12 กุมภาพันธ์ 2546 15:16 น.
ส่องหล้า
ฉันมิใช่ชาวนาผู้กล้าแกร่ง
ฉันเป็นเพียงผู้มีแรงมหาศาล
ฉันเป็นเพียงผู้ตรากตรำทำแต่งาน
ฉันเป็นเสี้ยวตำนานชาวนาไทย
ยุคสมัยไร้รอยต่อกับพ่อแม่
ยุคผู้เฒ่าผู้แก่ถูกผลักใส
ปล่อยทุ่งรกควายร้างแสนห่างไกล
คอมคราดไถก่ายกองมิต้องดิน
ท้องทุ่งนาอ้างว้างเส้นทางรก
ผืนแผ่นอกแห่งแม่พนาสิน
เคยผุดผ่องรวงทองของแผ่นดิน
สูญเสียสิ้นยุคข้าน่าเศร้าใจ
ยุคสมัยรุ่งเรืองของเครื่องจักร
คนไร้หลักพลัดพรากดูหลากไหล
ทุนนิยมยกย่องเป็นกลไก
แต่ชีวิตจิตใจมิได้ปรุง
คิดถึงดวงดอกข้าวเจ้ารวงกล้า
คิดถึงกลิ่นข้าวปลาที่แม่หุง
แกงเคยแบ่งเพื่อนบ้านทั้งป้าลุง
ความเรืองรุ่งเนืองนองทั่วท้องนา
ในวันคืนผ่านไปหัวใจเหงา
ท้องทุ่งเศร้ารวงโศกสลดหา
สิ้นรอยไถซากซังหัวคันนา
เหลือปู่ย่าตาแก่ชะแง้คอย
ต้องมาเป็นลูกจ้างข้างถนน
อึดอดทนฟันฝ่ามิล้าถอย
สู้อดทนกลืนกล้ำเพื่อย้ำรอย
หวังเรียงร้อยรอยเท้าลูกชาวนา
เมล็ดเงินหว่านเกลื่อนเอื้อนความหวัง
ใช้กำลังลงแรงแสวงหา
ชุ่มด้วยเหงื่อเม็ดเงินที่หว่านมา
เศรษฐกิจตีตราค่าร่วงโรย
เก็บดอกเหงื่อเผื่อไว้เอาใจร้อย
เก็บร่องรอยทุกข์ร้อนอ่อนระโหย
เงียบลำเค็ญเย็นชีวันอันดิ่งโดย
ทุกข์ปรายโปรยอ่อนแรงแห่งเวลา
อกระอุอานกระอักท้นกระฉอก
โรยแล้วดอกแห่งเงินที่เพลินหา
ชีวิตจริงฉันคือลูกชาวนา
ฉันมิใช่ขี้ข้าในเมืองกรุง
17 มกราคม 2546 10:55 น.
ส่องหล้า
หยาดเหงื่อสะบัดหยด
มิละลดมลายสูญ
เรี่ยวแรงจะเกื้อกูล
ปะทุพร้อมพลังใจ
กล้ามเนื้อจะเกื้อก่อ
มิระย่อและท้อใด
โถมทั้งพลังไป
อุระแกร่งมิแคลงคลอน
มือก้านและด้านหยาบ
ระอุสาปเปรอะอาภรณ์
กลางแดดตะวันร้อน
ก็จะฝ่ามิลาแรง
โถมทั้งพลังกล้า
พสุธาระเหยแห้ง
ลมร้อนกระหน่ำแรง
จะละเลียดและโลมกาย
ทุ่มใจชะสายเหงื่อ
อุระเกื้อมิขาดสาย
ความร้อนพระเพลิงพ่าย
ก็จะสูญมลายพลัน
ความหวังมิราแรง
พลแผลงและแผดผัน
สองมือกระชับมั่น
เพราะมุหมายจะสร้างเมือง
17 มกราคม 2546 10:16 น.
