7 มกราคม 2550 16:48 น.

เมื่อวันนั้นมาถึง

หนี้บุญ

ฉันรู้จักเขามาแล้วหลายปี ตลอดระยะที่รู้จักกัน ฉันรู้ว่าสักวันเขาต้องจากฉันไปแน่ๆ แม้เขาจะบอกว่า ตราบจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ฉันก็ไม่เคยมั่นใจ เขาเป็นของรักของคนอื่น ฉันเป็นแค่ส่วนเกินฉันจะไปมีความสำคัญอะไรกับเขาได้ ตั้งแต่คบกันมา เขาเสมอต้นเสมอปลายเคยห่วงใยเอาใจใส่แต่ต้นอย่างไงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ฉันเคยแอบถามเขาว่า กับอีกคนล่ะ เขาปฎิบัตอย่างทำกับฉันหรือป่าว เขาตอบว่าแน่นอนอีกคนอยู่ใกล้ตัวเขาย่อมดูแลได้ดีกว่ากับฉันซึ่งอยู่ไกลตัว เมื่อไม่สามารถดูแลคนอยู่ไกลตัวได้ความรู้สึกห่วงจึงต้องมีมากกว่าคนใกล้ตัวแน่ๆ ฟังแล้วก็ให้นึกยินดีดีใจว่า ชีวิตคนอาภัพๆ อย่างฉันก็ยังมีคนมาเป็นห่วง 
      ไม่นานมานี้เขาซื้อบ้านหลังใหม่ บ้านหลังใหม่นี้จะเป็นทั้งรังรักของเขาและครอบครัวพร้อมทั้งจะกลายเป็นออฟฟิคของเขาไปด้วย เมื่อแรกรู้ว่าเขาสร้างสมบัติชิ้นใหม่ ฉันก็ยินดีกับเขา แต่แปลกใจว่า ทำไมบ้านใหม่เสร็จแล้ว เขาจึงยังไม่ยอมย้ายสักที เพราะที่ใหม่คงจะสะดวกกว่าที่เก่า อาณาเขตใหญ่กว่า ที่อยู่และที่ทำงานอยู่ในรั้วเดียวกัน อะไรจะสมบูรณ์กว่านี้มีอีกมั้ย ฉันถามเขาว่า เมื่อไรจะย้าย เขาบอกว่ายังไม่ได้ดูฤกษ์ ถามแล้วถามอีก เขาบอกว่า เธอรู้มั้ย เพราะเธอทำให้ฉันไม่อยากย้ายฉันทิ้งเธอไม่ได้ เกี่ยวกันด้วยเหรอ เขาตอบว่าเกี่ยวมาก เพราะต่อจากนี้ไปที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่เขาจะต้องอยู่กับครอบครัวของเขา แต่จากนี้ไปเวลาที่เราจะมาคุยสนุกกันแทบจะไม่มีอีกแล้ว ฉันฟังแล้ว บ้าใบ้ไปทันที 
      แล้วจะให้ฉันทำอย่างไง สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือให้กำลังใจเขา ว่าเขาต้องไปอยู่ที่ใหม่ กับครอบครัวแสนสุขของเขา ของอื่นถือเป็นของนอกกายหมดเมื่อจำเป็นเขาต้องยอมตัดบางอย่างทิ้งเพื่อคงเหลือสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ฉันยอมรับได้ รู้มาตั้งนานแล้วว่าฉันคือ ส่วนเกิน แต่รับรองส่วนเกินชิ้นนี้จะไม่มีทางทำให้เขาต้องเดือดร้อนแน่ๆ เชื่อฉัน เพื่อเขาฉันยอมแม้จะต้องนอนร้องไห้ไปตลอดชีวิตฉันก็ยอม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาได้พิสูจน์ให้ฉันได้เห็นว่า ของไร้ค้าชิ้นนี้กลับเหมือนของมีค่าสำหรับเขามาก ขอให้มีความสุขๆ นะคะ ต่างคนต่างมีเป้าหมายของตัวเอง เมื่อเรามาถึงทางแยก และเราไม่สามารถร่วมทางกันได้อีก ก็ขอให้ต่างคนต่างเดินคนละทางเพื่อสุขที่รออยู่ข้างหน้าเถอะ				
24 ธันวาคม 2549 18:19 น.

