13 มิถุนายน 2548 09:40 น.
ส.คลองแสนแสบ
หอที่จะเขียนต่อไปนี้ หมายถึงหอพักนะครับ มิใช่หอระฆังหรือหอคอย
สิ่งแรกที่พวกเราจะต้องคิดเตรียมหลังจากที่ทราบปรกาศผลการสอบคัดเลือกว่าเราประสบความสำเร็จไปแล้วหนึ่งขั้นนั่นคือ การหาที่พักระหว่างเรียน เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด บางรายรับราชการอยู่ต่างจังหวัดก็จริงแต่มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯก็นับว่าโชคดี สำหรับรายที่รับราชการอยู่ต่างจังหวัดและลงหลักปัฐานอยู่ต่างจังหวัดอีก ก็จำเป็นต้องหาหอ การจะไปพึ่งพิงอยู่กับญาติมิตรเพื่อนฝูงอาจจะไม่เหมาะนัก เพราะพวกเรามิใช่เด็ก และมิใช่การพักอาศัยชั่วครู่ชั่วยาม หากจะเช่าโรงแรมอยู่ตลอดก็ดูจะเกินความจำเป็น อาจกระทบกระเทือนต่อประมาณการค่าใช้จ่าย หรือหากจะอาศัยอยู่ใต้ถุนกุฏิท่านเจ้าคุณเหมือนสมัยที่เรียนมัธยมก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติตนเอง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เงินเดือนสูงแถมขณะเมื่อลาศึกษาต่อยังได้รับเงินเดือนเป็นปกติ จะไปแย่งที่เด็กวัดอยู่อีก รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นเลยทีเดียว
สรุปว่า อยู่หอเหมาะที่สุด
บริเวณรอบโรงเรียนก้นซอยมีหอพักอยู่ไม่มากนัก อาจเป็นเพราะว่าผู้ที่จะลงทุนสร้างหอพักมีน้อย อันเนื่องมาจากบริเวณโดยรอบเป็นย่านที่เหมาะแก่การลงทุนในลักษณะอื่น หรือแม้ว่าจะลงทุนด้านที่พัก ก็คงมุ่งไปที่ลูกค้าระดับผู้ที่มีรายได้พอสมควร จะคิดทำมาหากินกับค่าเช่าของนิสิตนักศึกษาในลักษณะเก็บเบี้ยถุนร้าน คงไม่คุ้มกับเงินทุนที่ลงไป
เลียบคลองแสนแสบด้านถนนเพชรบุรี มีหอพักอยู่มากมาย แต่ส่วนมากจะเป็นประเภทอพาร์ทเม้น หรือคอนโดมิเนียม สำหรับผู้เช้าพักอาศัยที่มีรายได้ระดับปานกลาง ลูกค้าที่ว่าก็มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นพนักงานที่ประกอบอาชีพในยามค่ำคืน ตามสถานบริการที่มีอยู่มากมายตลอดแนวถนนเพชรบุรี และล้ำลึกเข้าไปจนสุดเขตถนนพัฒนาการตลอดทั้งสาย มีทั้งสถานอาบอบนวด ผับ บาร์ คาเฟ่ คาราโอเกะ รวมถึงโรงแรม ทั้งประเภทม่านรูดและไม่ต้องรูดม่าน
ส่วนทางด้านถนนสุขุมวิทนั้น ก็จะมีหอพักประเภทเดียวกัน หากแต่จะมีราคาค่าเช่าสูงขึ้น คนที่พักอาศัยส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจชาวต่างประเทศ ทั้งชาวตะวันตกและชาวตะวันออก รวทั้งนักธุรกิจประเภทอิมปอร์ตเอ๊กปอร์ท สินค้าประเภทเสื่อผ้าชาวอินเดียด้วย ในเวลาเช้าๆจะพบชาวต่างชาติที่ว่านั้น ออกมาเดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายที่โรงเรียนก้นซอย บางคนพาหมามาเยี่ยวรดสนามฟุตบอลอีกต่างหาก
