่งเกี่ยวก็แต่บุหรี่ สุรา นอกนั้นไม่เคยยุ่งเลย
ไอ้โหน่งกลับไปแล้ว คราวนี้ผมลงไปนั่งที่เปลหยิบหนังสือขึ้นอ่านอย่างเพลิดเพลิน ถ้าว่างผมมักจะพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลาย ส่วนมากจะเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น แม่กลับจากไปนั่งเล่นพูดคุยกับป้าเนียน เดินมาทรุดนั่งที่แคร่ไม้ไผ่ข้าง ๆ ผม
แม่เล่าให้ผมฟัง ผมถึงได้มารู้ความจริงว่า ไอ้โหน่งมันเล่นยาจริง ๆ ยาที่ว่านั้นคือ ยาบ้า ที่กำลังระบาดหนักในหมู่บ้านในขณะนี้ และแม่ห้ามว่าให้ผมห่าง ๆ ไอ้โหน่งมันไว้
แม่บอกว่าหมู่บ้านเรามันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ คนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน สามีภรรยาหลายครอบครัวต่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางคนค้า บางคนเสพ เป็นเอย่นนั้นก็มีมาก โอ้โหน่งก็เข้าในข่ายที่ทางการเขาหมายหัวไว้เช่นกัน
แม่ยังเล่าต่ออีกว่าที่สำคัญวัยรุ่นติดยากันเยอะมาก การซื้อขายก็ขายกันคล่อง เหมือนซื้อขนม ขายกันโจ่งแจ้งไม่ได้กลัวตำรวจกันเลย บางคนขายยาบ้ามีสินสอดไปขอสาวแต่งงาน บางคนมีเงินสร้างบ้านหลังเป็นล้าน ๆ สวยงาม บางคนมีรถเก๋งวิ่งขับส่งยาบ้าก็เยอะ ทำเป็นอาชีพเลยก็มี วันวันไม่ทำอะไรขายยาบ้าอย่างเดียว
ผมนั่งฟังเรื่องราวอดสะท้อนใจไม่ได้....
บ่ายของวันนี้ ข่าวล่ามาแรงจากนกพิราบในหมู่บ้าน ว่าไอ้โหน่งโดนตำรวจรวบตัวได้ขณะยืนขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นคาบ้านพัก ตำรวจขึ้นค้นที่บ้านพบยาบ้าหลายพันเม็ด
ผมรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านไอ้โหน่ง ไทมุงยืนออดูกันอยู่เต็ม ไอ้โหน่งโดนจับล็อกกุญแจนั่งอยู่กระบะท้ายรถตำรวจ มันนั่งก้มหน้า ใบหน้ามันเศร้าสร้อยหมดอะไรตายอยาก คล้ายคนสิ้นหวัง
ผมยืนมองไอ้โหน่ง ไอ้โหน่งมองหน้าผม มันเบือนสายตาหนีพร้อมกับน้ำตารื่นคลอเบ้า
11 มีนาคม 2555 08:19 น.