ชตาชีวิต

หนี้บุญ

เพียงพิศผ่านวัยสาวมาอย่างชอกช้ำ เมื่อสาวความสวยของเพียงพิศเป็นที่ร่ำลือในหมู่ชายหนุ่มของหมู่บ้าน ใบหน้าหวานดวงตากลมใหญ่เศร้าเธอมีหน้าตาคล้ายๆ นางเอกหนังอินเดีย  อายุได้เพียง 1 6 ปี พ่อแม่ก็จับแต่งงานกับคนในหมู่บ้านที่พ่อแม่เห็นดี มิใยที่เธอจะบอกพ่อและแม่ว่า เธอไม่พร้อมจะแต่งกับเขา เพราะเธอแอบมีใจให้กับคนอื่นแล้ว เธอถูกคลุมถุงชนเธอจะไปมีแรงที่ใหนมาต่อต้านพ่อและแม่ผู้เผด็จการ หลังแต่งงานเพียงแค่ไม่กี่เดือน สามีที่พ่อและแม่เห็นดีให้แต่งด้วยก็ออกลาย ตอนนั้นช่างเศร้าเหลือเกิน เพียงพิศท้องลูกได้ 5 เดือนแล้ว เมื่ออยู่กับเขาต่อไม่ได้ พ่อและแม่ก็จำต้องพาเพียงพิศกลับไปอยู่บ้าน ไม่นานเธอก็คลอดลูกเป็นผู้หญิง หลังจากคลอดลูกเธอแอบไปติดต่อกับชายคนรักเดิมของเธอ จนสุดท้ายก็มีการสู่ขอแต่งงาน เธอจำเป็นต้องทิ้งลูกให้พ่อและแม่เลี้ยง และออกจากบ้านพ่อและแม่ไปอยู่กับสามีคนใหม่ ที่บ้านสามีคนใหม่ เธอไม่ต่างจากคนใช้ในบ้านนั้น ทุกคนรังเกียจเธอ แม่หม้ายลูกติด ใครจะไปยอมรับได้ เธอต้องทำงานหนักมากเพื่อแลกกับความเมตตาของคนในบ้าน แต่มิใยที่เธอจะใช้แรงกายทั้งหมดเท่าที่มีเพื่อคนในบ้าน ก็ยังไม่มีใครรับเธอ สามีนะหรือ เขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบพูดอะไรก็ไม่มีใครฟัง จึงไม่สามารถปกป้องเธอได้ยามเธอถูกเขารุมด่าว่า ชตาชีวิตเด็กผู้หญิงหน้าตาดีมากๆ คนหนึ่งไม่น่าจะเศร้าและโหดร้ายมากเพียงนี้
     ด้วยวัยไม่ถึง 20 ปี ต้องแบกรับผิดชอบงานบ้านทั้งหมดที่ทุกคนในบ้านพร้อมใจกันยกให้เธอ เธอต้องออกไปหางานทำข้างนอกบ้างเพื่อแลกกับเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้พอค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอ สามีกินเงินกงสีที่ได้รับปันส่วนมาเพียงเล็กน้อยในส่วนนี้มีเพียงส่วนของสามี เพียงพิศไม่เกี่ยว เพียงพิศต้องอยู่ร่วมชายคาคนใจร้ายอยู่นานโดยไม่มีโอกาสไปเยี่ยมดูแลลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวกับเธอจึงไม่มีความผูกพันฉันท์คนแม่ลูก ช่างน่าสงสารเหลือเกิน เพียงพิศที่งามไม่มีที่ติ ทำไมเธอช่างอาภัพนัก
     ตอนนั้นเพียงพิศอายุ ย่างเข้า 40 ปีแล้ว น้องชายของสามีขับไล่เพียงพิศให้ออกจากบ้าน เธอมันตัวซวยตั้งแต่เหยียบมาอยู่บ้านนี้ บ้านนี้มีแต่จนลง ไปให้พ้น ออกไปจากบ้านนี้ซะ น้องชายสามีผู้เลือดร้อน ขับไล่เธอ เธอสู้อดทนไม่เถียงไม่พูด ใครจะว่าอย่างไง อย่างเดียวที่ทำได้ ก็แค่ร้องไห้ แต่น้องสามีก็ยังไม่ยอม สุดท้ายเขาเอาปืนมาขุ่ ถามว่าจะไปดีๆ หรืออยากตายที่นี่ แม่สามีเห็นดังนั้น จึงมาบอกกับเพียงพิศว่า