กล่าวเฉพาะส่วนของถนนอโศก ทั้งสองฟากฝังถนนจะเต็มไปด้วยอาคารระดับหรูหราหลายสิบชั้น เป็นที่อยู่อาศัยก็มี เป็นสำนักงานก็มี อัดกันแน่นอยู่เต็มไปหมด แม้นว่าขวัญและเรียมบรรพบุรุษของชาวทุ่งบางกะปิ กลับชาติมาเกิดอีก ก็คงยากที่จะเดาได้ว่า ณ ที่ใดเป็นลำน้ำและคูคลอง ที่เคยพายเรือเก็บดอกโสนในครั้งอดีตชาติ อย่าว่าแต่ขวัญและเรียมเลย แม้แต่พวกเราที่เคยศึกษาหาความรู้อยู่ย่านนี้เมื่อห้า-หกปีที่แล้ว กลับมาอีกครั้งยังงงๆ คลองหลายสายถูกถมให้เป็นถนนไปเสียแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าปริมาณรถย่อมมากกว่าปริมาณเรื่อ
ด้วยย่านนี้เป็นย่านธุรกิจที่สำคัญดังกล่าวแล้วนั่นเอง ราคาที่ดินโดยรอบจึงถีบตัวสูงขึ้นหลายสิบเท่าตัว ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แล้วใครจะมามัวลงทุนสร้างหอพักให้นิสิตเช่า เพื่อหวังค่าเช่ารายเดือนอย่างไม่คุ้มค่าคุ้มเวลา จะมีอยู่บ้างก็มีเพียงหอพักที่เจ้าของกิจการที่เปิดดำเนินกิจการเมื่อนานมาแล้ว และยังคงเก็บเกี่ยวดอกผลที่เลยจุดคุ้มทุน เป็นหอพักที่รอวันแปรเปลี่ยนเป็นอพาร์ต์เม้นท์ หรือคอนโดในเวลาอันควร
หอพักที่พอจะให้บรรดานักเรียนโข่ง ผู้สัญจรรอนแรมมาไกลบ้านใกลเมืองพึงพาอาศัย ในยามนั้นคงมีอยู่สองหอ เป็นหอพักชายหนึ่งหอ หอพักหญิงหนึ่งหอ ทั้งสองหอตั้งอยู่ในซอยสวัสดี และสามารถเดินทะลุเข้า-ออกโรงเรียนก้นซอยได้ หอหญิงชื่อ หอสุนันทา หอชายชื่อ หอสำราญ ทราบว่าเดิมทีเดี่ยวเจ้าของกิจการจะตั้งชื่อว่าหอสวัสดีแต่เจ้าอาวาสวัดบางกะปิขอให้เปลี่ยนชื่อในวันที่ทำพิธีเปิดป้ายนั่นเอง
ด้วยการวางแผนที่ดี ประกอบได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการติดต่อประสานงานของนักเรียนโข่งรุ่นพี่ พวกเราหลายคนจึงมีโอกาสอยู่หอตั้งแต่เทอมแรกเลยทีเดียว และที่หอพักชายสำราญนั่นเอง เป็นแหล่งที่ก่อกำเนิดตำนานชาวหอให้ได้ฟังหลายต่อหลายเรื่อง
และเกือบทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องเพื่อความสำราญ ของชายที่ชอบสำราญ
ประเพณีอย่างหนึ่งของชาวหอคือ ต้องมีการเลือกประธานหอ
คนที่ได้รับเกียรติให้เป็นประธานหอ ชื่อ สมเกียรติ เรียนเอกประวัติศาสตร์ เป็นนักเรียนโข่งมาจากอำเภอเล็กๆแถววัดหลวงพ่อคูณ
สมเกียรดีใจ และตื่นเต้นเป็นที่สุด ที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวหอ ให้เป็นประธานหอ เพราะยามเมื่อทำงานที่ต่างจังหวัดนั้นเคยเป็นแต่ลูกน้อง รับคำสั่งมาซะจนชิน
เขาจัดการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการบริหารขึ้นมาชุดหนึ่งตามแบบอย่างของทางราชการ โดยแยกกรรมการออกเป็นหลายๆฝ่าย มีทั้งฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฝ่ายจัดหาทุน ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และฝ่ายสวสัดิการ แถมยังมีฝ่ายทะเบียนและฝ่ายเหรัญญิกเข้าไปอีกด้วย
