25 กันยายน 2545 13:43 น.

เมื่อไรจะคืนรัง

ส่องหล้า

จากรวงรังเรียมร่อน...ลืมรัง
เคยคู่ครั้งเคียงคอน...ร่วมฝัน
ทนลำบากตรากตรำ...รำพัน
อยู่คู่กันผ่านฟ้า...เคียงรัง
หวังที่คาดวาดหวัง...พลั้งผิด
มรสุมชีวิต...ยากรั้ง
ในรังนอนเคว้งคว้าง...ผุผัง
ลืมฟากฝั่งฝากร้อน...ผ่อนเย็น
อยู่เดียวดายหมายต่อ...รอหวัง
เงียบเหงาดั่งเดือนดับ...มิเห็น
ในคืนมืดยิ่งมืด...ลำเค็ญ
ไร้ดวงเพ็ญผ่องฟ้า...คว้าปอง
มีเพียงแสงริบหรี่...รอรับ
คอยขานขับเคียงขวัญ...คืนห้อง
จะยิ้มชื่นรับขวัญ...นวลน้อง
ถึงเนืองนองน้ำตา...พร่ามัว
ปณิธานนี้เพียง...เคียงขวัญ
แม้โศกสันต์ท่วมท้น...ไป่ทั่ว
ใจกริ่งเกรงขามขลาด...หวาดกลัว
สั่นระรัวเจ็บเร้า...เศร้าซม
แล้วเมื่อไรใจเจ้าจะ...คืนรัง
ใจคนหวังรอคอย...เพาะบ่ม
เพียงเสี้ยวฝันผ่านมา...ให้ชม
หัวใจสมรอเรียม.....คืนรัง				
18 กันยายน 2545 13:34 น.

TAXI(คุณชัยวัฒน์ อุ่นแก้ว)

ส่องหล้า

			
กลางฝุ่นขุ่นควันคลุ้ง..................................ชีวิตมุ่งหมายรับจ้าง
เช้าเย็นตระเวนทาง..................................สอดส่ายหาพาคนจร
ดึกดื่นตื่นชีวิต...........................................ขานลิขิตมิพักผ่อน
ดั้นฟ้านภาจร............................................สู่ใจฝันผ่านเส้นทาง
ชีวิตแสนสาหัส..........................................อัตคัดและอ้างว้าง
คนจนดูเลือนราง.......................................ลุกแล้วล้มจมแผ่นดิน
สองมือที่แข็งขัน.........................................หยาบ-ขยันขยับดิ้น
ต่อสู้เพื่อชีวิน.............................................และชีวิตที่รอคอย
น้ำเงินและน้ำเหงื่อ....................................พอจุนเจือชีวิตน้อย
เพื่อก้าวข้ามผ่านรอย.................................ผู้ลำบากทนตรากตรำ
น้ำใจชโลมหล้า..........................................ใสโสภาสว่างล้ำ
มีใจไม่บอดดำ...........................................ไม่ทอดทิ้งนิ่งดูดาย
เห็นทุกข์ของคนอื่น....................................ไม่ขัดขืนรีบขวนขวาย
ช่วยผ่อนอันตราย......................................ละอัตตาไม่ยึดตน
ทางป่วนชนวนดับ......................................ชีพลาลับกลางถนน
ชี้มืดกลางมืดมน.........................................ชี้สว่างบนทางตัน
มนุษย์ผู้ประมาท........................................เข้าพิฆาตรุกโรมรัน
บอดบ้าฝ่าประจัญ........................................ฉุดกระชากจากสกล
กระเด็นไม่เห็นฝั่ง......................................เลือดไหลหลั่งกลางถนน
ฟ้ามืดยิ่งมืดมน...........................................ดาววาดค้างกลางดวงตา				
10 กันยายน 2545 22:55 น.

มนุษย์อาวุธกุหลาบ

ส่องหล้า


คนประหารมนุษย์อนาถเผด็จ...............ก็ส่งก็สร้างวิถีทุเรศ
กระทำราษฎร์
คนประหัตประหารระรานประกาศ..............ละเกียรติระแวงวิวาทระวัง
ขยับส่าย
คนทะยานกระเหี้ยนกระหือกระหาย.............กระดกกระเดื่องกระทำมลาย
ทะลวงเมือง
คนผลิตมหาประลัยมิเชื่อง..............ทะลายทะเลาะและหมายจะเขื่อง
มิยอมใคร
คนสบายก็ขายก็ค้าหทัย...............ก็เหี้ยมก็โหดประโยชน์กระไร
ประหารคน
แสนวิโยควิบัติประหารคละปล้น...............คละเคล้าคละคุ้งวิกฤติวิกล
กระทำการ
หยุดเถอะหยุดระวังหทัยประหาร...............เพาะบ่มวิถีฤดีสราญ
เจริญเมือง
มุ่งผลิตกุหลาบประดิษฐ์เมลือง...............ผดุงประเทศวิเศษกระเดื่อง
ประดับแทน				
7 กันยายน 2545 09:49 น.