เอางี้นะ เธอกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่เธอก่อน ไว้เรื่องสงบลงแล้ว เธอค่อยกลับมา พร้อมกับให้สตางค์เพียงพิศไปนิดหน่อย เพียงพิศผู้น่าสงสาร เธอไม่มีโอกาสได้รู้ว่า การออกจากบ้านหลังนั้ในวันนั้นเป็นการต้องจากมาชั่วชีวิต เพราะเพียงแค่เธอออกจากบ้านมา สามีก็ไม่เคยตามเธอมาเลย กลับไปอยู่บ้าน ลูกก็เมิน พ่อแม่ก็เมิน ก็เพียงพิศยากจนไม่มีสมบัตติดตัวใดๆ ทั้งสิ้น ลูกเมินเพราะเพียงพิศทิ้งไปหาความสุขปล่อยให้ตายายต้องดูแล ลูกสาวรับรู้แต่ว่า แม่ไปแต่งงานใหม่ พาเธอไม่ด้วยไม่ได้ เพียงพิศปิดปากสนิทเพราะไม่มีคำแก้ตัวใดๆ ที่จะบอกลูกได้ จากวันนั้นมาวันนี้เพียงพิศออกจากบ้านสามีคนที่ 2 มาแล้ว 8 ปี โดยไม่เคยมีใครสักคนในบ้านหลังนั้น จะมาเยี่ยมเยียนถามข่าวๆ เธอเลยเหมือนเธอได้หายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว 
     ฉันรู้จักเพียงพิศเพราะแม่ของเพียงพิศมาหา และขอให้ฉันช่วยให้เพียงพิศได้ทำงาน แม่เขาเล่าว่า เพียงพิศไปทำงานเป็นแม่บ้าน วันหนึ่งๆ ต้องตระเวณทำงานแม่บ้านหลายๆ หลัง จึงจะได้เงินเพียงพอค่าใช้จ่าย ฟังเรื่องราวตอนนั้นแล้ว ฉันสงสารเขาจับจิต ฉันไม่ได้หวังให้เขามาช่วยงานฉัน ฉันช่วยเขาเพราะอยากให้เขามีงานทำ ทำได้แค่ใหนก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้ฉันมีส่วนช่วยให้เขามีงานทำ นั่นคือความคิดของฉัน เมื่อพี่น้องของฉันรู้ ว่าเขาฉันหาเรื่อง ไปเอาคนแก่มาทำงานจะได้เรื่องอะไร ทำไมไม่หาคนอายุน้อยๆ ฉันบอกน้องฉันว่า แม้เขาทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันก็จะจ้างเขา แค่พนักงานขายคนหนึ่ง ไม่เป็นไร เขาทำได้ก็ดีทำไม่ได้ก็ดี ฉันต้องให้โอกาสเขา
     3 ปี ที่เพียงพิศอยู่กับฉัน เพียงพิศได้พิสูจน์ความเป็นคนดีของเธอให้ฉันเห้น เธอขยัน เธอดูแลผลประโยชน์ของฉันเต็มที่ แม้บางครั้งจะมากเกินความพอดีจนฉันต้องคอยปรามฉันไม่เคยผิดหวังที่ช่วยเธอไว้ ยิ่งฉันไม่เคยคาดหวังว่า เขาจะตอบแทนฉันได้มากขนาดนี้ ฉันยิ่งได้รับ ฉันคิดว่า นี่คือเจตนาดีที่ฉันมีให้เธอเจตนาที่หวังดีอยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ได้หวังว่าเธอจะทำให้ฉันได้แค่ใหน หวังเพียงว่า ค่าแรงเพียงน้อยนิดที่ฉันให้เธอจะสามารถช่วยให้เธอดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งคนอื่นอีก  วันนี้ ฉันดีใจ ที่ฉันสามารถสร้างให้คนๆ หนึ่ง เปล่งประกายความสามารถในตัวของเขาออกมาเต็มที่ เธอช่วยฉันได้มากเหลือเกิน เธอมีความสามารถ 
     จากนี้ไปจะไม่มีใครกล้าดูถูกเธอีกแล้ว เพียงพิศผู้เคยน่าสงสาร				
24 ธันวาคม 2549 15:33 น.