แม้จะมีกรรมการมากมายขนาดนั้น งานทุกอย่างดูเหมือนเขาจะทำคนเดียว เป็นที่ชื่นชอบและสบายใจสำหรับเพื่อนฝูง
ในตอนเช้าจะเห็นเขาพูดคุยอยู่กับคนทำความสะอาดบนหอ และคนเฝ้าหอ โดยขอให้ทำนั่นทำนี่ เพิ่มตรงนั้นลดตรงนี้ ก้อกน้ำห้องนั้นเสีย กุญแจห้องนั้นใช้ไม่ได้ เขาจะรับภาระดูและให้กับชาวหอทุกคน
ในตอนเย็น เขาก็จะนั่งอยู่ร้านอาหารใต้ถุนหอ บนโต๊ะอาหารก็จะประดับไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่คุ้นตา ประกอบไปด้วยเหล้า โซดา น้ำแข็ง และกับแกล้มหลัก คือถั่วลิสงคั่วและแหนมยำ
ขณะที่เขานั่งอยู่นั้น เพื่อนฝูงและสมาชิกชาวหอก็จะแวะเวียนมานั่งคุยด้วย เพราะเขาเป็นคนคุยสนุก เมื่อคุยกับเขาก็จะกินเหล้ากับเขา เมื่อกินเหล้ากับเขาก็ควรจะจ่ายช่วยเขา จนยึดถือกันเป็นธรรมเนียมว่า เมื่อใครจะลุกไปก่อนต้องวางเงินไว้ตามแต่จะศัทธา
บรรดานักเรียนโข่งนั้นมีนิสัยมือเติบอยู่แล้ว กินแก้วสองแก้วก่อนจะลุกไปก็ควักวางไว้ซะแดงหนึ่ง สมเกียรติก็จะยิ้มให้ กล่าวขอบคุณและอวยพรขอให้มีความสุขความเจริญ
สาธุ ขอให้เจริญเจริญยิ่งยิ่งขึ้นไป เรียนจบกับไปขอให้เก้าอี้ยังอยู่นะครับ คำอวยพรนี้ดูเหมือนจะสร้างความหวาดเสียวให้กับใครต่อใครหลายคน ด้วยมีเรื่องเล่าสู่กันฟังเป็นประจำว่า ขณะที่บรรดานักเรียนโข่งกำลังหน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับตำหรับตำรานั้น ผู้บังคับบัญชาส่วนเหนือมอบเก้าอี้ให้คนอื่นไปซะแล้ว
ความที่เป็นคนกินทน เงินที่ชาวหอร่วมบริจากก็มากขึ้นมากขึ้น ทั้งเหล้าและกับแกล้มก็ถูกสั่งมาเสริมอยู่ตลอด
ประเพณีร่วมด้วยช่วยกันเช่นนั้น สร้างความเบิกบานใจให้ประธานหอเป็นยิ่งนัก
ทุกวันที่การดื่มสิ้นสุด เมื่อเจ้าของร้านคิดเงิน ค่าเสียหาย แล้วยังมียอดคงเหลือทุกวัน วันละสองร้อยบ้าง สามร้อยบ้าง โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องควักเนื้อ
สมเกียรติวางแผน ให้สมาชิกในหอชวนเพื่อนๆมาเที่ยวหอให้มากขึ้น จำนวนเงินที่ร่วมบริจาคก็มากขึ้น เมื่อรวมเบ็ดสร็จก็มากโขอยู่
มากพอที่สมเกียรติ สามารถจัดงานสังสรรค์ปีใหม่ระหว่างชาวหอในปีนั้นได้อย่างดีเยี่ยม
เขาจัดหากระเทยมาเต้นโชว์สร้างความคึกครื้นให้กับงาน ทั้งยังจัดหาของขวัญมามากมาย เพื่อให้สมาชิกจับฉลากโดยสมาชิกไม่ต้องควักเนื้อ
มีคูปอง อาบ อบ นวด แจกฟรีอีกต่างหาก
ขอให้สมเกียรติจงเจริญ ! ขอให้ประธานจงเจริญ !
ขอให้ได้เป็นประธานหอ ตลอดกาลนานเทอญ สาธุ !
บรรดชาวหอพลัดกันอวยพรบนเวทีไม่ขาดปาก นึกว่าประธานหอควักเงินตัวเองจัดงาน
6 มิถุนายน 2548 09:16 น.