ส่องหล้า
ฝุ่นชอล์กปลิวว่อน
เริงร่ำคำสอน คำสั่งยังหวน
เสียงแปรงยังจำ ไม้เรียวรัญจวน
รอยแผลปั่นป่วน เจ็บแปลบแสบจริง
กระดานสีดำ
รอยชอล์กงามล้ำ กอกาสวยพริ้ง
ขอไข่ขอขวด ครูเดินตรวจติง
ใครเขียนยุ่งยิ่ง เต้นลิงหน้าชั้น
ท่องหมดจดไว้
นำด้วยกอไก่ ขอไข่เรียงกัน
ไม้เรียวไล่ชี้ ไปที่ละขั้น
ฮ.นกฮูกไล่ทัน ท่องกันทุกคน
กระดานชนวน
เขียนตามครบถ้วน คู่ควรฝึกฝน
เขียนไปลบไป ไม่มีจำนน
ฝึกหัดอดทน ยิ่งเรียนยิ่งรู้
อ่านเขียนครบครัน
พยัญชนะเข้าขั้น อ่านสระตามครู
สะกดจดเม่น เริงแล่นความรู้
เป็นคำเลิศหรู ได้รู้ได้เรียน
กระดานดำทบทวน
กระดานชนวน ขยันหมั่นเพียร
จดจำให้แม่น อย่าแค่นขีดเขียน
ใฝ่รู้ใฝ่เรียน คิดเขียนเรียนจำ
ฝุ่นชอล์กจางหาย
กระดานดำมากมาย ถูกเก็บซ่อนงำ
ผ่านกาลเวลา เพาะบ่มงามล้ำ
ทุกทุกถ้อยคำ จดจำใส่ใจ
กระดานชนวนแผ่นกว้าง
ชีวิตวาดค้าง ขีดเขียนเรียนไว้
ต่อสู้อดทน กระดานชนวนแผ่นใหญ่
ลบทิ้งไม่ได้ เขียนเติมได้ทุกวัน
12 มกราคม 2546 10:21 น.
ส่องหล้า
ดอกไม้บานวันวานจวบวันนี้
ทุกย่างก้าวขวบปีที่พ้นผ่าน
ดอกไม้สวยยังคงงามเบ่งบาน
ในวันคืนแสนหวานของชีวิน
ปลูกความงามดอกไม้ในกระถาง
ที่เหมาะสมจัดวางอยู่ในถิ่น
เพิ่งเติบโตแต่ซุกซนเป็นอาจิณ
ช่างร่าเริงในถิ่นกระถางงาม
ทำพ่อแม่ยิ้มได้หัวใจรัก
ความคึกคักเข้มข้นเป็นผลข้าม
ให้หัวใจสดชื่นดูวับวาม
ทุกทุกยามเบ่งบานตระกานจินต์
ทำพ่อแม่เป็นยักษ์ได้เจ้าตัวดื้อ
ทำหัวทื่อก้าวร้าวนอนด่าวดิ้น
วิ่งซุกซนตะรอนนอนคลุกดิน
ซนไม่สิ้นดื้อไม่ซาว่าไม่ฟัง
เจ้าเป็นดั่งเม็ดพันธุ์แห่งความสุข
ในหัวใจเคล้าคลุกจนเข้มขลัง
สร้างด้วยใจเพื่อให้เจ้ามีพลัง
ดอกเบ่งบานสะพรั่งทั่วแผ่นดิน
ดอกไม้งามสมค่ากว่ากระถาง
ที่บ่มเพาะจัดวางอยู่ในถิ่น
จงเติบโตงดงามในชีวิน
ยามเจ้าสิ้นกระถางในทางเดิน
2 มกราคม 2546 16:31 น.
ส่องหล้า
รุ่งอรุณแสงทองที่ส่องฟ้า
ปลุกมนุษย์ตื่นมาจากหลับฝัน
มารับรู้วัฏจักรของคืนวัน
แปรเปลี่ยนผันพ้นผ่านกาลเวลา
มนุษย์ผ่านดี-เลว-ทุกข์-สุขและเศร้า
มีมากมายรุมเร้าด้วยปัญหา
ตั้งแต่เล็กเติบใหญ่จนวัยชรา
ทุกข์และสุขผ่านมาได้ยลยิน
ตื่นลืมตารับแสงทองที่ส่องฉาย
ปลดอบายบ่วงมารอันถวิล
เพื่อปลดปล่อยหัวใจให้โบกบิน
สู่ยังถิ่นใสผ่องท่องมรรคา
อบอุ่นแสงสว่างที่พรั่งจิต
ตาวันฉายความคิดบรรเจิดจ้า
ความมุ่งมั่นจริงใจจักนำพา
สู่จุดหมายแกล้วกล้าตลอดกาล
จงก้าวข้ามเขตแดนด้วยแม่นมั่น
จงก้าวข้ามคืนวันด้วยอาจหาญ
จงก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่ชื่นบาน
จงก้าวสู่สายธารของชีวิน
สู่วันพรุ่งรุ่งฟ้าเวลาสวย
ชุ่มฉ่ำด้วยธารรักกระแสสิน
ธารเวลาผ่านมาได้ดื่มกิน
สู่สายธารชีวินที่ยาวไกล