อโหสิกรรม

หนี้บุญ

ชั่วชีวิตของคนๆ หนึ่ง จะมีบ้างไหมที่เราจะได้สิ่งที่เราปรารถนาบ้าง ฉันไม่กล้าคิดว่า จะขอมากขอเพียงแค่ได้บ้างเท่านั้นก็พอ ฉันอยากมีอะไรที่เป็นของฉันเอง ฉันอยากมีชีวิตที่เป็นของฉันเองจริงๆ จะทำอะไรก็ไม่ต้องคอยแคร์คนอื่นว่าจะรู้สึกอย่างไร กลัวคนอื่นผิดหวัง แต่ตัวเองผิดหวังไม่เป็นไร วันนี้ผิดหวังก็หวังพรุ่งนี้ พร่งนี้แล้วก็อีกพรุ่งนี้พรุ่งนี้ที่ไม่มีทางมาถึง 
     สำหรับฉันแล้วชีวิตมีทางให้เลือกไม่มาก พอเลือกผิดทางฉันก็ไม่ท้อที่จะรอทางแยกข้างหน้า แต่เดินนานเท่าไร ก็ไม่เคยพบเจอทางแยกอีกเลย ถ้าต้องเดินย้อนกลับคงต้องใช้เวลาเดินอีกนานเพราะฉันปล่อยระยะทางจนเดินลึกมาก
ถามว่าเคยเสียใจมั้ย ฉันเสียใจฉันเสียดายวันเวลา ที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่พอจรรโลงใจให้ฉันได้บ้างก็คือ ลูก 
    ฉันเคยคิดแค้นแค้นมากสุดๆ แต่พอเห็นหน้าลูกฉันก็ยอมให้อภัย ตอนนี้ฉันปลงแล้ว ฉันคิดว่า ชาติก่อนฉันคงทำบาปหนักมาก ชาตินี้ฉันจึงต้องมารับกรรมอย่างทุกวันนี้ แต่ฉันไม่กลัว ฉันมีลูกอยู่เคียงข้างฉัน แม้จะเคยท้อแต่ไม่เคยถอย ชีวิตลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดพึ่งใคร วันนี้ฉันพร้อมให้อโหสิกับทุกๆ คนที่ทำฉันเจ็บ ฉันให้อภัย จบกันแค่ชาตินี้อย่าจองเวรจองกรรมต่อกันเลย ฉันให้อโหสิกรรมแล้วทุกๆ อย่างสิ่งที่เคยพูดเคยอาฆาตขอถอนคำพูดให้หมด
เราจะไม่มีเวรกรรมต่อกัน ขอชดใช้กรรมให้หมดเพียงชาตินี้ ขอให้ชาติหน้าอย่าให้ต้องมาเจอะเจอกันอีกเลย 
          วันนี้ฉันสบายใจแล้ว ฉันทำใจได้ ฉันไม่แค้นใครอีกแล้ว ขอให้เป็นสุขเป็นสุขเถอะ อย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย				
24 ธันวาคม 2549 15:09 น.