ส.คลองแสนแสบ
คำว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข หรือ อายุนั้นสำคัญไฉน เป็นคำพูดที่ชายหนุ่ม(น้อย) ประเภทโคแก่อยากและเล็มหญ้าอ่อน ส่วนมากจะมีงูอยู่บนหัว ที่เรียกว่า เฒ่าหัวงู เวลาเห็นสาวน้อยเดินผ่านไปมาแล้ว ชอบเหลือบแลเหล่ตาม เหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่าสุนัขเห็นข้าวเปลือกนั่นแล
อย่างไรก็ตาม คำว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข หรือคำว่า อายุนั้นสำคัญไฉน ก็เป็นคำปลอบใจที่ดียิ่งสำหรับนักเรียนวัยดึกเช่นพวกเรา
ความจริงนักเรียนโข่งในโรงเรียนก้นซอยนั้น ก็มิได้มีพวกเราเป็นรุ่นแรก เริ่มมาแล้วหลายรุ่น จบการศึกษาไปออกไปประจำเป็นครูบาอาจารย์ หรือผู้บริหารการศึกษาแล้วหลายรุ่น มีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง พวกเราเป็นรุ่นที่ 13 ถือเป็นเลขเด็ดที่ฝรั่งเรียก ลักกี้นับเบอร์ คำว่า ลักกี้นัมเบอร์นี่เอง ทำให้พวกเรากับรุ่นพี่เข้าหน้ากันไม่ติดอยู่หลายเดือน เพราสโลแกนการจัดงานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ที่ตั้งขึ้นโดยขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ถือเป็นเรื่องเล่น รุ่นพี่บางคนถือเป็นจริงจัง
งานครั้งนั้น ตั้งชื่องานว่า จากใจของน้องรุ่นลักกี้ แด่พี่รุ่นโหล
คำว่า โหล นี้ คนไทยถือว่าไม่ดี ไม่เป็นมงคลแก่ผู้ได้รับ เพราะคำว่าโหลมีความหมายไปในทางที่ไม่สมบูรณ์ ไม่เหมาะสมหรือไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น เสื้อโหล จะหมายถึงเสื่อที่ช่างตัดขึ้นตามแบบที่กำหนด ไม่ได้พิถีพิถันในเรื่องฝีมือและความสวยงาม ไม่ต้องมีการวัดขนาดของผู้สวมใส่ และเวลาตัดทีก็ตัดทีละมากๆ
โรงเรียนก้นซอย เป็นสถานศึกษาที่ยกฐานะจากวิทยาลัยวิชาการศึกษาขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยดังได้กล่าวแล้ว ฉะนั้น หลักสูตรในระยะแรกๆจะเน้นหนักไปในทางวิชาการศึกษา ที่เปิดสอนถึงระดับ บัณฑิตศึกษา มีทั้งระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ส่วนหลักสูตรสาขาวิชาอื่นๆเป็ดสอนในระดับปริญญาตรีเท่านั้น
ในหลีกสูตรแต่ละระดับการศึกษา แยกแยะออกไปอีกหลายสาขาวิชา
การศึกษาปฐมวัย สำหรับผู้ที่จะเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในกระบวนการศึกษาของเด็กก่อนวัยเรียน
การประถมศึกษา สำหรับผู้ที่จะเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในกระบวนการศึกษาของเด็กระดับประถมศึกษา
การมัธยมศึกษา สำหรับผู้ที่จะเรียนรู้อย่างลึกซึ้งในกระบวนการศึกษาของเด็กระดับมัธยมศึกษา
การศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษานอกระบบ สำหรับผู้ที่จะศึกษาอย่างลึกซึ้งในเรื่องการจัดการศึกษาสำหรับผู้ใหญ่และการศึกษานอกระบบโรงเรียน
การอุดมศึกษา สำหรับผู้ที่จะศึกษาลึกซึ้งเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนในระดับสูงกว่าระดับมัธยม
นอกจากหลักสูตรที่จัดขึ้นสำหรับผู้สนใจใคร่รู้ในกระบวนการเรียนการสอนในระดับต่างๆที่ว่าแล้วนั้น ยังมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในด้านต่างๆ อีกด้วย เช่น การแนะแนวการศึกษา การวัดผลทางการศึกษา และการบริหารการศึกษา เป็นต้น
