6 มิถุนายน 2546 07:23 น.
ส่องหล้า
เปื้อนเปรอะเลอะเทอะแก้มน้อย น้ำมูกไหลย้อย
ร่องรอยเลอะเทอะเกรอะกรัง
เรือนเหย้าเผ้าผมรุงรัง ดูแล้วน่าชัง
พิศตาดั่งใจใสซื่อ
ขนมเลอะเทอะเปรอะมือ แหนหวงหน่วงถือ
กลัวใครจะยื้อยุดไป
เสียงค้อนโป๊กเป๊กวุ่นวาย โม่ปูนร่อนทราย
ก่อร่างสร้างตึกโอฬาร
หนูน้อยมองแม่ทำงาน เหน็ดเหนื่อยทนทาน
พ่อนั้นฉาบฉานโบกปูน
ตึกสูงเสียดฟ้าเพิ่มพูน ดูเจิดจำรูญ
นายทุนสั่งมั่นสัญญา
รีบเร่งให้ทันเวลา กดดันบีฑา
ก่นว่าเร่งรัดจัดการ
พ่อแสนเหน็ดเหนื่อยทนทาน บุกแบกแอกอาน
ดุจแดนประหารอาดูร
นั่งร้านเซทรุดสาบสูญ สิ้นแรงค้ำคูน
พ่อสูญหมดสิ้นชีวา
ผู้คนวุ่นวายเจรจา แม่โศกโศกา
หนูน้อยร้องหาไห้ตาม
รอยเลอะแก้มน้อยรอยงาม น้ำตาไหลวาม
เนื้อความข้างในไม่รู้
ชีวิตหนูน้อยต้องสู้ ไร้พ่อค้ำชู
โอ้หนูจะอยู่อย่างไร
แม่ลูกสับสนวุ่นวาย ทางไกลแสนไกล
น้ำตารินไหล-มืดดำ
5 มิถุนายน 2546 09:08 น.
ส่องหล้า
ในความมืดหมายสว่างกลางดวงจิต
มุมหนึ่งของชีวิตคิดแก้ไข
ก้าวทุกก้าวทายท้าบนทางไป
มืดสว่างสลับได้ทุกเวลา
ลองเพ่งพิศหลับตาแล้วนึกฝัน
ผ่านฉากกั้นจิตใจลองใฝ่หา
เปิดฉากฝันพิศดูผ่านเปลือกตา
ล้วนแต่มีคุณค่ารอบรอบตัว
บางครั้งปล่อยตัวตนปล่อยชีวิต
ให้ดวงจิตล่องลอยไปจนทั่ว
เมื่อผิดพลาดก็หวาดหวั่นและหวาดกลัว
มิรู้ตัวรู้ตนในหนทาง
บางครั้งก็มุ่งมั่นดูหาญกล้า
มุทะลุเกินกว่าใครจักขวาง
ถืออัตตามุ่งมั่นข้ามผ่านทาง
ไม่ปลดปล่อยละวางในเวลา
แม้ความจริงของใจมุ่งหมายสร้าง
ให้สว่างของกลางวันบรรเจิดจ้า
ก็มืดได้เหมือนดวงจิตถูกปิดตา
มองไม่เห็นแม้ว่าเป็นกลางวัน
ในความมืดอาจสว่างในกลางจิต
เป็นวิมุตินิมิตคิดสร้างสรรค์
ลุกโชติช่วงเด่นดวงได้ดุจกลางวัน
ผ่องอำพันสวยใสอำไพจินต์
3 มิถุนายน 2546 10:21 น.
ส่องหล้า
งามร่องรอยเนืองนองละอองใส
น้ำหลากไหลอบอุ่นกรุ่นวสันต์
วิหกร้อง-เรืองรองส่องตะวัน
ไก่กู่ขันโก่งคอล้ออรุณ
ณ เหลี่ยมโลกแดงเรื่อเจือความหวัง
ปลุกพลังหลับไหลให้คุกรุ่น
อบอาบไอชีวิตอันละมุน
เอื้ออบอุ่นปลุกคันไถปลุกควายงาม
ทั่วท้องนานองเนืองน้ำเนื่องหนุน
อวยกลิ่นกรุ่นผืนดินและกลิ่นน้ำ
กบเขียดไข่แผ่ใยว่ายผุดดำ
ปูปลากร่ำว่ายเล่นช่างเย็นใจ
มองสุดตาทิวทองทั่วท้องทุ่ง
ประกายรุ้งทอดส่องฟ้าผ่องใส
ความโอบอ้อมล้อมรุมคลุมหัวใจ
แบกคันไถจูงควายทุยลุยท้องนา
รอยไถแรกแทรกรอยดั่งร่องรัก
รอยไถปักดินดันดุจดั้นหา
แท่งหีบทองทั่วท้องพื้นทุ่งนา
สืบเสาะหาไถแรกเจ้าแทรกรอย
พื้นดินแยกถูกแทรกเป็นรอยไถ
น้ำกระจายกระเซ็นซัดเป็นฝอย
ดินโถมทับพลิกกลับทับหญ้าน้อย
ดินทยอยม้วนตัวชั่วพริบตา
นกเอี้ยงโครงบินถลามาคว้าเกาะ
โดดลัดเลาะรอยไถไต่ค้นหา
แมลงน้อยถูกฉีกจิกชีวา
เป็นภักษาเจ้านกน้อย ณ รอยดิน
รอยไถนี้เป็นร่องรอยของชีวิต
รอยของจิตของพลังหวังทั้งสิ้น
ไถไปเถิดรอยไถรอยชีวิน
อย่าให้สิ้นรอยเจ้า ณ ราวดิน
กำลังคน-คันไถผู้ถั่งโถม
พลังทุยฮึกโหมมาลุยถิ่น
ท้องทุ่งนากำลังของชีวิน
นาไม่สิ้นรอยไถรอยควายทุย
1 มิถุนายน 2546 10:43 น.
ส่องหล้า
หอมรัญจวนหวนจิตให้คิดหวน
จิตรัญจวนมิจางมิห่างหาย
สุคนธ์ทิพย์มาลีคลี่กระจาย
ภุมรินเริงร่ายรัญจวนจินต์
กลีบ-เกสรอ่อนช้อยดุจเชิงฉัตร
มณีไพรจำรัสประจำถิ่น
หมู่ภมรปั่นป่วนรัญจวนจินต์
หลงใหลกลิ่นเกลือกก้องต้องกลีบนวล
งามหมดจดดุจเทพบรรจงสร้าง
งามบอบบางบาดใจหทัยหวน
ดั่งอัปสรเริงร่ำทำยั่วยวน
จิตปั่นป่วนปรวนแปรชะแลงาม
ต้องลมหนาวกล่าวขานผสานหนาว
เกร็ดน้ำค้างวับวาวจากฟ้าข้าม
เกลือกกลิ้งไกวต้องนวลดุจรวนลาม
พยายามเคียงคล้องมาต้องนวล
เริงระบำตามลมที่โหมพัด
เพิ่งระบัดกลีบบางระบัดหวน
โปรยกลิ่นกรุ่นหอมร่ำทำรัญจวน
หอมเย้ายวนมาลีมณีไพร
มวลมาลีอวยกลิ่นจินต์พิสุทธิ์
นิ่งสนิทวิมุตจำรัสใส
หอมมาลีชุ่มชื่นจรุงใจ
สวยสุกใสสมค่าพนางาม