ชีวิตนี้เป็นของใคร

หนี้บุญ

ฤาชีวิตนี้ไม่ใช่ของฉัน ฉันเหนื่อยฉันล้า แต่ฉันท้อไม่ได้  ฉันเจ็บฉันป่วย แต่ฉันล้มไม่ได้ ฉันมีหน้าที่อย่างแรกในทุกๆ วัน คือต้องส่งลูกไป โรงเรียน โอ้ว่าลูกจ๋า เจ้าจะรู้ไหมหนอว่า แม่เจ้าคนนี้กำลังป่วยอยู่ เจ้าเคยสังเกตบ้างไหมหนอว่า แม่เจ้าเปลี่ยนไป เจ้าเคยเอ่ยปากถามแม่เจ้าบ้างไหม ว่าแม่จ๋า แม่เป็นไงบ้าง แม่อยากบอกเจ้าเหลือเกินว่า ลูกจ๋าแม่เจ้าแสนเหนื่อย แต่ด้วยหน้าที่คำว่าแม่ที่แสนยิ่งใหญ่ แม่เจ้าบอกเจ้า ไม่ได้  แม่เจ้ากำลังป่วยอยู่
     หน้าที่นายจ้างก็แสนยิ่งใหญ่ ลูกจ้างรู้มั้ย นายเจ้าแสนเหนื่อย เจ้าไม่มาทำงานอย่างมากเจ้าไม่ได้ค่าแรง แต่นายของเจ้าหมายถึงทุกสิ่งทุก นายเจ้าจะได้สตางค์ก็ต่อเมื่อเหลือจากจ่ายเจ้า เจ้าป่วยไข้ได้ นายป่วยไม่ได้ หลายวันที่พวกเจ้าป่วย นายเจ้าคนนี้ก็กำลังป่วยแต่ด้วยหน้าที่เขาป่วยไม่ได้ ยามเดินเท้าเกือบไม่ติดดิน แอบจับขอบโต๊ะแต่เขาไม่บ่น 
     หลายวันต่อมา ญาติชวนทานข้าว คนป่วยคนนี้ต้องเป็นคนขับรถ ญาติเขาบอกว่า เหมือนเธอไม่ป่วย เพราะเธอไม่โทรมหรือเธอป่วยเทียม  โอ้ว่าฉันนี้
นี่ดีหรือชั่ว เวลาเราป่วยไม่มีใครเห็นยามยากลำเค็ญไม่เคยบอกใคร เขาว่าไม่ป่วยแต่สั่งอาหารสำหรับคนป่วย ฉันกำลังเหนื่อยอาหารมาก็รีบๆ ทาน เขาเห็นฉันทานอย่างแสนสำราญ แน่แล้วเธอจ๋าเธอไม่ได้ป่วย
     ตกเย็นเลิกงาน ฉันแสนสำราญวันนี้ขายดี ได้มากสตางค์ รีบเร่งเร็วรี่จรลีไปธนาคาร จอดรถเร็วพลัน ลูกจ๋าอย่าช้า รีบเร่งเร็วพลันเอาเงินเข้าคลังให้แม่ชื่นใจ  โอ้ว่าแม่จ๋า ลูกนี้แสนเหนื่อย ไม่อยากรอนาน ตกเย็นคนเยอะไม่อยากรำคาญ แม่จ๋า แม่ทำเองได้ไหม ลูกไม่อยากทำ แม่เจ้าก็เหนื่อยอยากให้เจ้าช่วยเพียงเท่านี้ หรือเจ้าทำให้ไม่ได้ ลูกจ๋างอแงด้วยไม่อยากทำเห็นๆ แม่เราเขาทำเองได้ทำไมเราจึงต้องไปกระทำ
     กลับถึงบ้าน หัวถึงหมอนฉันนอนไม่หลับ เกือบทุกๆ คืนต้องพึ่งยาไม่งั้นไม่หลับ ฉันเคยสงสัยทำไมฉันเป็นอย่างนี้ หรือชีวิตนี้ไม่ใช่ของฉัน ตอนนี้ฉันเหนื่อย เจ้าของชีวิตเจ้าไปอยู่ใหน วันใหนเจ้าพร้อมจะมารับไป ก็ขอเชิญได้ฉันนี้อยากคืน 
     ฉันอยากมีชีวิตที่เป็นของฉันเองจริงๆ ฉันอยากได้ชีวิตพร้อมกับวิญญาน หน้าที่มีบ้างไม่ใช่เหมาหมดอย่างเช่นทุกวัน จะมีวันเช่นนั้นสำหรับฉันบ้างไหมหนอ				
17 ธันวาคม 2549 13:40 น.