หลักสูตรวิชาเอกการบริหารการศึกษา จัดขึ้นเพื่อบุคลากร ที่มีตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหาร ผู้ที่จะเข้าเรียนหลักสูตรนี้ได้ ต้องมีประสบการณ์ด้านการบริหารการศึกษา ในตำแหน่งต่างๆ และจะต้องมีหนังสือรับรองจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดมาแสดงด้วย ในแต่ละหลักสูตรทางสถาบันจะคัดเลือกและรับเข้าเรียนได้ประมาณหลักสูตรละ 10-20 คน
กล่าวเฉพาะการบริหารการศึกษารุ่นลักกี้แล้ว นับว่าเป็นรุ่นที่โชคดีสมชื่อ ด้วยว่ามีสมาชิกทั้งหมด 21 คน เกินมา 1 คน ทราบว่าคนที่ผ่านการคัดเลือกอันดับที่ 20 กับ 21 นั้น ได้รับคะแนนเท่ากัน แต่ก็มีเสียงกระเซ้าเย้าแย่ว่า มีเด็กเส้นเด็กฝากหนึ่งคน เพราะให้บังเอิญเหลือเกินที่เพื่อนเราคนหนึ่ง มีนามสกุลไปพ้องกับอาจารย์ท่านหนึ่งในคณะและยังเป็นสามีภรรยากันอีกด้วย
นี่แหละคือนักเรียนโข่ง ขณะเมื่อผู้เป็นสามีเป็นผู้สอนอยู่นั้น ภรรยาเพิ่งจะสมัครเข้าเรียน
จำนวนสมาชิกของรุ่น 21 คนที่ว่านั้น แยกเป็นชายได้ 13 คน เป็นหญิง 8 คน อายุน้อยที่สุดในรุ่น คือ 35 ปี มากที่สุด 54 ปี ทุกคนล้วนมีหน้าที่การงานดำรงตำแหน่งในระดับกำกับดูและนโยบายการศึกษาของชาติ เช่น ผู้อำนวยการการศึกษาจังหวัด (ผอ.ปจ.) หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอ(หน.ปอ.) ศึกษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการอำเภอ ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงเรียน ตลอดจนนักวิชาการศึกษา และเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนประจำส่วนงานต่างๆ ในหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการศึกษา เกือบทั้งหมดเป็นข้าราชการ มีนักธุรกิจจากภาคเอกชนเพียงคนเดียว เป็นเจ้าของฟาร์มกุ้ง ฟาร์มเลี้ยงไก่ บ่อปลา และขณะเดียวกันก็เป็นเจ้าของโรงเรียนที่มีชื่อเสียแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี
เอาเป็นว่า เรื่องแก่นะแก่อยู่แล้ว แต่ก็อยากเรียน และเรียนแบบสนุกสุดๆซะด้วย ไม่เชื่อก็ลองติดตามดู
ทั้งอาจารย์ผู้สอน และพวกเรากันเองหลายคนต่างให้สงสัยเป็นหนักหนา ในความคาดหวังของสมาชิกอาวุโสสูงสุดในรุ่น ว่ามีวัตถุประสงค์ใดที่ต้องมาตกระกรำลำบากเช่นพวกเรา เวลาในตำแหน่งหน้าที่การงานเหลืออีกไม่นานักก็จะเกษียณ เงินเดือนมากโขชนเพดานเต็มระดับ มีบ้านช่องเป็นหลักเป็นฐาน บุตรชายหญิงต่างจบการศึกษามีงานการทำหมดทุกคน
ผู้อาวุโสสูงของรุ่นที่ว่านั้น ชื่อ สมบูรณ์ พวกเราจะเรียกท่านว่า ลุงบูรณ์ กันทุกคน และท่านเองก็ชอบที่จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า ลุง ด้วยเช่นกัน และคำเรียกขานเช่นนี้ก็ขยายผลไปจนถึงครูบาอาจารย์ผู้สอน ต่างเรียกลูกศิษย์โข่งคนนี้ว่า ลุง ตามไปด้วย นอกจากนั้นบรรดา นักเรียนโข่ง ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเพื่อนต่างสาขาวิชา ก็พลอยเรียก ลุง ไปด้วย ซึ่งก็เป็นไปอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับบุคลิกและอากัปกิริยาอันสมวัย
ลุงจะตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ออกจากหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ออกไปนั่งที่ป้อมยามทางออกไปปากซอย ตอนบ่ายๆก็กลับมานั่งที่ป้อมยามในวันที่ว่างจาการเรียน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็คงอยากจะรู้เหมือนกันว่ามีเหตุผลใดที่ต้องมานั่งกระดิกเท้าร้องงึมงัมอยู่ทุกวัน หรือไม่ก็อาจเข้าใจว่าเป็นหัวหน้ายามที่คอยตรวจตราดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของลูกน้อง
ข้อวัตรปฏิบัติของลุงในข้อนี้ หลายคนอดที่จะสอบถามไม่ได้
มานั่งทำอะไรอยู่นี่ละลุง ใครบางคนในกลุ่มของพวกเราถามขึ้นในวันหนึ่ง
ดูเด็ก คำตอบสั้นๆ คนถามคงนึกว่าลุงตอบเล่นๆ แต่ผมรู้ทันทีว่าแก่พูดจริง เพราะเกิดนึกเรื่องราวบางอย่างได้ขึ้นมาในทันที
นึกย้อนไปถึงวันที่มาดูประกาศผลสอบคัดเลือก ลุงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นคนแรกที่ผมรู้จัก
วันนั้น เรามาดูผลสอบกัน ขณะที่ผมกำลังเขย่งตัวโยกซ้ายโยกขวา เพื่อให้สายตาได้มีช่องว่างเล็ดลอดเข้าไปยังป้ายนิเทศที่ติดประกาศผลสอบนั้น ชายแก่คนหนึ่งก้าวแซงเข้ามาเหยียบลงบนหลังเท้าของผมอย่างเต็มๆ ด้วยน้ำหนักตัวของคนที่เหยียบประกอบกับเขาผู้นั้นกำลังเขย่งตัว ทำให้น้ำหนักกดลงไปที่เท้าของผม ให้เกิดความรู่สึกเจ็บปวดสุดที่จะระงับ
โอ้ย เหยีบตีน... ด้วยความเจ็บปวดที่หลังเท้าเลยหลุดคำพื้นๆที่เคยชินออกมา
ชายแก่คนเจ้าของฝ่าเท้ามหึมานั้น ตกใจร้องขอโทษจนเสียงหลงเช่นกัน ถอดแว่นตาออก ควักผ้าเช่นหน้าจากกระเป๋ากางเกง ออกมาเช็ดเหงื่อที่ชุ่มโชกบนใบหน้า ท่าทางคล้ายจะเป็นลม
ด้วยความเห็นใจ ผมพาแกไปนั่งที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมทั้งอาสาเข้าไปเย้อดูผลสอบให้ และก็ไม่ลำบากนักเพราะเป็นวิชาเอกเดียวกันกับที่ผมสมัครสอบไว้
ผมสอบติดอันดับเกือบท้ายๆ ส่วนรายชื่อที่ลุงแก่คนนั้นให้ช่วยดู ติดอยู่ในอันดับต้นๆ พอทราบเช่นนั้น ดูท่าทางแกดีใจมาก เผลอตัวตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่
ลูกชายลุงหรือครับที่สอบติด ผมถามด้วยคาดหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เปล่า กูเอง แกตอบสั้นๆด้วยคำสมัยพ่อขุนราม ที่ยังมีความชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย
เราต่างๆแสดงความดีใจต่อกันและกัน พร้อมกับนั่งสนทนากันหลายเรื่อง สร้างความคุ้ยเคยใฯฐานะที่อีกไม่นานนักก็จะได้เป็นเพื่อนร่วมรุ่น
...ลุงรับราชการมานาน ทำงานมามาก ลูกก็โตแล้ว เมียก็แก่ลง...ลุงพูดไปเรื่อยๆ โดยไม่ใส่ใจว่าคนฟังจะมีความรู้สึกอย่างไร
...ถ้ามาเรียนที่นี่ ได้ดูเด็กเด็กสาวสาว น่ารักน่าใคร่ก็จะมีกำไรชีวิตไม่น้อย
ชัดเจนครับ ความในท่อนท้ายที่ลุงแกลากเสียงยาวประกอบกับท่าทางเหม่อลอยที่ลุงแสดงออกนั้น สรุปจุดมุ่งหมายได้ชัดเจน
ยามเช้าและยามบ่ายอ่อนๆ ประตูป้อมยามด้านออกปากซอย เป็นเส้นทางผ่านเข้าออกของนิสิตสาวน่ารักน่าใคร่ รวมทั้งสาวๆสำนักงานระแวกซอยอโศกที่อาศัยเดินผ่านเข้า-ออก หน้าตาเนื้อตัวก็ดูแฉล้มแช่มช้อย น่ารักน่าใคร่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
แล้วจะไม่ให้ลุงมานั่งเฝ้าป้อมยามได้ยังไง จริงไหมหละลุง
30 พฤษภาคม 2548 12:07 น.
ส.คลองแสนแสบ
