11 พฤศจิกายน 2551 09:20 น.
ส่องหล้า
หญิงชราหลังโก่งโค้งงองุ้ม
ผิวหนังเหี่ยวแขนอุ้มโอบขันข้าว
ใต้ตะวันส่องสะท้อนน้ำค้างพราว
หมอกจางจางขุ่นขาวคลุมเส้นทาง
รอภิกษุผู้จาริกแสวงบุญ
มอบไออุ่นจากธรรมวิมุติสล้าง
อกุศลแห่งใจได้ละวาง
พุทธะ-ธรรมสว่างกระจ่างธรรม
เด็กตัวน้อยมอมแมมแต่แจ่มใส
บริสุทธิ์จากใจพิสุทธิ์ล้ำ
รอแสงทองส่องปัญญามาชี้นำ
ลบมืดดำให้สว่างกระจ่างจินต์
บนขลิบโค้งโยงเขาที่ไกลโพ้น
รอคุณครูดั้นด้นข้ามผาหิน
โยงขอบเขาผ่านฟ้ามาสู่ดิน
สอนเด็กน้อยบนถิ่นแผ่นดินไกล...
ท้องทุ่งนาฟ้ากว้างทางทำกิน
สายฝนรินหลั่งหล่นสะอาดใส
การเพาะปลูกหว่านหวังดั่งตั้งใจ
สู่เม็ดข้าวอำไพที่ในนา
ถึงเวลาเก็บเกี่ยวเคียวคมเกี่ยว
รอนายทุนแลเหลียวร่ำเรียกหา
เมล็ดข้าวค้าขายได้ราคา
มือที่หยาบรับเงินตราจากไมตรี.
รอใส่บาตรน้อมนำธรรมวิมุติ
การเรียนรู้ไม่สิ้นสุดในวิถี
มือหยาบหยาบกำด้ามเคียวเกี่ยวเสรีฯ
ประชาธิปไตยถมวิถีประชาชน
ประธิปไตย........วิถีประชาชน
5 พฤศจิกายน 2551 08:14 น.
ส่องหล้า
พัดไหวลมโหมลู่
จู่ใจถาโถมโหมซัด
ไหวโหมลู่ลมพัด
หยาบวาโยกระพือพล
กลอวลตะละฝุ่น
ขุ่นคลุ้งคว้างกลางอึงอล
ฝุ่นอวลตะละกล
ก็กลบกาลจักก้าวไกล
ไหนฟ้าจักเหมือนฝัน
จันทร์หมายฟ้ากระจ่างใส
เหมือนฝันจะฟ้าไหน
แนบสถิตยามนิทรา
ฟ้าเดียวดาวเดียวดาย
หมายแสงเด่นดวงดารา
ดาวเดียวเดียวดายฟ้า
ใจห่มหนาวเพียงดาวเดียว
เปลี่ยวเหงาน้ำค้างงัน
สั่นสะทกสะท้านเขี้ยว
เหงางันน้ำค้างเปลี่ยว
ก็ร่วงพรูสู่มณฑล
ยลเยือนทิวาวาร
ขานขับไขสมัยหน
เยือนวารทิวายล
ร่ายเล่ห์กลกลางมืดมัว
ทั่วเมืองขุ่นเคืองเข่น
เข็ญข่มขวัญขานโฉดชั่ว
ขุ่นเมืองเคืองเข่นทั่ว
ลมหนาวร่ำป้อคำลวง
จ้วงแทงด้วยแรงเล่ห์
อุปเท่ห์เข้ายึดถ่วง
เล่ห์แทงด้วยแรงจ้วง
ก็จมเจ็บไม่จืดจาง
ต่างใจต่างความคิด
ผิด-ถูกทั้งทุกข์-สุขสร้าง
ใจต่างความคิดต่าง
ก็ยึดตนด้วยพวกตน
พลพ่ายเพราะเพียงพัช
มัดใจจับให้สับสน
พ่ายเพราะเพียงพัชพล
ทั้งเมืองแพ้เพราะลมพาล