หมดกรรม

หนี้บุญ

พี่นิดเป็นนางพยาบาลซึ่งมีความสามารถพิเศษตรงที่สามารถทำนายทายทักและแนะนำบุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือ ฉันเคยไปหาพี่นิดครั้งหนึ่งเพื่อให้พี่นิดช่วยดูดวงให้ แต่ก็นานมากแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก จนวันหนึ่งฉันเจอพี่นิด พี่นิดมองหน้าฉันแล้วยิ้มบอกว่า ว่างไปหาพี่หน่อยสิ มีอะไรดีๆ จะบอก ช่วงนั้นงานฉันยุ่งมาก ฉันจึงลืมๆ ไป จนได้เจอพี่นิดอีกครั้ง พี่นิดก็บอกอีกว่า ว่างไปพบพี่หน่อยสิ มีข่าวดีจะบอกนา ฉันจึงนัดแนะกับพี่เขาและก็ไปหาในวันอาทิตย์ถัดไป 
ฉัน   สวัสดีค่ะ พี่นิด
พี่นิด  สวัสดีค่ะ มาได้แล้วเหรอ
ฉัน     ค่ะ 
พี่นิด   นั่งก่อน ทานน้ำก่อนสิจ๊ะ
ฉัน    ใหนพี่ว่ามีอะไรดีๆ จะบอก
     พี่นิดนั่งมองหน้าฉันยิ้มๆ แล้วบอกว่า ไปไหว้ท่านบ้าง ( พระ) เราทำมาหากินในถิ่นของท่าน อยากได้อะไรไปกราบไหว้ท่าน ท่านจะได้ช่วยให้งานเราสำเร็จ  (ท่านในที่นี่คือ พระเจ้าอาวาสที่ท่านมรณะภาพไปนานแล้ว)  เธอรู้มั้ยเธอจะขายได้ แชมป์ 3 ปี ซ้อน ฉันมองพี่นิดด้วยความแปลกใจ พี่นิดรู้ได้ไง ปีที่แล้วฉันขายสินค้าได้มากที่สุดในแบรนด์ที่เราขาย มาปีนี้ฝนตกมากเหลือเกินฉันจะทำได้เหมือนปีที่ผ่านมาหรือไม่ยังไม่แน่ใจ เธอทำได้ แต่ออกจากนี้ไปเธอต้องไปหาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ท่าน ขอให้ท่านช่วยแล้วทุกอย่างจะสำเร็จ ใหนขอวันเดือนปีเกิดหน่อยสิ ฉันให้วันเดือนปีเกิดแก่พี่นิดแล้ว นั่งมองเธอ พี่นิดบอกว่า วันนี้ถ้าเธอหาปลาไหลไปปล่อยได้ 9 ตัว เธอจะหมดกรรม ต้อง 9 ตัวนะ (ย้ำ)
ปลาไหลแค่ 9 ตัว จะไปยากอะไร เมืองที่ฉันอยู่อย่าว่าแต่ปลาไหล 9 ตัวเลย ต่อให้ 9 พันตัวก็น่าจะหาได้ไม่ยาก ฉันบอกพี่นิดว่า แค่ 9 ตัว ต้องได้ปล่อยแน่ พี่นิดมองยิ้มๆ ตอบว่า ไม่แน่ อยู่ที่ บุญ-กรรม ของเธอ แต่ถ้าเธอปล่อยได้ วันนี้เธอหมดกรรมแน่ ฉันรีบกดมือถือให้ลูกน้องที่รู้ว่า เขาจะสามารถหาปลาไหลจากใหนให้ฉันได้ แล้วฉันก็ลาพี่นิดกลับมา
      หลังจากนั้นไป 2 ชั่วโมง ลูกน้องกลับมาบอกว่า วันนี้เขาหาปลาไหลไม่ได้เลย ไม่มีคนมาขาย และไปมาแล้วหลายตลาด เป็นไปได้ไง เมืองเราออกใหญ่ แค่ปลาไหล 9 ตัว เธอหาไม่ได้เชียวเหรอ  เขาบอกว่าไปหามาจนหมดแล้ว ไม่มีเลย
แสนจะเหลือเชือ เป็นไปได้ไง ฉันคิดถึงคำพูดพี่นิดที่บอกว่า ไม่แน่ แล้วแต่ บุญ-แต่กรรม ของเธอ ทำให้ฉันไม่ยอมแพ้ หลังเลิกงานฉันไปตลาดเอง จนรถริมฟุตบาทแล้วเดินอ้อมไปทางหน้ารถ เข้าไปถามหาจากที่เคยเห็น ไม่มีใครขายเลยจริงๆ เจ้าประจำที่เคยขายก็ไม่มาขาย ฉันไม่ยอมแพ้ยังคงเดินหาต่อไป สุดท้ายก็หมดหวัง เพราะไม่มีเลยจริงๆ ตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มมืด ฉันเองก็สายตาสั้นและไม่ได้ใส่แว่น ฉันเดินอ้อมมาทางหลังรถฉัน เห็นแม่ค้าวางกะละมังขายของอยู่ข้างๆ รถฉัน ความที่มันเริ่มมืด ฉันจึงถามแม่ค้าว่า ในกะละมังนั่นอะไรคะ