รอหมอ

ส่องหล้า

กลางทุ่งนาฟ้ากว้างเส้นทางรก..................ผืนแผ่นอกแผ่นดินชีวินเคลื่อน
มีกระต๊อบโย้เย้เป็นเหย้าเรือน...................อยู่กลางเถื่อนทุ่งนาฟ้าแสนไกล
พ่อแม่ลูกผูกรักใจรับรู้...........................การเป็นอยู่ง่ายงามตามวิสัย
ลูกเพิ่งโตเติบกล้าเจริญวัย.......................	ร่วมหัวใจพ่อแม่ลูกผูกชีวา
เรียนโรงเรียนรกร้างข้างข้างวัด.................กว้างเกินขอบจำกัดจะจัดหา
ได้เรียนรู้เติบโตบนพื้นนา.......................	กว้างและไกลเกินกว่าจะคว้าดึง
อนามัยอยู่ไกลในตลาด.............................	เป็นโรงหมอผูกขาดอันดับหนึ่ง
ใครป่วยไข้มีหมอไม่ดื้อดึง.........................	ไปรักษาให้ถึงที่บ้านเรือน
แล้ววันหนึ่งกลางนาเมื่อฟ้ามืด...................ใจเย็นชืดเหน็บหนาวเข้าเชือดเฉือน
เมื่อลูกรักเจ็บไข้ได้มาเยือน........................ตัวร้อนเหมือนเปลวไฟที่ไหม้ลาม
ยาหมอตี๋ซื้อมาก็กินหมด.............................ไม่รู้กฎเพียงพอในข้อห้าม
ไข้ขึ้นสูงสูงไม่ลดเกินปลดปราม...................ต้องไปตามหมอมารักษาพลัน
อนามัยไกลกว่าขาจะก้าว............................จักรยานช่วงยาวคราวคับขัน
ผ่านคันนาป่าทุ่งมุ่งชีวัน.............................พ่อผู้ปั่นหมายหมอต่อชีวิน
ถึงโรงหมอหมอรู้อาการร้าย........................คนวางวายไข้เลือดออกระอาถิ่น
ปลิดชีวิตเด็กเด็กหลายชีวิน.......................ให้ดับดิ้นก่อนหมอต่อชะตา
เครื่องมือหมอหยูกยาจัดหาพร้อม................หัวใจน้อมจิตนำยามรักษา
พลีชีวิตดึกดื่นตื่นลืมตา...............................เป็นจรรยาฯ ของหมอต่อผู้คน
ผ่านคันนาคันเก่าเล่าความแกร่ง.................สู่กระต๊อบโหว่แหว่งในเหล่งหน
แม่และลูกรอหมอต่อชีพตน.........................แม่หัวใจสับสนและวุ่นวาย
ไปไหนหนอหมอไม่มาชักช้านัก....................ไปจมปลักโคนบ่อพ่อจึงหาย
ลูกเอ๋ยลูกเจ็บหนักไม่ผ่อนคลาย....................เพราะฤทธิ์ร้ายดิ้นชักจักเกินทน
สายลมวูบวาบไหวหัวใจวาบ...........................ลมหายใจเยิบยาบอยู่ในหน
ลมอื้ออึงตึงตังในกมล................................ลมหายใจหลุดพ้นสงบแรง
หมอมาถึงเวลาที่ฟ้าพราก..............................ฉุดกระชากหัวใจให้หลุดแหล่ง
ชีวิตน้อยรอหมอจนสิ้นแรง............................หัวใจแหว่งหวังหมอต่อชีวิน				
4 กันยายน 2545 09:00 น.

อบอุ่น

ส่องหล้า

อุ่นไอรักอบอุ่นละมุนรัก
ได้ผ่อนพักหนาวเหน็บและเหนื่อยล้า
ความอบอุ่นพาผ่านกาลเวลา
กลางเหว่ว้าเงียบเหงาและเศร้าตรม

ในอ้อมอกอ้อมแขนแน่นด้วยรัก
ความเหนื่อยหนักผ่อนคลายหัวใจสม
อุ่นอกน้อยเนิ่นนานไม่ซานซม
ได้ชื่นชมกอดอุ่นละมุนใจ

ยามลมหนาวพราวพร่างมิจางหนาว
เย็นห้วงหาวสู่ห้วงฤดีใส
ตระกองกอดอุ่นนั้นกระชั้นใน
เยือกเย็นหนาวจางใจไม่ร้าวราน

ถึงรินหลั่งน้ำฝนเกลื่อนก่นหนาว
อุ่นยังเคล้าแม้คราวเหน็บหนาวป่วน
น้ำฝนเย็นเย็นในใจรัญจวน
หยอกเย้ายวนอุ่นร่ำกลางฝนริน

สุขใจสมห่มฟ้าคราเหน็บหนาว
เก็บเดือนดาวบนฟ้ามาเยือนถิ่น
โค้งขอบฟ้าโอบกอดจุมพิตดิน
อุ่นอ้อมกอดของถิ่นแผ่นดินนอน				
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส่องหล้า
Lovings  ส่องหล้า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงส่องหล้า