หนุ่มลำปาว
ผู้คนมากมายเดินทางกลับจากโรงงาน กลับที่พัก เพื่อพักผ่อนเก็บเรี่ยวแรงไว้ทำงานในวันพรุ่ง
ครั้นหาที่นั่งได้แล้วผมร้องสั่งจิ้มจุ่มน้ำแป๊บซี่และแก้วสองใบ คนขายพยักหน้ารับทราบ ไม่นานแป๊บซี่ก็มาเสริฟ ผมยื่นมือรับ แฟนผมคีบน้ำแข็งลงในแก้ว แล้วบรรจงรินน้ำแป๊บซี่ลงในแก้ว ยื่นให้ผม ผมยิ้มพลางขอบคุณเธอ ทว่าเธอไม่กล่าวคำใดนอกจากยิ้มสวย ๆ มาให้กับผม
จิ้มจุ่มถูกยกมาแล้ว ลูกค้าในร้านขณะนี้เริ่มทยอยมาเรื่อย ๆ ต่างเริ่มจับจองที่นั่ง บ้างมาคนเดียว บ้างมาสองคน บ้างมานั่งสามคน บางคนมาสี่ห้าคนและบางกลุ่มมามากกว่านั้น จนเจ้าของร้านต้องเอาโต๊ะมาเสริม
ผมกับแฟนนั่งกินจิ้มจุ่มอย่างอร่อย นานครั้งเวลานัดกันจะลงตัวสักครั้งหนึ่ง เพราะยุ่งกับการงานของตัวเอง ที่เคหะชุมชนแห่งนี้ คนพลุ่งพล่านวุ่นวายอยู่สักหน่อย เพราะคนอาศัยอยู่เยอะ มีคนต่างจังหวัดต่างเข้ามาขายแรงอยู่ในโรงงานแถบนี้เป็นจำนวนมาก ทั่วทั้งประเทศไม่ว่าจะเป็นคนอีสาน คนภาคกลาง คนภาคใต้ คนภาคตะวันออก คนภาคเหนือ ต่างเข้ามาทำงาน กระเสือกกระสนดิ้นรนกันไป เพื่อสลัดหนีความยากจนของชีวิต ทำงานเพื่อให้บรรลุผลอย่างเดียวคือ เงิน เงินเท่านั้นที่บันดาลทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการได้
คนในร้านขณะนี้มานั่งเต็มทุกโต๊ะแล้ว บางกลุ่มที่มาก่อน หลังจากอิ่มกันแล้วก็ทยอยออกไปเรื่อย ๆ คนที่มาใหม่ก็เข้ามาแทน
เวลาราวทุ่มเศษๆ ผมกับแฟนนั่งกินจิ้มจุ่ม พร้อมกับพุดคุยกันไปเรื่อย ๆ ตามประสาของหนุ่มสาวที่คบกันมาได้เกือบสองปีเข้าแล้ว การสนิทสนมมีมากขึ้น ความคุ้นเคยไว้เนื้อเชื่อใจกันก็มีมากขึ้นตามลำดับ เรื่องสัพเพเหระที่สรรหามาคุยกัน ทำให้เราคุยกันสนุก ต่างหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนิมสนม โต๊ะบางโต๊ะที่มาที่หลัง แต่อิ่มแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วออกจากร้านไป ส่วนผมกับแฟนไม่รีบร้อนนัก นั่งคุยกันเรื่อย ๆ เพราะยังไม่ดึกมากนัก
พลันผมสะกิดมือแฟนให้ดูช้างเร่ร่อนตัวหนึ่ง ที่เดินมาตามถนน มันเป็นช้างน้อยวัยน่ารัก เดินผ่านร้านขายอาหารเรียงรายตลอดแนว โดยมีควาญซึ่งเป็นชายวัยกลางคนหน้าดำกร้านแดดลม เดินจูงมา และมีเด็กหนุ่มอีกสองคนที่เดินนำหน้ามาก่อน ในมือหิ้ว ถุงกล้วย ถุงอ้อยที่ควั่นแล้วเป็นชิ้นเล็ก เดินเข้ามาขายตามร้านรวงที่ผ่านมา เพื่อขายให้กับคนที่อยากเลี้ยงอาหารช้าง ถ้าใครซื้อก็ได้เป็นคนป้อนให้อาหารแก่ช้างน้อย
ผมมองช้างน้อยด้วยความเอ็นดูในกิริยาท่าทางน่ารักของมัน ชั่วไม่นานมันก็เดินมาทางร้านที่ผมกับแฟนนั่งอยู่ แฟนผมสะกิดแขนผม แล้วพูด
ช้างน่ารักเนาะ
ผมได้แต่พยักหน้าคล้อยตามเธอ แต่ในความน่ารักนั้น ผมกลับเห็นนัยน์ตาของช้างน้อยกลับซุกซ่อนความเหนื่อยล้าอิดโรย เพราะเจ้าของพามันเดินมาไกลเท่าไรไม่รู้ได้ และไม่รู้ว่ามันกินอิ่มหรือเปล่ากับอาหารที่มันได้กิน แลกกับความสงสารของคน ช้างมันเป็นสัตว์ตัวใหญ่กินจุอยู่แล้ว อาหารถุงเล็กๆแค่นี้มันไม่พออิ่มแน่ แล้วมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้าผมกับแฟน