แม่ค้า ตอบว่า ปลาไหลค่ะ  เท่านั้นแหละ ฉันเกิดอาการปิติจนไม่รู้ว่าความสุขที่ได้มาเจอปลาไหลตอนนี้มันสุขแบบใหน ดีใจเป็นที่สุด เห็นเหลืออยู่นิดเดียว จึงบอกแม่ค้าไปว่า ขอเหมาหมด ทั้งหมดมีอยู่กี่ตัว แม่ค้าเอาถุงมาใส่ ช่างแปลกมหัศจรรย์เหลือจะกล่าว ช่างบังเอิญแท้ๆ เป็นเรื่องจริงที่สุด แม่ค้าตอบว่า มีอยู่ 9 ตัว  ฉันขนลุกขนพองไปหมด คำว่าจะหมดกรรมในวันนี้ช่างมีอนุภาพต่อฉันมากนัก ฉันกำลังต้องการปลาไหล 9 ตัว พอดี แล้วฉันก็ได้ หลังจากจ่ายเงินให้แม่ค้าแล้ว ฉันเหลือบไปเห็น ยังมีอีกถุงอยู่ในอีกถัง จึงถามแม่ค้าว่า แล้วนั่นอะไรอีกล่ะ แม่ค้าตอบว่า ปลาไหล ตัวนั้นใหญ่มาก น้ำหนัก เกือบ 2 กิโล  อ้าวก็ฉันเหมาหมดป้าเหลือไว้ทำไมล่ะ แม่ค้าตอบว่า ตัวนี้แม่ค้าไก่สด แผงตรงโน้นเขาซื้อไว้แต่เย็นแล้ว จ่ายเงินไว้เรียบร้อยแล้วแต่ฝากของเอาไว้ ฉันถามว่า เจ้าใหน แม่ค้าจี้ไปที่แม่ค้าขายไก่สด ชาวมุสลิม ฉันยืนคิดและเริ่มเดินไปหาแม่ค้าไก่สด 
ฉันเข้าไปทักสวัสดีเขา และบอกเขาว่า อยากได้ปลาไหลตัวที่พี่ซื้อไว้ มีความจำเป็นต้องใช้มัน แม่ค้ามองหน้าฉันนิ่งๆ ฉันมองตอบ และบอกเขาค่อยๆ ว่า พี่จ๋า ขายให้ฉันเถอะนะ ฉันอยากปล่อยมัน ที่มีอยู่ฉันเหมาไปหมดแล้ว เหลือตัวนี้ฉันอยากได้ พี่เรามาทำบุญร่วมกันนะ พี่จ่ายไปเท่าไรฉันยินดีจ่ายเพิ่มให้พี่  แม่ค้ามองฉันนิ่งๆ แล้วตอบสั้นๆ ว่า ได้ เอาไปสิ เงินก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มหรอก เอาเท่าที่พี่จ่ายไปก็แล้วกัน ท่านผุ้อ่านคะ ณ.เวลานั้น ฉันมีความสุขมากเหลือเกิน มากกว่าที่ฉันได้ ปลาไหลซึ่งจะช่วยให้ฉันหมดกรรม 9 ตัวนั้น ฉันมีความสุขเพราะฉันแน่ใจว่า แม่ปลาไหลตัวใหญ่ตัวเดียวนี้จะต้องมีลูกปลาไหลอีกหลายตัวในท้องแน่ๆ วันนั้นฉันไม่สนใจว่า จะเป็นปลาไหลกี่ตัว จะ 9 ตัวจะหมดกรรม จะเหลือกรรม ช่างมัน ฉันสุขใจที่ได้ช่วยปลาไหลตัวสุดท้ายซึ่งถ้าฉันไม่ไปขอซื้อกับมุสลิมใจดีคนนั้น แม่ปลาไหลตัวนี้คงต้องกลายเป็นอาหารรสโอชะไปแล้ว  คนเราก็เท่านี้ มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ถ้าเราคิดว่าเราทำดี ทำไปเรื่อยๆ ไม่หวังให้หมดกรรมเพียงใน 1 วัน สะสมไปเรื่อยๆ มันคงหมดสักวัน ขอให้แม่ปลาไหลจงมีความสุขๆ เถอะ สำหรับฉันวันนั้นเป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุด และแม้เวลาจะผ่านมาแล้วเท่าไร ฉันก็ยังจำความสุขณ.เวลานั้นได้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนี้บุญ
Lovings  หนี้บุญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนี้บุญ
Lovings  หนี้บุญ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนี้บุญ
Lovings  หนี้บุญ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหนี้บุญ