โดยปกติตอนเช้าๆ เรามักจะเห็นผู้คนเป็นจำนวนมากออกมาจากตรอกซอยต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหงในเมืองกรุง บ้างก็ออกมาเพื่อจะเดินทางไปทำงาน บ้างก็จะเดินทางเพื่อนั่งรถต่อไปจับจ่ายซื้อหา หรือบ้างก็ออกมาเพื่อจะไปเรียนหนังสือ
แต่พวกเราเป็นนักเรียนก้นซอย เพราะโรงเรียนของพวกเราอยู่ในซอยลึก และอยู่จนสุดซอยติดกับคลองแสนแสบ ที่ปากซอยมีป้ายบอกชื่อโรงเรียนของเราอยู่แต่ดูไม่เด่นนัก เพราะเป็นป้ายเก่า ๆ สีที่เขียนก็ซีดจาง มองดูไม่สะดุดตา แถมยังถูกบดบังด้วยป้ายโฆษณาสินค้า ที่พอจะมองดูเป็นหลักฐานจดจำได้ง่าย น่าจะเป็นป้ายชื่อซอยที่กรุงเทพมหานครจัดทำไว้ เป็นป้ายโลหะพื้นสีน้ำเงิน ขอบดำ ตัวอักษรสีขาว อ่านได้ความว่า ซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร)
การเดินทางจากปากซอยเข้าไปในโรงเรียน ไปได้หลายวิธี สุดแท้แต่จะเลือก ถ้านั่งรถสองแถวก็ได้ นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็ได้ เดินโดยทางเท้าก็ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร อาจจะเสียเหงื่อบ้างเพียงเล็กน้อย
ถัดปากซอยเข้าไปประมาณ 20 เมตร มีซอยแยกอยู่ซอยหนึ่ง เป็นที่ขึ้นชื่อลือชา ชื่อปรากฏขจรขจายไปถีงต่างประเทศ ทั้งในยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ในเอเซียเอง ชื่อเสียงของซอยนี้จะไม่เป็นที่คุ้นหูของคนไทยมากนัก แต่โชเฟอร์แท็กซี่ และบรรดาไกด์ทั้งหลายรู้จักซอยนี้ดี
ซอยนี้ เรียกกันว่า "ซอยคาวบอย"
ที่ซอยคาวบอยนี้จะดูเงียบเหงาเศร้าสร้อยเมื่อยามพระอาทิตย์โผล่พ้นหลังคาตึก แต่จะเริ่มมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่าอีกครั้งเมื่อยามใกล้พลบ สองฝั่งซอยเรียงรายไปด้วยบาร์อโกโก้ประมาณ 30 แห่ง ดูคึกคักไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ
บริเวณหน้าปากซอย ในยามเช้าจะมีรถเข็นขายของกินประเภทรองท้องให้ซื้อหาได้หลายอย่าง เช่น ปาท่องโก๋ และข้าวเหนียวหมูย่าง เป็นต้น ซึ่งของกินประเภทที่ว่านี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ผ่านมาผ่านไปยิ่งนัก พอซื้อเสร็จก็นั่งมอเตอร์ไซด์เข้าไปก้นซอย เปิดถุงออกดูพบว่า ขนมครกยังร้อนอยู่เลย บางวันที่ไม่รีบร้อน ก็เดินเคี้ยวข้าวเหนียวหมูย่างไปตามฟุตบาท หมดข้าวเหนียวหนึ่งห่อกับหมูย่าง 3 ไม้ ก็ถึงประตูโรงเรียนพอดี
อีกทางหนึ่งที่สามารถเดินทางมาโรงเรียนได้ คือ ทางด้านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถ้านั่งรถเมล์มาจากทางประตูน้ำก็ให้เตรียมตัวลง เมื่อถึงสะพานลอยอโศก ถ้ามาทางด้านคลองตันก็ให้เตรียมตัวลงเมื่อข้ามสะพานคลองวัดบางกะปิ ลงที่ป้ายตรงโมนาลิซ่าพอดีเป๊ะอีกเช่นกัน
โมนาลิซ่า เป็นชื่อ สถานอาบอบนวดชื่อดัง คงจะเป็นที่นิยมชมชอบของบรรดาคนติดอ่าง (น้ำ) พอสมควร เพราะเห็นกิจการอยู่ได้นานโขอยู่ และลงทุนปรับปรุงอยู่เรื่อย ๆ เปล่าโฆษณานะครับ เพียงแต่จะบอกว่า ป้ายรถเมล์ที่จะลงและเดินเข้ามาในโรงเรียนของเรามีจุดข้างเคียงอะไรบ้างที่จดจำได้ง่าย ๆ เท่านั้นเอง
เมื่อลงรถเมล์แล้ว ก็เดินเข้าซอยเล็ก ๆ มาเรื่อยๆ จะพบสะพานเดินเท้าข้ามคลองแสนแสบ ไปยังโรงเรียนของเรา