ซื้อกล้วย ซื้ออ้อยให้ช้างไหมครับ ถุงละยี่สิบบาทไม่แพงครับ เขาพูดพลางยกถุงอ้อย ถุงกล้วยชูขึ้น
น้องคนที่ไหนหรอ ผมถามคนละเรื่อง
สุรินทร์ครับ เขาตอบเสียงดังฟังชัด
ผมพยักหน้ารับรู้ เมืองสุรินทร์ช้างเยอะ แล้วแฟนของผมก็ควักเงินยี่สิบบาทออกมา ซื้อถุงอ้อยที่บรรจุไม่มากนักนั้น เดินมาบรรจงป้อนช้างน้อยที่ริมถนน ช้างน้อยมันสะบัดหู ส่ายหน้าไปมาขณะเคี้ยวกลืนอ้อยที่แฟนผมป้อนให้ ส่วนผมนั้นก็ช่วยแฟนป้อนด้วย
พออ้อยหมดถุง ผมกับแฟนมองหน้ากัน ผมกลัวว่าถุงอ้อยที่บรรจุอ้อยไม่มากนักนั้น กลัวช้างไม่อิ่ม ผมจึงควักเงินซื้ออีกสามถุงเป็นเงินหกสิบบาท ผมให้แฟนผมป้อนมันอีกสองถุง ผมป้อนถุงหนึ่ง นัยน์ตามันจากที่อิดโรยในคราแรกที่เห็น มันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมานิดหนึ่ง ส่วนคนนำมันมา ต่างนับเงินที่ได้จากการพาช้างมาเดินเตร่มาทั้งวัน แบ่งเงินกันโดยไม่อายคนมอง ทุกคนต่างใบหน้าแช่มชื่นชื่นมื่น หรือมันจะจริงอย่างเขาว่า มันไม่ใช่ คนเลี้ยงช้าง แต่มันกลับกลายเป็นว่า ช้างเลี้ยงคน
อ้อยทั้งของผมกับแฟนป้อนช้างหมดลง เจ้าของช้างก็พามันเดินเตร่ต่อไป ผมกับแฟนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทว่าผมกลับสลดวูบลง เมื่อนึกถึงช้างเร่ร่อนที่มีเกลื่อนอยู่แทบทุกที่ในเมืองหลวง เวลาผมเดินมาจ่ายตลาดจะเห็นช้างเดินเตร่เร่ร่อนเกือบทุกวัน ผมอยากให้ช้างอยู่ในป่าตามธรรมชาติ อยู่ในที่ที่มันควรอยู่ไม่ควรนำมาเร่ร่อนเช่นนี้ ผมไพล่นึกถึงกฎหมายที่รัฐบาลออกมาว่า ห้ามนำช้างมาเร่ร่อนในเขตเมืองหลวง ทว่าก็เหมือนกับเป่าสาก ในตอนแรกอาจมีผล นานไปเริ่มหย่อน แล้วมันก็มีให้เห็นเรื่อยๆประจานกฎหมายไทย ที่ออกมาแล้วกลับไม่มีผลอันใด ช้างเร่ร่อนก็ยังมีให้เห็นเกลื่อนเมืองเช่นเคย
แล้วผมก็นึกถึงข่าวในสื่อทีวีที่มีไห้เห็นไม่ขาด ภาพผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ไม่ว่าจะช้างตกมันไล่กวดชาวบ้านจนชุลมุนยกใหญ่ ช้างโดนรถชนอาการสาหัสปางตาย (ตายก็มี) และช้างกระทืบควาญช้างจนเสียชีวิต หรือที่เห็นบ่อยๆเป็นประจำก็คือ ช้างตกท่อที่กว่าจะช่วยเหลือมันได้ก็ทุลักทุเลเหลือหลาย
หยุดคิดเรื่องช้าง ผมนั่งดูผู้คนที่กำลังเดินบนริมฟุตบาท มองดูรถราที่วิ่งขวักไขว่ ตลอดถึงร้านรวง สถานบันเทิงที่ประดับประดาแสงสียั่วล้อแมลงหนุ่มผู้กำหนัดยั่วยวนเชิญชวนไห้เข้าไป โดยมีน้องหนูนั่งไขว้ห้างรออยู่หน้าร้าน
คิดเงินครับ ผมตะโกนบอกเก็บเงิน
ผมจ่ายค่าจิ้มจุ่มค่าเครื่องดื่ม รับเงินทอนเสร็จ ผมกับแฟนเดินออกจากร้าน ฉับพลัน มีเสียงโหวกเหวกเสียงดังแว่วมาแต่ไกล ผู้คนที่ได้ยินต่างวิ่งไปดู ผมกับแฟนรีบรุดไปดูเหตุการณ์กับกลุ่มไทมุงกลุ่มใหญ่ที่มุงดูอยู่ก่อนแล้ว พอมาถึง ผมเห็นผมถึงกับตลึงพรึงพรืดคละเคล้ากับเศร้าใจ เมื่อช้างน้อยที่ผมกับแฟนให้อาหารมันก่อนหน้านั้น ตกท่อ ลงไปกองอยู่ในก้นท่อ ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ท่ามกลางความอลหม่านและการจราจรที่ติดขัด
ตีพิมพ์ครั้งแรกจุดประกายวรรณกรรมฉบับวันที่ 19 ก.พ.2555
11 มีนาคม 2555 07:46 น.
