21 กุมภาพันธ์ 2548 23:36 น.
ส้มเกลี้ยง
ดอกหญ้าไร้ราคาต่ำเตี้ย
สิ้นเสียคนสนใจใคร่ชม
เพียงเหยียบย่ำไปได้สุขสม
ไม่เปียกเปื้อนโคลนตมติดกาย
เราเหยียบย่ำยืนหยัดลงไป
คิดว่าหญ้าไซร้ไร้รู้สึก
เด็ดใบหักกิ่งทิ้งไปไร้สำนึก
ตริตรึกนึกเห็นใจดำได้กว่าโคลน
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
21 กุมภาพันธ์ 2548 23:20 น.
ส้มเกลี้ยง
เมื่อครั้งหนึ่งที่ฉันเดินผ่าน
ดอกหญ้าริมทางงดงามสดใส
ต้องประกายแสงอาทิตย์รำไร
ยามใกล้พลบค่ำได้หันมอง
เพียงผ่านคืนวันไม่นาน
ก็แหลกราญล้มไปไร้เงา
อาทิตย์ส่องสาดไปใจเหงา
ไร้เงาดอกหญ้าพริ้วลู่ลิ่วลม
ทุกกาลเวลาเปลี่ยนผัน
เมื่อวานนั้นดอกหญ้างามงด
ต่อมากลับแห้งหายหมด
อย่าจับจดจ้องกายไม่ยืนนาน
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
19 กุมภาพันธ์ 2548 15:45 น.
ส้มเกลี้ยง
* ในวันหนึ่งๆ คุณได้ทักทายหรือถามสารทุกข์
สุกดิบกับใครบ้างไหม..นอกจากการหมกหมุ่นอยู่กับการ
ทำงานของตัวเองเท่านั้น ...หากคุณได้ทำทุกวัน
คุณอาจจะได้พบความงามที่ห่างหายไปจาก
ชีวิตเรามานานแล้วก็ได้..ขอบอก *
ในโลกนี้ที่ไร้ซึ่งสรรพเสียง
ก็เพราะเพียงมีแต่คนเดินพ้นผ่าน
ไม่ใส่ใจมองใครนอกจากงาน
คอยระรานผู้คนเพียงพ้นตัว
ยิ่งเนิ่นนานโลกพานกลับมืดมิด
ยิ่งร้อนรุ่มมลพิษเข้าแผดเผา
ยิ่งร้อนใจร้อนกายไม่คลายเบา
ยิ่งงุนงงหลงเงาตัวเราเอง
หากเงยหน้ามองหาแสงสว่าง
โลกไม่ร้างความงามให้พบเห็น
เพียงขจัดความหลงที่ตนเป็น
โลกกลับเย็นยิ่งได้เพราะใจงาม
๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
18 กุมภาพันธ์ 2548 11:41 น.
ส้มเกลี้ยง
ในที่ที่มีเขาคนนั้น
หรือยังต้องการฉันเคียงคู่
ในที่ที่มีเขายืนอยู่
ฉันหรือยังอยู่สู้หน้าเธอได้
แม้เธอไม่ต้องพูดมา
สองตาฉันก็มองเห็น
ทุกเรื่องราวที่มันควรเป็น
ฉันเองที่ต้องเข้าใจ
เรื่องราวของชีวิตคน
เวียนวนเหมือนดั่งคแกง
ร้อยรักแรงเกลียดเคียดแค้น
สุดแสนทุกข์ทนหม่นใจ
เบื่อหน่ายก็คลายความทุกข์
แล้วสุขก็กลับหวนคืน
หมุนเปลี่ยนแปรไปไร้จุดยืน
รู้จักลืมได้ไร้ทุกข์ทน
๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘
16 กุมภาพันธ์ 2548 23:13 น.
ส้มเกลี้ยง
สายลมล่มรวงข้าวล้มซบอกทุ่ง
หอมจรุงกลิ่นฟางฟุ้งมิขาดสาย
ปักคมเคียวเกี่ยวแล้วรัดมัดเรียงราย
เหงื่อโซมกายยังแกว่งเกี่ยวกำเคียวควง
คมเคียวขาววาววับฉวัดเฉวียน
ทุ่งโล่งเตียนเหลือแต่ตอรอความหวัง
เมล็ดหล่นห่มพื้นฟื้นอีกครั้ง
ตราบที่ยังไม่สิ้นลมคอยล่มรวง
๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