ลืมบอกไปว่า พวกเราเรียกซอยเล็ก ๆ นั้นว่า "ซอยโมนา" คงไม่ต้องขยายความกระมังครับ ว่าทำไมจึงต้องเรียกเช่นนั้น สำหรับสะพานข้ามคลอง เราไม่เรียกว่า "สะพานโมนา" นะครับ เพราะที่เชิงสะพานทั้งสองฝั่งจะมีป้ายชื่อของผู้บริจาคทรัพย์เพื่อการก่อสร้างติดอยู่ และท่านก็มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานอาบอบนวดที่ว่านั้น แต่อย่างใด
ความจริงแล้ว การจะเข้าไปในโรงเรียนของพวกเราสามารถเข้าได้หลายทาง แต่ไม่ว่าจะเข้าทางไหนก็ต้องเข้าซอยทั้งนั้น ยกเว้นแต่จะโดยสารมาทางเรือตามคลองแสนแสบ
มีเพลงที่พวกเราชอบร้องอยู่เพลงหนึ่งในหลาย ๆ เพลงที่พวกเราชอบร้องเวลาออกค่ายอาสา ไปทัศนศึกษาหรือเวลามีเฮฮาปาร์ตี้ เพลงที่ว่านั้นบรรยายภาพถึงทางเข้า-ออก โรงเรียนของเราได้ดีพอสมควร ลองฟังดูนะครับ .... แฮ่ม
บ้านพี่อยู่ประสานมิตร สุขุมวิทซอยยี่สิบสาม
อย่าลืมนะจ๊ะคนงาม อย่าลืมมาเยี่ยมยามถามหา
ถ้ามาทางเพชรบุรี ก็แวะลงที่โมนาลิซ่า
แล้วก็เดินข้ามคลองเข้ามา รีบไปถามหาพี่จะตั้งตารอคอย
พี่จะพานั่งรถมอเตอร์ไซด์ จะพาไปเที่ยวซอยคาวบอย
ดูฝรั่งเขานั่งเฝ้าหอย หอยที่ซอยคาวบอยขายดิบขายดี
อย่าลืมอย่าลืมนะจ๊ะ พี่จะพาลงเรือล่องวารี
แสนแสบคลองมีแต่ของดีดี น้ำในคลองบ้านพี่กลิ่นก็ดีสีก็ดำ
เพลงนี้ใช้จังหวะสามช่า ฟังแล้วทำให้รู้สึกครึกครื้นเร้าใจดี
พวกเราตั้งชื่อเพลงดังกล่าวว่า "ฝรั่งเฝ้าหอย"
แม้ว่าโรงเรียนของพวกเราจะอยู่ก้นซอย โรงเรียนของพวกเราก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เติบโตจากโรงเรียนเป็นวิทยาลัย จากวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัย และยังไม่ทราบว่าจะเติบโตเป็นอะไรต่อไปอีก แต่คงไม่เติบโตไปเป็นศูนย์การค้ากระมัง ในด้านจำนวนนักเรียน นักศึกษาก็มีมากขึ้น จำนวนครูบาอาจารย์ก็มีมากขึ้น เพราะจำนวนคณะวิชาต่าง ๆ มีมากขึ้น ที่ยังมีเท่าเดิมคือ อาณาบริเวณ หรืออาจจะเหลือน้อยกว่าเก่าก็ไม่แน่ใจ เพราะได้ข่าวว่าน้ำในคลองแสนแสบ กัดเซาะเข้ามาบ้างเป็นบางส่วน
อย่างไรก็ตาม ถ้ารักกันจริง อย่าลืมไปเยี่ยมโรงเรียนของเราบ้าง ไปไม่ถูกนั่งแท้กซี่ไปเลย
ถ้าแท้กซี่ยังทำท่างง ๆ ก็ให้บอกตรงๆ ว่าจะไปลงที่โมนาลิซ่านะครับ
โอกาสพลาดมีน้อย !
26 พฤษภาคม 2548 12:52 น.
ส.คลองแสนแสบ
สุภาพบุรุษกระเพาะครากรายหนึ่ง ได้รับเชิญจากเพื่อนให้ไปร่วมงานคล้ายวันเกิด ที่เจ้าภาพจัดขึ้นแบบกันเองที่บ้านพัก
เพื่อนฝูงทั้งนั้นต่างกิน ดื่ม และสรวลเสเฮฮา ได้เวลาอันควรก็ปิดท้ายด้วยรายการ "ขอให้เจ้าภาพจงเจริญ" ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
เจ้าภาพก็ใจดีเหลือหลาย เลี้ยงแล้วก็ยังอุตสาห์มายืนยิ้มส่งทางเพื่อน ๆ อีก "ว่าง ๆ เชิญมาใหม่นะครับ ๆ " เป็นคำพูดที่เจ้าภาพกล่าวเชื้อเชิญเป็นการล่วงหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแขกเหรื่อกลับแล้วนั่นแหละจึงได้ลงมือเก็บกวาดสำรับกับข้าวและทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องครัว
แต่ยังมิทันที่จะล้างจานเสร็จเลย สุภาพบุรุษที่เป็นพระเอกของเรื่องก็โผล่พรวดกลับมาหาพร้อมทั้งกล่าวคำทักทายยังกับว่าเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก
"อ้าว กลับมาทำไม ลืมอะไรไว้หรือเปล่า" เจ้าบ้านร้องถามด้วยความสงสัย
"เปล่าลืม ก็ไหนบอกว่าว่าง ๆ ให้มาใหม่ ก็ตอนนี้ข้าว่างแล้วหละ (ฮา)
ว่างจริง ๆ ว่างซะจนน่าเกลียด