หนุ่มลำปาว
พออ้อยหมดถุง ผมกับแฟนมองหน้ากัน ผมกลัวว่าถุงอ้อยที่บรรจุอ้อยไม่มากนักนั้น กลัวช้างไม่อิ่ม ผมจึงควักเงินซื้ออีกสามถุงเป็นเงินหกสิบบาท ผมให้แฟนผมป้อนมันอีกสองถุง ผมป้อนถุงหนึ่ง นัยน์ตามันจากที่อิดโรยในคราแรกที่เห็น มันกระปรี้กระเปร่าขึ้นมานิดหนึ่ง ส่วนคนนำมันมา ต่างนับเงินที่ได้จากการพาช้างมาเดินเตร่มาทั้งวัน แบ่งเงินกันโดยไม่อายคนมอง ทุกคนต่างใบหน้าแช่มชื่นชื่นมื่น หรือมันจะจริงอย่างเขาว่า มันไม่ใช่ คนเลี้ยงช้าง แต่มันกลับกลายเป็นว่า ช้างเลี้ยงคน
อ้อยทั้งของผมกับแฟนป้อนช้างหมดลง เจ้าของช้างก็พามันเดินเตร่ต่อไป ผมกับแฟนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข ทว่าผมกลับสลดวูบลง เมื่อนึกถึงช้างเร่ร่อนที่มีเกลื่อนอยู่แทบทุกที่ในเมืองหลวง เวลาผมเดินมาจ่ายตลาดจะเห็นช้างเดินเตร่เร่ร่อนเกือบทุกวัน ผมอยากให้ช้างอยู่ในป่าตามธรรมชาติ อยู่ในที่ที่มันควรอยู่ไม่ควรนำมาเร่ร่อนเช่นนี้ ผมไพล่นึกถึงกฎหมายที่รัฐบาลออกมาว่า ห้ามนำช้างมาเร่ร่อนในเขตเมืองหลวง ทว่าก็เหมือนกับเป่าสาก ในตอนแรกอาจมีผล นานไปเริ่มหย่อน แล้วมันก็มีให้เห็นเรื่อยๆประจานกฎหมายไทย ที่ออกมาแล้วกลับไม่มีผลอันใด ช้างเร่ร่อนก็ยังมีให้เห็นเกลื่อนเมืองเช่นเคย
แล้วผมก็นึกถึงข่าวในสื่อทีวีที่มีไห้เห็นไม่ขาด ภาพผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ไม่ว่าจะช้างตกมันไล่กวดชาวบ้านจนชุลมุนยกใหญ่ ช้างโดนรถชนอาการสาหัสปางตาย (ตายก็มี) และช้างกระทืบควาญช้างจนเสียชีวิต หรือที่เห็นบ่อยๆเป็นประจำก็คือ ช้างตกท่อที่กว่าจะช่วยเหลือมันได้ก็ทุลักทุเลเหลือหลาย
หยุดคิดเรื่องช้าง ผมนั่งดูผู้คนที่กำลังเดินบนริมฟุตบาท มองดูรถราที่วิ่งขวักไขว่ ตลอดถึงร้านรวง สถานบันเทิงที่ประดับประดาแสงสียั่วล้อแมลงหนุ่มผู้กำหนัดยั่วยวนเชิญชวนไห้เข้าไป โดยมีน้องหนูนั่งไขว้ห้างรออยู่หน้าร้าน
คิดเงินครับ ผมตะโกนบอกเก็บเงิน
