8 กรกฎาคม 2546 08:44 น.
หนึ่งเดียวคนนี้
ไม่เคยต้องแย่งคนของใคร
เลยไม่รู้จะทำยังไงกับสภาพการณ์แบบนี้
จะวางตัวอย่างไรดี
กับคำขู่ที่มีไล่หลังมา
ไม่เคยมาก่อนในชีวิต
และไม่เคยคิดว่าวันข้างหน้า
จะต้องมีการเสียเวลา
มาให้แฟนใครด่าซะยับเยิน
ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากใคร
คนกลางเขาเต็มใจให้โดยไม่ขัดเขิน
เลยไม่แน่ใจว่าใครกันส่วนเกิน
เพราะคนกลางเขาเดินตามฉันมา
สำหรับคำขู่คำสาปแช่ง
และคำกล่าวหาว่าแย่งอย่างออกนอกหน้า
โปรดไตร่ตรองด้วยสมองและสองตา
ฉันไม่ต้องไขว่คว้า..เขาพร้อมจะมา..เธอจะว่ายังไง
7 กรกฎาคม 2546 14:44 น.
หนึ่งเดียวคนนี้
คงไม่ใช่เนื้อคู่กัน
ทุกครั้งฉันเฝ้าบอกกับตัวเองอย่างนี้
ก็มันเป็นคำปลอบใจที่ได้ผลดี
ถึงจะใช้หลายทีแล้วก็ตาม
7 กรกฎาคม 2546 14:29 น.
หนึ่งเดียวคนนี้
เกิดมาก็หนนี้
ยอมให้ใครไม่รู้ชี้หน้าด่า
กลายเป็นบื้อเป็นใบ้ไร้น้ำยา
ปากลืมเอามาเสียทันควัน
ยอมบ้าจุดธูปสาบาน
ว่าไม่ได้แย่งแฟนชาวบ้านหรือแฟนใครทั้งนั้น
ถูกขอร้องให้เห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน
แล้วนี่ฉันจะทำอย่างไร
ฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ
และคงไม่มีเสน่ห์ยั่วยวนให้ใครมาหลงใหล
ถ้าแฟนคุณมารักฉันก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
ป้ายก็ไม่ได้แขวนคอไว้
ฉันก็รักได้เหมือนกัน
7 กรกฎาคม 2546 14:22 น.
หนึ่งเดียวคนนี้
ไง...ไหนบอกว่าเพื่อน
เจอะหน้ากันจะจะทำไมทำหน้าเจื่อนแทบถอดสี
ผู้หญิงกลาดเกลื่อนเธอว่าเพื่อนทั้งปี
เห็นเธอแต่ละทีไม่ซ้ำคน
ดี...เมื่อเธอบอกว่าเพื่อน
ขอลงมือตักเตือนเพื่อนเธอสักหน
ว่าเพื่อนไม่ควรหอมแก้มแฟนฉันกลางฝูงชน
ผู้หญิงอะไรหน้าทนไม่ยักอาย
สำหรับเธอ...ผู้ชอบคบเพื่อน
นี่เป็นคำเตือนครั้งสุดท้าย
ไม่ทราบนะอวัยวะส่วนใดในร่างกาย
อาจไม่มีใช้ในบั้นปลาย...เสียดายแทนบทกลอนไทย
7 กรกฎาคม 2546 14:15 น.
หนึ่งเดียวคนนี้
ให้ลืมน่ะลืมได้
แต่ความทรมานในใจเธอรับผิดชอบได้หรือเปล่า
ให้ลาจากกันให้จบความผูกพันระหว่างเรา
ทำไมจะทำไม่ได้เล่า..แค่เธอช่วยแบ่งเบา
...ความปวดร้าวบ้างได้ไหม...