27 ธันวาคม 2549 09:19 น.
ส่องหล้า
ฝัน...รับราชการอย่างเข้มแข็ง
ใช้เรี่ยวแรงปัญญามหาศาล
ความมั่นคงดำรงอยู่คู่กับงาน
รัฐเจือจารเดือนละแสนเท่าเท่ากัน
เริ่มทำงานการบรรจุอายุสามสิบ
ในสมองคมกริบคิดสร้างสรรค์
ทำหน้าที่ไม่บกพร่องผ่องสำพันธ์
นับอายุงานนั้นสามสิบปี
มีชีวิตบั้นปลายท้ายชีวิต
เหมือนเป็นพรมลิขิตเกินก้าวหนี
คำนวณทรัพย์สุดท้ายที่ได้ดี
สามสิบปีคิดเพลินเพลินเงินเท่าไร
สามสิบปีเดือนละแสนแค่นคำนวณ
ได้ครบถ้วนสามสิบหกล้านครบทุกไห
หักค่ากินอยู่บานตะไท
คิดสองหมื่นเอาไว้ใช้ในครอบครัว
คิดคร่าวคร่าวค่าใช้จ่ายเจ็ดล้านเศษ
เหลือเบ็ดเสร็จอยู่ได้ไม่อายเขา
คนซื่อสัตย์มัธยัสถ์อย่างเช่นเรา
พอเกื้อกูลบุญเก่าที่ทำงาน
ตื่น...ขึ้นมาที่เห็นใช่เช่นนั้น
แต่ละวันค่าใช้จ่ายดั่งไฟผลาญ
เงินผ่านมือผ่านไปไหม้ลนลาน
เงินติดบ้านเดือนละร้อยไม่ค่อยมี
หากรับราชการจนวันเกษียณ
เงินที่ได้จากความเพียรเป็นศักดิ์ศรี
การหักลบกลบคำนวณตามบัญชี
เหลือสุดท้ายปลายชีวีสักเท่าไร...
26 ธันวาคม 2549 13:24 น.
ส่องหล้า
เสียงซ่าซ่าคลื่นซัดกระหวัดเกี่ยว
ไหลเป็นเกลียวกอดก่ายกับทรายขาว
ซึมซับซ่านพื้นทรายที่เหยียดยาว
ระลอกขาวเกลียวคลื่นเจ้าครื้นเครง
ระลอกคลื่นเป็นเกล็ดดั่งเม็ดฝน
ทรายมิพ้นคลื่นกระหวัดซัดข่มเหง
ให้เปียกซ้ำย้ำรอยโดยมิเกรง
คลื่นครื้นเครงแต่ทรายซ้ำถูกย้ำรอย
ลมพัดโชยโบยซ้ำกระหน่ำคลื่น
ไหลครืนครืนหนีหน้าระหล้าถอย
ทรายเจ้ายังเหนี่ยวรั้งตั้งตาคอย
คลื่นเจ้าลอยหายลับมิกลับเรือน
ทรายคิดถึงคลื่นเจ้ายังเหงาหงอย
มีเปลือกหอยคอยเคล้าเฝ้าเป็นเพื่อน
กับโขดหินโดดเดี่ยวเปลี่ยวใจเตือน
มิลาเลือนจากทรายไปไกลกัน
เจ้าคงหลงระเริงเหลิงหมู่เกาะ
ที่เจ้าเยาะหยอกเย้าเคล้าถลัน
เจ้าเลยทิ้งข้าโถมไปโลมรัน
เกาะสวรรค์กลางธารามหาชล
โอ้เจ้านกนางนวลยังหวนถิ่น
ยังโบกบินกลับเย้ามาเฝ้าหน
นางแอ่นเย้ยล้อเล่นแล่นเวียนวน
ข้าสับสนใจช้ำเจ้าย้ำรอย
ดวงอาทิตย์ลับฟ้ามหาสมุทร
ที่ไกลสุดขอบฟ้าข้าเหงาหงอย
ดาวก็เลื่อนเดือนคู่ฟ้าจันทร์เด่นลอย
ทรายยังคอยอ้างว้างอย่างมืดมน
ค่ำคืนนี้ข้าหนาวและเหงาจิต
คู่ชีวิตข้าไกลโดยไร้หน
ใครหนอใครที่ไหนใครสักคน
มาช่วยยลรอยช้ำน้ำตาทราย...