ผมจ่ายค่าจิ้มจุ่มค่าเครื่องดื่ม รับเงินทอนเสร็จ ผมกับแฟนเดินออกจากร้าน ฉับพลัน มีเสียงโหวกเหวกเสียงดังแว่วมาแต่ไกล ผู้คนที่ได้ยินต่างวิ่งไปดู ผมกับแฟนรีบรุดไปดูเหตุการณ์กับกลุ่มไทมุงกลุ่มใหญ่ที่มุงดูอยู่ก่อนแล้ว พอมาถึง ผมเห็นผมถึงกับตลึงพรึงพรืดคละเคล้ากับเศร้าใจ เมื่อช้างน้อยที่ผมกับแฟนให้อาหารมันก่อนหน้านั้น ตกท่อ ลงไปกองอยู่ในก้นท่อ ร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ท่ามกลางความอลหม่านและการจราจรที่ติดขัด
ตีพิมพ์ครั้งแรกจุดประกายวรรณกรรมฉบับวันที่ 19 ก.พ.2555
9 มีนาคม 2555 16:12 น.
หนุ่มลำปาว
อีน้ำตาลเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ น่ารัก และมันก็รักผมมาก มันจะคอยติดตามผมไปทุกที่ทุกทางตอนเย็นๆผมจะพามันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้าน มันจะระริกระรี้ดีใจ
นอกจากนี้มันยังเป็นหมาแสนรู้ ผมมักจะโยนลูกเทนนิสไปมันจะวิ่งไปคาบกลับมาให้ผมทุกครั้งดูมันสนุกสนานมีความสุข(สังเกตจากหน้าตาแววตาของมัน)ในยามกลางคืนมันจะคอยปกป้องคนในบ้าน ถ้ามีคนมาท่อมๆมองๆหรือมีพิรุธมันจะเห่าเสียงขรมอย่างเอาเป็นเอาตายจนคนหนีไปมันถึงจะเงียบเสียงลงแล้วมันจึงรีบมานอนในที่ประจำของมัน คือบันไดหน้าบ้านคอยรักษาความปลอดภัย
มีอยู่ครั้งหนึ่งมันโดนวางอย่าเบื่อจากใครก็ไม่รู้น่าจะเป็นวัยรุ่นในหมู่บ้าน มันเดินโซซัดโซเซเดินชนกะละมังบ้านเสียงดัง ดีที่ผมเห็นอาการแปลก ๆ ของมันผมวิ่งเข้ามาดูรู้เลยว่ามันโดยวางยา ผมตะโกนบอกน้องชายให้เอาไข่ไก่จากในตู้เย็นผสมน้ำปลาร้า ผมให้น้องชายจับมันง้างปากออก ผมจึงเทไข่ใส่ปากมันไม่นานมันก็อาเจียนสำลักออกมาพร้อมกับยาเบื่อที่มันกินเข้าไปทว่าตอนนั้นมันก็มีอาการแปลกๆไม่เหมือนเดิม สายตามันเลื่อนลอย เวลามันเดินมันจะเดินก้มหน้าลงต่ำคล้ายระบบประสาทมันถูกทำลายไป เพียงไม่ถึงเดือนด้วยการดูแลอย่างดีมันจึงหายจากอาการผิดปกตินั้น กลับมาเป็นอีน้ำตาลตัวเดิม
ไอ้ดำลูกของอีน้ำตาล เริ่มโตขึ้นเรื่อยๆจนเข้าสามเดือน เค้าโครงจากพ่อแม่มันค่อยเด่นชัดขึ้น ไอ้ดำตัวอ้วน ตัวมันเริ่มสูงตามวัยของมัน แต่ผมเชื่อว่ามันตัวสูงใหญ่เหมือนพ่อแม่มันแน่นอน ตอนนี้อีน้ำตาลจะรักไอ้ดำมากๆเวลาไอ้ดำเดินไปไหน อีน้ำตาลจะเดินตามลูกมันไปทุกที่รอบบริเวณบ้านบางครั้งผมก็เห็นภาพน่ารักระหว่างแม่กับลูก อีน้ำตาลกับไอ้ดำจะวิ่งกัดฟัดกันอยู่หน้าบ้านทุกวันตอนเย็นๆ บางครั้งอีน้ำตาลอ้าปากกว้างๆคาบหัวไอ้ดำไว้คาปาก ไอ้ดำดิ้นหนีออกมาบางครั้งอีน้ำตาลไล่ต้อนแอบลอบกัดขาหลังของไอ้ดำไอ้ดำล้มตัวลงเอี้ยวตัวกัดคืนอีน้ำตาลเอียงหน้าเบี่ยงสะโพกดันไอ้ดำจนล้มลงแล้วนอนทาบทับไอ้ดำพยายามดิ้นหนีอีน้ำตาลก็ดิ้นไปทับไม่ให้ไอ้ดำมีสิทธิ์ขึ้นมาได้เลย ทุกเช้าอีน้ำตาลจะเล่นกับไอ้ดำทุกเช้า หยอกกอดฟัดกันเล่นจนฝุ่นฟุ้งตลบ พอเหนื่อยมันก็พากันเดินไปรอบๆบริเวณบ้านอย่างสุขใจ
วันนี้วันอาทิตย์ผมไปจ่ายตลาด ตลาดชุมชนแห่งนี้พ่อค้าแม่ค้าจะมาขายทุกวันพุธกับวันอาทิตย์ ผมเดินออกจากบ้านไปยังตลาด ตลาดอยู่ใกล้บริเวณสวนสาธารณะข้างๆวัด ในพื้นที่ว่างเปล่า เวลามีงานบุญมีหมอลำมาแสดงจะมาจัด ณ ลานแห่งนี้
ผมเดินฝ่าเบียดเสียดผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ เดินผ่านร้านค้า เดินเตร่จับจ่ายซื้ออาหารถุง ของหวาน เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ใส่ตู้เย็นเก็บไว้ทำกินเองในบ้าน
ราวครึ่งชั่วโมง ผมเดินจับจ่ายซื้อของจนได้ครบแล้วผมกะจะเดินไปซื้อแก้วมังกรที่อยู่ริมถนนทางออก แล้วว่าจะเดินกลับบ้านเลย
พลันเสียงกรีดก็ดังแว่วมาปะทะโสตประสาททำให้ผมชะงักเท้ากะทันหันหันมาทางถนน และแล้วผมก็เจอกับภาพที่ชวนสยดสยองยิ่งนักผมหันมาพอดีกับที่เห็นสุนัขตัวหนึ่งนั่งคุดคู้หาทางออกอยู่ใต้ท้องรถทัวร์สายหนึ่งมันลุกลนลานหาทางออกอย่ากระสับกระส่ายกระวนกระวาย ขณะที่มันโผล่หัวว่าจะออกมาจากใต้ท้องรถ และแล้วล้อรถทัวร์ก็เหยียบโพละเข้าที่กะโหลกของสุนัขโชคร้ายตัวนั้น มันสมองเหลวข้นไหลฉาบทาพื้นถนนยางมะตอยปะปนกับเลือดแดงฉานคาวคลุ้งตลบ มันแน่นิ่งตายสนิทคาท้องถนน
ผมเห็นภาพสยดสยองนี้กับตา ตกตะลึงงัน กับภาพที่เห็น ภาพเบื้องหน้าทำคนที่ไปจ่ายตลาดต่างเวทนาสงสารในชะตากรรมของมัน ทุกสายตาจับจ้องที่สุนัขโชคร้ายตัวนั้นที่นอนตายกลางถนน ทว่าไม่มีใครคิดที่จะลากมันออกมาจากกลางถนน
ด้วยความสงสาร ผมเดินไปยังกลางถนนว่าจะลากมันมาวางข้างถนนจะได้ไม่ต้องถูกรถเหยียบซ้ำอีกครั้งที่สอง ผมเห็นมันชัดเจน มันเป็นสุนัขขนสีน้ำตาล นมยานโตงเตง
พลันน้ำตาผมเอ่อออกมา เข่าอ่อน มันเป็นอีน้ำตาลสุนัขของผมเอง